คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 135
เสนอเพิ่มอีกข้อครับ เปลี่ยนกฏหมายการทำใบขับขี่เมื่อมีอายุครบ 25 ปีไปเลยครับ คือบรรลุนิติภาวะแล้ว อายุ 25 ส่วนมากเรียนจบแล้ว
โตมากพอแล้ว มีความรับผิดชอบแล้ว
ไม่ใช่ยังเรียนอยู่ แต่มีรถโดยพ่อแม่ประเคนให้ ทั้งที่ความรับผิดชอบยังไม่มี ยังหาเงินเองไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นกรณีแบบแพรวา
หรือหลายๆ คนที่เป็นข่าวมาอีกเรื่อยๆ
การครอบครองรถ ให้มีได้คนละ 1 คัน และบังคับให้ซื้อรถได้เมื่อมีอายุครบ 25 ปีขึ้นไปเท่านั้น หมายถึงถ้ามีชื่อเป็นเจ้าของรถ 1 คันแล้ว จะมีซ้ำซ้อนอีกคันไม่ได้ จนกว่าจะขายรถออกไปหรือปลดประจำการรถคันเดิมที่เก่ามากแล้ว มันก็จะไปเกี่ยวเนื่องป้องกันการซื้อรถให้ลูกที่มีหลายคนได้
โตมากพอแล้ว มีความรับผิดชอบแล้ว
ไม่ใช่ยังเรียนอยู่ แต่มีรถโดยพ่อแม่ประเคนให้ ทั้งที่ความรับผิดชอบยังไม่มี ยังหาเงินเองไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นกรณีแบบแพรวา
หรือหลายๆ คนที่เป็นข่าวมาอีกเรื่อยๆ
การครอบครองรถ ให้มีได้คนละ 1 คัน และบังคับให้ซื้อรถได้เมื่อมีอายุครบ 25 ปีขึ้นไปเท่านั้น หมายถึงถ้ามีชื่อเป็นเจ้าของรถ 1 คันแล้ว จะมีซ้ำซ้อนอีกคันไม่ได้ จนกว่าจะขายรถออกไปหรือปลดประจำการรถคันเดิมที่เก่ามากแล้ว มันก็จะไปเกี่ยวเนื่องป้องกันการซื้อรถให้ลูกที่มีหลายคนได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขอเพิ่มข้อนึ่งได้ไหมครับ "ห้ามจอดรถข้างทางตลอดเวลา ยกเว้นรถเสียหรือเหตุฉุกเฉินจริงๆ" เจอตลอดจอดกินข้าวข้างทางเอย จอดซื้อของเอย ยิ่งใกล้ตลาดหรือร้านอาหารข้างทางน่ะ ถนนเสียไปกับพวกนี้ 1 เลน คิวรถกระป้อ 1 เลน รถเมย์จอดรับ-ส่ง 1 เลน รถติด Ship หายเลย
ปล....อารมย์ส่วนตัว ที่อยากให้เป็นจิตสาธารณะส่วนรวม และผมก็ไม่ทำเพราะผมเป็นคนไม่ชอบสิ่งใด ก็จะไม่ทำสิ่งนั้นเช่นกัน
ปล....อารมย์ส่วนตัว ที่อยากให้เป็นจิตสาธารณะส่วนรวม และผมก็ไม่ทำเพราะผมเป็นคนไม่ชอบสิ่งใด ก็จะไม่ทำสิ่งนั้นเช่นกัน
ความคิดเห็นที่ 43
ขอเห็นต่าง ว่า ทำระบบขนส่งมวลชน ระบบคมนาคมอื่นๆให้มันดีเถอะครับ
ถ้าไปด้วยวิธีอื่นมันสะดวกกว่าจริง คนเค้าก็จะเลิกซื้อรถกันเอง
ทำอย่างนี้ ไม่ต่างกับพวกรถทัวร์ที่บอกว่าราคาสู้เครื่องบินไม่ได้ เลยจะให้ออกกฏหมายบังคับให้เครื่องบินต้องราคาแพง
สู้ด้วยการดีกว่าขึ้นไปสิครับ อย่าสู้ด้วยการฉุดคนอื่นให้ลงมาแย่กว่าเรา
อยากให้คนใช้ขนส่งมวลชนเยอะๆ ก็เพิ่ม"ข้อได้เปรียบ"ของขนส่งมวลชนขึ้นไปเยอะๆครับ
อย่า"ยัดเยียดข้อเสีย"ให้อีกทางเลือก
... แต่ ถ้าจะว่ากันจริงๆ มันก็คงต้องมีข้อเสียใส่ให้การซื้อรถบ้างแหละ
แต่ผมว่าตรงนั้นเอาไปใส่ในการเพิ่มภาษีรถดีกว่าไหม? เพราะได้ภาษีรถมา รัฐก็เอาไปลงทุนในขนส่งมวลชนได้
แต่จำกัดจากที่จอดรถ รัฐไม่ได้อะไรเลย เงินก็ไม่ได้เพิ่ม
ถ้าไปด้วยวิธีอื่นมันสะดวกกว่าจริง คนเค้าก็จะเลิกซื้อรถกันเอง
ทำอย่างนี้ ไม่ต่างกับพวกรถทัวร์ที่บอกว่าราคาสู้เครื่องบินไม่ได้ เลยจะให้ออกกฏหมายบังคับให้เครื่องบินต้องราคาแพง
