เรื่องมีอยู่ว่า ผมเป็นหัวหน้างานในตำแหน่งในระดับหัวหน้างาน ของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับสมัคร Candidate ในตำแหน่งระดับ Supervisor ซึ่งผมก้ได้ Candidate จากบ.ผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่แห่งหนึง (ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับสินค้าอุปโภคบริโภค) ซึ่งผมก็ได้สัมภาษณ์ Process ผ่านหมดแล้ว.. ก็แจ้งน้องเค้าให้มีการแจ้งล่วงหน้ากับบ.ต้นสังกัด ครบตามขั้นตอน 30 วัน..
พอวันแรกที่มาเริ่มงาน วันแรก น้องเค้าก็ได้รับการโทรมาตามจากบริษัทต้นสังกัดนั้น ให้กลับมาทำงานด่วน ไอ้ผมกับ HR ก็งงกันเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ครับ การที่บ.ต้นสังกัดโทรมาตามให้มาทำงานและเรียกมาให้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่ใหม่ ซึ่งน้องเค้าก็เครียด และวันแรกวันนั้นผมก็ได้คุยกับน้องเค้า เค้าแจ้งว่า เค้าได้ยื่นใบลาออก กับทาง Line Mgr แล้ว และทาง HR ก็ได้รับเอกสารไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าเอกสารไม่ได้เซ็นอนุมัติ แล้วเค้าบอกอีกว่า เค้าเป็น พนง. Rehired (ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่า คำนี้ในเทอมของเค้านั้น มันหมายถึงอะไร?) เค้าบอกว่า ต้องได้รับการอนุมัติจาก นายใหญ่ คือ คุณ ศ.
ก่อน ซึ่งผมเองก็ พูดอะไรไม่ออกครับ .. สิ่งที่ได้รับจากบทเรียนนี้คือ
1. บริษัทใหญ่โตที่เราเคยได้ทราบกันว่า เอาเปรียบผู้บริโภคมาตลอด ทั้งแง่สินค้าและครอบครองตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แถมยัง เห็นชีวิตมนุษย์เป็นของเล่น หรือ ไม่มีคุณค่า ต้องการเล่นเกมส์กับชีวิตคน ผมไม่รู้หรอกว่าน้องเค้าคิดยังไง เพราะผมได้คุยกับน้องเค้าเบื้องต้นว่า น้องต้องเป็นคนตัดสินใจเองครับ เพราะผมทำอะไรไม่ได้ ผมก็ทำได้แค่ อาจจะเจรจากับ HR ของผม เพื่อต่อรองเรื่องเงินเดือนเพิ่ม เพราะอาจจะทำให้น้องเค้าเปลี่ยนใจได้หรือเปล่า (อันนี้ไม่รู้ ว่ามันมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้น้องเค้าอยากร่วมงานกับผมหรือเปล่า?)
2. การทำงาน ไม่เป็นมืออาชีพ อย่างมาก ทั้งในส่วนของ ไลน์ Mgr และ HR เอง รวมทั้ง ผู้บริหารระดับสูง เพราะการที่พนักงานของคุณยื่นหนังสือลาออก ต้องได้รับการเซ็นอนุมัติแล้ว จึงจะมาเริ่มงานที่ใหม่ได้ และน้องเค้าแจ้งว่า เค้าได้ยื่นใบลาออกให้กับทาง Mgr ก็ได้แต่รับทราบว่าจะออก แต่การที่น้องเค้ารับทราบแล้วนั้นคือ โอเค.. ลาออก และพร้อมกับการที่จะไปเริ่มงานที่ใหม่ นั่นคือสิ่งที่น้องเค้าได้รับรู้มา และเค้าก็กำลังเตรียมตัวที่จะไปเริ่มงานที่ใหม่ .. ซึ่งพอมาทราบแบบนี้ น้องเค้าก็รู้สึกเสียความรู้สึก
3. ทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ตรงที่ "ปลาใหญ่ ย่อมกินปลาเล็ก " เพื่อความอยู่รอด ผมไม่รู้หรอกว่า พนง.คนนี้มีศักยภาพเป็นยังไง ทำงานดีแค่ไหน ผมก็ทราบแค่จากการที่ผมได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับน้องเค้าตอนสัมภาษณ์ การที่คุณปิดกั้นวิสัยทัศน์ของคนคนนึง เพื่อความอยู่รอดขององค์กรของคุณ มันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัว ที่สุด.. (ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติอีกนั่นแหล่ะ เพราะมันคือธุรกิจ)..
