เพราะมาทำงานด้านประสานงาน ความหวั่นไหวจึงอ่อนแอระยะสุดท้าย !ชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด พวกโลกสวย เชิญป้ายหน้าค่ะ

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกคน   นี่ไม่ใช่กระทู้แรกค่ะ   ก็มีตั้งกระทู้อยู่บ้าง  คอมเมนต์คนอื่นบ้างประปราย  ที่ตั้งกระทู้มานั้น ส่วนใหญ่สาระ   หามีไม่ 55555  พร่ําเพ้อ พรรณนา ตามประสาคนโสดไปเรื่อย  เนื่อหาตามหัวข้อที่ตั้ง  บางคนอาจจะงง ๆ  เน๊าะ เจ้าของกระทู้ก็งง ๆ ว่ามันคือยังไงหนอ ?  ก้ไม่มีรัยมากค่ะ  แค่อยากรู้เท่านั้นว่า  พฤติกรรมของตัวเองที่เกิดขึ้นนี้  มันไปในทิศทางของอารการโรคจิตอ่อน ๆ  ?
   
     เราเป็นคนภาคอีสานเด้อค่า ( อิอิ ) มีพี่น้องทั้งหมด  3  คน  หนุเป็นคนแรก และคนเดียวที่เป็นผู้หญิง  ส่วนน้องอีก 2 คนเป้นผุ้ชายหมดเลย น้องชายคนนึงมีครอบครัวแล้ว ( แต่ยังเรียนมหาลัย )  อีกคนนึงก้เรียนอยู่ชั้น ม.4   ฐานะครอบครัว  ไม่ถือว่ายากจนมาก  แต่ก็ไม่ได้รวย  พอมีพอกิน  ที่บ้านเปิดร้านเสริมสวยโดยขุ่นแม่  พ่อน่ะหรอ ?  ทำงานบ้านแทนแม่ทุกอย่าง 55555 ก้อยากเป้นคนติดบ้านทำไมล่ะ  ไปทำงานที่ไหนก้อยู่ได้ไม่นาน  นางให้เหตุผลว่า คิดถึงลูก  คิดถึงเมีย ( แหม่ น่าภูมิใจจัง ) ย้อนกลับมาที่แม่ของหนู  เมื่อก่อนช่างเสริมสวยแถวบ้านนอกไม่ค่อยมี  ทำให้แม่บูมมาก ๆ  ในช่วงนั้น  พูดง่าย ๆ ว่า ถึงพ่อไม่ได้ทำงาน  แต่เงินที่แม่หามาได้  มันก็พอกับรายจ่ายในแต่ละวัน  แต่ละเดือน คือเหลือกินเหลือใช้บ้าง  พอมันบูมเข้ามาก ๆ แม่ก็เริ่มทำคนเดียวไม่ไหว  แต่ก็ไม่คิดจะรับสมัครลูกมือเลย  โดยเอาหนูนี่แหละ  มาเป็นลูกมือแทน 5555  จำได้ว่าตอนที่เริ่มเรียนวิชากับแม่  หนูอยู่แค่ ม.1  กำลังดื้อ ๆ ซน ๆ ติดเพื่อนบ้าง อะไรบ้าง  แต่ก้ไม่เคยเกเร ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ไม่เคยได้พบกับสังคมข้างนอกเลย  ถึงอยากจะมีโมเม้นแบบนั้นบ้างก้เถอะ  อยู่แต่บ้านตลอด จนมันทำให้เป็นความเคยชิน  แล้วเป้นคนติดบ้านไปโดยปริยาย เป็นห่วงความรู้สึกแม่มากไง  ไม่อยากให้แม่ผิดหวัง  วันจันทร์ – ศุกร์  เรียนหนังสือ เสาร์-อาทิตย์ ทำงานช่วยแม่ ชีวิตหนูวนเวียนอยู่แค่นี้  จนถึง ม.6 ที่จะต้องจบชั้นมัธยมศึกษา  และเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย  ด้วยความที่เป็นลูกคนแรก  เลยเสียสละให้น้อง ๆ ได้เรียนหนังสือทั้ง 2 คน โดยตัวเอง  จะขอหาเงินเรียนเอง  พูดถึงเวลาอยากได้อะรัยก้ต้องเก็บเงินซื้อเองหมด  แม่บอกว่า  เงินน่ะแม่ให้ได้  