สู้ด้วยการดีกว่าขึ้นไปสิครับ อย่าสู้ด้วยการฉุดคนอื่นให้ลงมาแย่กว่าเรา
อยากให้คนใช้ขนส่งมวลชนเยอะๆ ก็เพิ่ม"ข้อได้เปรียบ"ของขนส่งมวลชนขึ้นไปเยอะๆครับ
อย่า"ยัดเยียดข้อเสีย"ให้อีกทางเลือก
... แต่ ถ้าจะว่ากันจริงๆ มันก็คงต้องมีข้อเสียใส่ให้การซื้อรถบ้างแหละ
แต่ผมว่าตรงนั้นเอาไปใส่ในการเพิ่มภาษีรถดีกว่าไหม? เพราะได้ภาษีรถมา รัฐก็เอาไปลงทุนในขนส่งมวลชนได้
แต่จำกัดจากที่จอดรถ รัฐไม่ได้อะไรเลย เงินก็ไม่ได้เพิ่ม
แสดงความคิดเห็น
คิดยังไง ? ผู้ว่า กทม. เสนอ ใครไม่มีที่จอดรถ ห้ามซื้อ !!!
เมื่อเวลา 09.15 น. ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)
กล่าวเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมระดมสมอง เรื่องท้าทายไทย : แก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร และปาฐกถาพิเศษ
เรื่อง “การจัดการจราจรในกรุงเทพมหานคร” ว่า ขณะนี้กทม.และปริมณฑประสบปัญหาด้านการจราจรติดขัดและมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลจากความต้องการในการเดินทางของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น หากไม่เตรียมการแก้ไขหรือไม่มีแผนงานโคงการรองรับกับปัญหาจราจร
จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงจะส่งผลเสียต่อประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในอนาคต
ทำให้ภาครัฐมีนโยบายจะเร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ด้วยการผลักดันแผนงานโครงการทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาวของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯและปริมณฑล
แนวทางเบื้องต้นคือ
1.คุมกำเนิดรถยนต์ โดยผู้ที่ต้องซื้อรถยนต์ต้องแสดงที่จอดรถ ถ้าไม่มีที่จอดรถต้องห้ามซื้อรถยนต์
2.ควบคุมการใช้รถส่วนบุคคลในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในศูนย์กลางธุรกิจ ถ้าเข้าใช้อาจจะต้องมีการเสียเงิน
3.บังคับให้ผู้มีที่จอดรถในใจกลางกรุงเทพฯต้องจ่ายค่าจอดรถสูงขึ้น เพื่อมีแรงจูงใจทิ้งรถไว้ที่บ้าน
4.พัฒนาระบบรถประจำทางทั้งการขนส่งหลังและการป้อนผู้โดยสาร
5.เพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งทางเลือกให้เป็นวิถีชีวิตหลัก หรือเป็นการป้อนเข้าสู่ระบบโดยใช้แม่น้ำ คอง เข้ามาช่วย
6.เพิ่มเส้นทางจักรยาน ต้องมีการดูแลถนนให้ดี เพิ่มความสะดวกให้ผู้สูงอายุ และผู้พิการ เพราะสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว
7. ต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ต่อเนื่อง พัฒนาระบบสกายวอลค์ในศูนย์กลางธุรกิจเพื่อจูงใจให้ประชาชนเดินทางขึ้น
ที่สำคัญกทม.และปริมณฑลต้องรวมมือเรื่องผังเมือง และรัฐบาลต้องสร้างเมืองเซทเทิลไลท์ที่มีความพร้อมในเรื่องโรงเรียน
และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อไม่ให้คนในเขตปริมณฑลเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ถ้าไม่จำเป็น
ที่มา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้