4. ความไม่มี Commitment ขององค์กรนี้ต่อสังคม ผมมองว่า การที่คุณเป็นองค์กรระดับประเทศ แต่การที่คุณจะทำอะไรเพื่อสังคมได้อย่างน้อย มองเห็นพนง.คนๆคนนึงเป็นแค่ ของเล่นหรือครับ หรือ ต้องการครอบงำทุกอย่าง แล้วคนจะพัฒนาได้อย่างไร ถ้าคุณคิดแบบนี้ ผมไม่ได้บอกว่า บ.ที่ผมอยู่เป็นบ.ใหญ่โตอะไร แต่ก็มีคนรู้จักไม่น้อย คนๆนึงมีเป้าหมายของชีวิตที่ต้องการก้าวหน้า เติบโต ในหน้าที่การงานใหม่ ในระดับที่สูงและมีมุมมองใหม่ๆ แต่กลายเป็นว่า ถูกปิดกั้นการพัฒนาศักยภาพ ไปโดยสิ้นเชิง จากเพียงแค่ การที่ไม่มีพันธสัญญา และวิสัยทัศน์ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ของผู้บริหารของบริษัท แล้วพนง. ที่อยู่ที่นี่ คุณคิดว่ามันดีไหมครับ ที่องค์กรของคุณ มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ แคบๆ แบบนี้..
5. Process การบริหารงาน ไร้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ อย่างมาก ผมไม่รู้ว่าที่นี่เค้าทำงานยังไงนะคับ แต่อยากให้คุณมองจากมุมคนนอกนะคับ ผมติเพื่อให้คุณคิดและ ลองเอาไปวิเคราะห์ดู ผมก็ไม้ทราบหรอกว่า ระบบการบริหารบุคคลากร ของที่นี่ มีวิสัยทัศน์ อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผมว่า " รีบปรับปรุง" โดยด่วน ก่อนที่พนักงานของคุณจะ"ไม่มีคุณภาพ" เพียงแค่ต้องการสร้างคนเพื่อทำงานให้ในระยะสั้น เท่านั้น.. ไม่ได้มองในระยะยาว..
ผมมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำงานที่บ.นี้ ก็ไม่น้อย เท่าที่ทราบสุขภาพขององค์กรนี้ เริ่มแย่ลงทุกวันเพียงเพราะ "คน" ผมเข้าใจครับ ว่าที่ไหนๆก็มีปัญหาเรื่องคนทั้งนั้น แต่ที่นี่ บอกเลย ว่า " ผู้บริหารระดับสูงในส่วนของทรัพยากรบุคคล ของบริษัทนี้" ผมว่า "งานเข้า" คุณแล้วนะครับ..
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหนที่มีเรื่องราวแบบนี้ ในลักษณะเดียวกัน บ้างครับ..ผมไม่ได้เสียใจนะคับที่ไมได้น้องคนนี้มาทำงานด้วย เพียงแต่สงสัยกับการบริหารงานแปลกๆ และวิสัยทัศน์ที่ไม่เคยเห็น ที่มาจาก บ. ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ก็แค่นั้นครับ..
#no #opportunity #is #nothing ..
การบริหารงานที่ไม่ใช่มืออาชีพของบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่ ทั้ง HR และ ผู้บริหารระดับสูง
พอวันแรกที่มาเริ่มงาน วันแรก น้องเค้าก็ได้รับการโทรมาตามจากบริษัทต้นสังกัดนั้น ให้กลับมาทำงานด่วน ไอ้ผมกับ HR ก็งงกันเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ครับ การที่บ.ต้นสังกัดโทรมาตามให้มาทำงานและเรียกมาให้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่ใหม่ ซึ่งน้องเค้าก็เครียด และวันแรกวันนั้นผมก็ได้คุยกับน้องเค้า เค้าแจ้งว่า เค้าได้ยื่นใบลาออก กับทาง Line Mgr แล้ว และทาง HR ก็ได้รับเอกสารไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าเอกสารไม่ได้เซ็นอนุมัติ แล้วเค้าบอกอีกว่า เค้าเป็น พนง. Rehired (ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่า คำนี้ในเทอมของเค้านั้น มันหมายถึงอะไร?) เค้าบอกว่า ต้องได้รับการอนุมัติจาก นายใหญ่ คือ คุณ ศ.
ก่อน ซึ่งผมเองก็ พูดอะไรไม่ออกครับ .. สิ่งที่ได้รับจากบทเรียนนี้คือ
1. บริษัทใหญ่โตที่เราเคยได้ทราบกันว่า เอาเปรียบผู้บริโภคมาตลอด ทั้งแง่สินค้าและครอบครองตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แถมยัง เห็นชีวิตมนุษย์เป็นของเล่น หรือ ไม่มีคุณค่า ต้องการเล่นเกมส์กับชีวิตคน ผมไม่รู้หรอกว่าน้องเค้าคิดยังไง เพราะผมได้คุยกับน้องเค้าเบื้องต้นว่า น้องต้องเป็นคนตัดสินใจเองครับ เพราะผมทำอะไรไม่ได้ ผมก็ทำได้แค่ อาจจะเจรจากับ HR ของผม เพื่อต่อรองเรื่องเงินเดือนเพิ่ม เพราะอาจจะทำให้น้องเค้าเปลี่ยนใจได้หรือเปล่า (อันนี้ไม่รู้ ว่ามันมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้น้องเค้าอยากร่วมงานกับผมหรือเปล่า?)