แต่แม่อยากให้หนุรุ้จักเอาตัวรอด  พึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด  ให้รู้คุณค่าของเงินว่ากว่าจะได้มามันยากลำบากแค่ไหน ? และไม่นานวันนั้นก้มาถึง  วันที่ต้องจากบ้านหลังน้อย ๆ มาอยู่ในเมืองใหญ่ ในวันที่เดินทาง  จำได้ว่านั่งร้องไห้ตลอดทาง  ด้วยความที่เราไม่แคยห่างครอบครัวไปที่ไหนเลย มันทำให้คิดถึงพวกเค้ามาก ๆ   หนูคิดถึงครอบครัวที่อบอุ่น  คือตั้งแต่เด้กจนโต  เรา 5 คน พ่อ แม่ ลูก ไม่เคยห่างกันไปไหนเลย พร้อมหน้า  พร้อมตากันลตอด  พอหนูมาอยู่ในโลกที่กว้างขึ้น ไม่ได้เจอแค่บ้านกับโรงเรียนเหมือนเดิมแล้ว ต้องเจอกับหลายสิ่ง หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน  มันทำให้รุ้ว่าต้องใช้ชีวิตแบบมีสติมากขึ้น  ที่บอกว่าจะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยนั้น  มันทำให้ความคิดนั้นยุติลง  ด้วยความขี้เกียติของตัวหนุเอง  แต่ครอบครัวก้ไมว่าอะไรนะ แม่บอกหนุว่าขอแค่ให้เลี้ยงตัวเองให้รอดก้พอ  ลึก ๆ ในใจแม่ หนุรู้ว่าเค้าผิดหวังกับหนุนิด ๆ ที่เราทิ้งการเรียนไป หรืออาจจะมากกว่านั้นก้ได้  แต่ก็บอกแม่ตลอดว่า  จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังอีก  ยกเว้นแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น  เพราะที่ผ่านมาก้ไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย

    จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้อายุอานามก็ย่างเข้าไปที่  27   ปี แล้วค่ะ เกือบ 10 ปีแล้วเป็นมนุษย์เงินเดือน โดยส่วนใหญ่หนูเลือกที่จะหางานที่อยู่ใกล้กับที่พักที่สุด  จะได้สะดวกในการเดินทาง  ที่ทำงานแห่งแรก  เป็นบริษัทเกี่ยวกับการ์เม้น เห็นเค้าขึ้นป้ายรับสมัครพนักงาน   หนูก้ไม่รีรอ รีบไปสมัครเป้นการด่วน   มีตั้งหลายสาขา  ใหญ่น่าดู  หนูเลือกสาขาที่อยู่ใกล้บ้าน  และคนน้อยที่สุด 5555 ไม่ค่อยชอบความวุ่นวายซักเท่าไหร่นัก  เหมือนโชคเข้าข้าง  ที่มีตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายผลิตว่างพอดี  เค้าจึงรับเข้าทำงานในวันที่สมัครเลย  หนุก้แอบงงนิด ๆ  5555 ทำงานที่นี่ได้  5  ปี กว่า ๆ ในส่วนของหน้าที่  ที่ได้รับมอบหมาย  ไม่ค่อยเจอปัญหาอะไรเท่าไหร่นัก  ด้วยความที่ทำงานมาตั้งแต่เด้กด้วยรึป่าวไม่รุ้  มันทำให้หนูถึก  และทนมาก ๆ จนเจ้านายปริปากชม ขาด ลา มาสาย  หนุไม่เคยบกพร่องเลย  ถ้ามีโล่ หนูคงจะได้  ปลื้มสิครับ เจ้านายก็โอเคเลย  งานที่ทำก็กำลังไปได้ดี  แต่จู่ ๆ ด้วยความที่ตลาดข้างนอกมีการแข่งขันกันมากขึ้น   ทำให้สาขาที่หนูอยู่  ปิดตัวลงไปรวมกับสาขาอื่น  เพื่อลดต้นทุนในการผลิต  หนูเลือกที่จะไม่ตามหัวหน้าไป  เพราะมันอยู่ไกลเหลือเกิน  เดินทางค่อนค่างที่จะลำบาก  เลยหางานใหม่  ที่ใกล้ ๆ บ้านเหมือนเดิม  งานที่ได้ เป้นบริษัทเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์  ขายของนำเข้าจากต่างประเทศ  ซื้อมา-ขายไปบ้าง  เยอะแยะไปหมด  ที่นี่เป็นที่ทำงานปัจจุบันของหนุ  อยุได้เกือบ 4  ปีแล้วค่ะ  ในตำแหน่งประสานงานขาย  ติดต่อประสานงานกับลูกค้าทางโทรศัพท์  วันนึงไม่ต่ำกว่า 20  ราย  บางวันพูดมากจนปากชาไปหมด 55555  เจอทั้งลุกค้าที่พูดจาน่ารัก  และพุดจาเห้ .... เห้  มีทุกรูปแบบ  แต่ทุกครั้งที่รับโทรศัพท์ลุกค้าที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วแบบ  ใจแต้นแบบ รัว ๆ  ๆ ๆ  มโนไปถึงขนาดกับอยากจะคุยกันก่อนนอนอนทุกวันอย่างงี๊เลย   โอ๊ยเยอะ ๆ ๆ    ด้วยความที่ไม่เคยมีผุ้ชายผ่านเข้ามาให้ชีวิตกระชุ่ม กระชวยด้วยมั้ง  มันทำให้มีอารการเขินอายมากกว่าปกติ  แม่ก้ถามตลอดนะ  มีแฟนยัง อายุค่อนข้างเยอะแล้วนะ  แม่ไม่เคยห้ามเรื่องมีแฟน  ถึงขนาดกับพูดว่า  ถ้ามันหายากขนาดนั้น  ถ้าพลาดขึ้นมา  เป็นซิงเกิ้ลมัน  แม่ก้ยอมรับได้  แม่อยากเลี้ยงหลานแล้ว นั่นไง  ว่าไปนุ่น 5555  ถามว่างานที่ทำมันเจอปัญหาบ้างมั๊ย  มันก้เจอนะ   ถึงขั้นอยากจะลาออก   แต่หนุลาออกไม่ได้  หนุอยากคุยกับลูกค้าที่น่ารัก ๆ ยิ่งถ้าเจอเสียงหล่อ ๆ นะ  คือฉี่แทบจะราด 555555   พูดผิด  พูดถูก บางทีการที่ได้คุยกับใครซักคนนึง  ถึงแม้ไม่รุ้จักกันมาก่อน  มันก้ทำให้เรายิ้มได้นะ  เพื่อน ๆ พันทิปพอจะเข้าใจหัวอกคนโสดบ้างมั๊ยคะ ไม่ได้โลกสวย  ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ  คนรอบข้างชอบพูดว่า  หน้าตาก้ไม่ได้ขี้เหร่  แต่ทำไมหาแฟนไม่ได้ซักที  แต่หนูก้ไม่ได้ชอบหน้าตาตัวเองเลยนะ  ออกหมวย ๆ ดีที่ขาวหน่อย ไม่งั้น จบข่าว  5555  มีความคิดอยากโมทั้งหน้า ให้สวยเช้งกะเดะไปเลย แต่ติดที่ไม่มีสตางค์ 555555  หนุก้ไม่รู้เหมือนกัน  ว่าคนที่เค้ามีแฟน  เค้าไปหาจากที่ไหน ?  ใครว่าหนุไม่อยากมีคนคุยด้วย  บางทีก้เหงา ๆ ที่ต้องทำอะไรคนเดียวตลอด  เมื่อไหร่  มันจะผ่านช่วงเหงา ๆ นี้ไปได้ซักที  เพื่อน ๆ ทำยังไง  มันถึงผ่านห้วงเวลาแบบนี้ไปได้บ้างคะ  แนะนำหน่อยค่ะ  หนุไม่อยากตกอยู่ในสภาวะแบบนี้นาน ๆ  ขอบคุณที่ทนติดตามเรื่องของหนูนะคะ.........บาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่