2. การทำงาน ไม่เป็นมืออาชีพ อย่างมาก ทั้งในส่วนของ ไลน์ Mgr และ HR เอง รวมทั้ง ผู้บริหารระดับสูง เพราะการที่พนักงานของคุณยื่นหนังสือลาออก ต้องได้รับการเซ็นอนุมัติแล้ว จึงจะมาเริ่มงานที่ใหม่ได้ และน้องเค้าแจ้งว่า เค้าได้ยื่นใบลาออกให้กับทาง Mgr ก็ได้แต่รับทราบว่าจะออก แต่การที่น้องเค้ารับทราบแล้วนั้นคือ โอเค.. ลาออก และพร้อมกับการที่จะไปเริ่มงานที่ใหม่ นั่นคือสิ่งที่น้องเค้าได้รับรู้มา และเค้าก็กำลังเตรียมตัวที่จะไปเริ่มงานที่ใหม่ .. ซึ่งพอมาทราบแบบนี้ น้องเค้าก็รู้สึกเสียความรู้สึก
3. ทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ตรงที่ "ปลาใหญ่ ย่อมกินปลาเล็ก " เพื่อความอยู่รอด ผมไม่รู้หรอกว่า พนง.คนนี้มีศักยภาพเป็นยังไง ทำงานดีแค่ไหน ผมก็ทราบแค่จากการที่ผมได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับน้องเค้าตอนสัมภาษณ์ การที่คุณปิดกั้นวิสัยทัศน์ของคนคนนึง เพื่อความอยู่รอดขององค์กรของคุณ มันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัว ที่สุด.. (ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติอีกนั่นแหล่ะ เพราะมันคือธุรกิจ)..
4. ความไม่มี Commitment ขององค์กรนี้ต่อสังคม ผมมองว่า การที่คุณเป็นองค์กรระดับประเทศ แต่การที่คุณจะทำอะไรเพื่อสังคมได้อย่างน้อย มองเห็นพนง.คนๆคนนึงเป็นแค่ ของเล่นหรือครับ หรือ ต้องการครอบงำทุกอย่าง แล้วคนจะพัฒนาได้อย่างไร ถ้าคุณคิดแบบนี้ ผมไม่ได้บอกว่า บ.ที่ผมอยู่เป็นบ.ใหญ่โตอะไร แต่ก็มีคนรู้จักไม่น้อย คนๆนึงมีเป้าหมายของชีวิตที่ต้องการก้าวหน้า เติบโต ในหน้าที่การงานใหม่ ในระดับที่สูงและมีมุมมองใหม่ๆ แต่กลายเป็นว่า ถูกปิดกั้นการพัฒนาศักยภาพ ไปโดยสิ้นเชิง จากเพียงแค่ การที่ไม่มีพันธสัญญา และวิสัยทัศน์ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ของผู้บริหารของบริษัท แล้วพนง. ที่อยู่ที่นี่ คุณคิดว่ามันดีไหมครับ ที่องค์กรของคุณ มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ แคบๆ แบบนี้..
5. Process การบริหารงาน ไร้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ อย่างมาก ผมไม่รู้ว่าที่นี่เค้าทำงานยังไงนะคับ แต่อยากให้คุณมองจากมุมคนนอกนะคับ ผมติเพื่อให้คุณคิดและ ลองเอาไปวิเคราะห์ดู ผมก็ไม้ทราบหรอกว่า ระบบการบริหารบุคคลากร ของที่นี่ มีวิสัยทัศน์ อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผมว่า " รีบปรับปรุง" โดยด่วน ก่อนที่พนักงานของคุณจะ"ไม่มีคุณภาพ" เพียงแค่ต้องการสร้างคนเพื่อทำงานให้ในระยะสั้น เท่านั้น.. ไม่ได้มองในระยะยาว..
ผมมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่ทำงานที่บ.นี้ ก็ไม่น้อย เท่าที่ทราบสุขภาพขององค์กรนี้ เริ่มแย่ลงทุกวันเพียงเพราะ "คน" ผมเข้าใจครับ ว่าที่ไหนๆก็มีปัญหาเรื่องคนทั้งนั้น แต่ที่นี่ บอกเลย ว่า " ผู้บริหารระดับสูงในส่วนของทรัพยากรบุคคล ของบริษัทนี้" ผมว่า "งานเข้า" คุณแล้วนะครับ..
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหนที่มีเรื่องราวแบบนี้ ในลักษณะเดียวกัน บ้างครับ..ผมไม่ได้เสียใจนะคับที่ไมได้น้องคนนี้มาทำงานด้วย เพียงแต่สงสัยกับการบริหารงานแปลกๆ และวิสัยทัศน์ที่ไม่เคยเห็น ที่มาจาก บ. ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ก็แค่นั้นครับ..
#no #opportunity #is #nothing ..