[REVIEW] Defying the Decay - All We Know Is Failing (2015)

ถ้าจะพูดถึงคลื่นลูกใหม่ในวงการดนตรีนอกกระแสของไทย คงจะไม่พูดถึง Defying The Decay ไม่ได้
วงนี้ทำงานโดยการโปรโมตตัวเอง โดยเมื่อวันที่ 7กันยา ได้จัดงาน Album Launch Party ที่ลานเซ็นทรัลเวิร์ด
โดยมีพี่น้องศิลปิน Underground อีกหลายวงเช่น ANNALYNN,Dreams of Mad Children,Sudden Face Down,Nobuna และ Cries of the Captive วงเดธคอร์จาก อเมริกาที่ได้รับเชิญมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

สมาชิกในวงประกอบไปด้วย
เจย์ (ร้องนำ กีตาร์ เบส เทิร์นเทเบิล โปรแกรมมิ่ง)
Reymaz (กลอง,กีตาร์,ร้องประสาน)
จัมพ์ (กีตาร์,คีย์บอร์ด,ร้องประสาน)

โดยมี Session member Russel ที่เป็นชาวไต้หวันทำหน้าที่กีตาร์อีกหนึ่ง

การทำงานในอัลบัมนี้นอกจากนี้ยังมีความพิเศษหลายอย่าง เช่นได้ ธนชัย อุชชินหรือพี่ป๊อด Moderndog เข้ามาดูแลและให้คำแนะนำ
ส่วนการMixและMasteringได้ Joey Sturgisโปรดิวเซอร์ดนตรีนอกกระแสของอเมริกาที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Asking Alexandria,The Devil Wears Prada,Blessthefall,Of Mice & Men จึงทำให้ซาวนด์ออกมาแน่นและคมชัดไม่แพ้วงต่างประเทศเลย

ส่วนด้านเค้าโครงเพลง ทำนองและเนื้อร้อง วงได้ลงมือทำกันเองและการทำเพลงส่วนใหญ่ในอัลบัมเกิดมาจากการแจมในห้องซ้อม ที่วงแชร์ไอเดียก่อนจะมาสรุปเป็นเค้าโครงเพลง และออกมาทำเพลงให้เราได้ฟังกัน

เจย์และจัมพ์เลือกใช้กีตาร์หลากหลายในการอัดตั้งแต่เบสิคๆ 6 รวมไปถึง7และ8สาย เพราะฉนั้นผลที่ได้คือ ได้ยินเสียงกีตาร์เสียงแตกๆสะใจวัยรุ่นแน่นอนรวมไปถึงพาร์ทกลองที่ไช้สัดส่วนกลองที่หลากหลายและพาร์ทดนตรีสังเคราะห์โปรแกรมมิ่งที่ใช้ซาวนด์ประกอบช่วยเพิ่มสีสันรวมไปถึงเสียงเทิร์นเทเบิล ที่สแครชได้อย่างสะใจที่หลังๆไม่เห็นวงเมทัลไทยเอามาไส่กันแล้ว

วงเคยออกตัวไว้ว่าดนตรีของพวกเขาเป็นแนวผสมระหว่าง Post-Metalcore ,Experimental Metal,Nu-Djentcore โดยมีลูกเล่นและมีส่วนผสมหลายๆอย่าง
เช่นท่อนริฟฟ์ลุยๆแบบMetalcore มีท่อนร้องคลีนPost-hardcroeมีส่วนผสมด้านเสียงสังเคราะห์ด้านอีเล็กทรอนิกส์แบบExperimental มีริฟฟ์กีตาร์แกว่งๆหยาบๆตามสไตล์ต้นๆ2000'sแบบNu Metalและมีท่อนขัดๆริฟฟ์หนึบๆแบบฉบับDjent และถ้าจะสรุปแนวดนตรีโดยชัดเจนแล้วก็คือ Alternative Metalดีๆนี่เอง

All We Know Is Failing อัลบัมนี้คือ Concept album ที่มีเรื่องราวมีStory เหมือนกับเป็นการทดลองของมนุษย์และวันสิ้นโลก
โดยมีInterludeคั่นเพื่อเป็นการส่งต่อและอธิบายถึงเรื่องราวต่างๆ ที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งได้กระทำ ก่อนที่จะเกิดผลเกินคาดคิดที่ตามมาเนื้อหาจะแบ่งเป็นพาร์ทๆ ทั้งเรื่องกว้างๆอย่างสงคราม รวมไปถึงเรื่องของคนสองคน ผ่านการใช้ภาษาง่ายๆที่เข้าใจได้ไม่อยากนัก

เรามาดู ทางส่วน TRACK BY TRACKกันครับ

TRACK BY TRACK

New Message: [The Last Survival] 13/6/2053.
ข้อความใหม่"ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย"

เสียงเพรียกจากอนาคต และเป็นอินโทรของอัลบัม ฟังดูเหมือนราวกับว่านี่อาจเป็นสาส์นจากผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายบนโลก ที่ต้องการเตือนบางสิ่งบางอย่างกับเรา


No Line On The Horizon
"ขอบฟ้าอันไร้เส้นแถว"

เพลงแรกของอัลบัม All ที่เปิดมาด้วยเสียงกีตาร์เดินคอร์ดง่ายๆ พร้อมเสียงร้องประสานของพวกเขา และเสียงสแครช
โดยอาจจะพูดถึงการเริ่มรู้สึกตัว เริ่มตระหนักถึง สังคมที่แหลกเหลว โลกที่กำลังพังทลาย


Sand Storm
"พายุทราย"

หลังจากเครื่องได้ร้อนพอสมควรแล้วก็ต่อกันด้วยเพลงเดือดๆที่มีริฟฟ์กีตาร์แบบMetalcoreและเสียงสแครชแผ่นพร้อมกับกระเดื่องที่สับรัวๆชวนให้คิดถึงJoey Jordison

เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ทำร่วมกบRusselอดีตสมาชิกของวง และเป็นเพลงที่เกิดจากการแจมกันในห้องซ้อม และทิ้งทวนด้วยพาร์ทโซโล่สวยๆท้ายเพลงชวนให้นึกถึงSynyster Gates แห่งคณะA7x อยู่เหมือนกัน

โดยเนื้อหาจะต่อจาก No Line On The Horizon หลังจากที่สงครามสิ่นสุดแล้ว สิ่งที่พังทลายจากเศษซากสงคราม ความสูญเสีย


Shattered Memories
"ความทรงจำที่แตกสลาย"

เพลงช้า อีกเพลงโดยเพลงนี้จะเป็นสไตล์ Post-hardcore ที่มีเสียงคลีนฟังง่ายๆโดยใช้คอร์ดง่ายๆติดหู

เพลงนี้ถือได้ว่าเป็นเพลงเก่าเพลงแก่ของวงโดยเวอร์ชันแรกเสียงร้องคลีนจะเป็นเสียงผู้หญิงและเคยได้เล่นสดที่อเมริกามาแล้ว

โดยเนื้อหาจะว่าความแคบลงจากสองเพลงข้างต้น โดยพูดถึงความสัมพันธ์ต่อคนแค่สองคน ผ่านความเศร้า ความผิดหวัง ความเกลียดชัง ถ้าเปรียบความทรงจำเปราะบางเหมือนแก้ว และนี่คือแก้วที่แตกสลายและไม่มีวันจะกลับคืนมาเหมือนเดิมได้แล้วนั่นเอง


Voice Message: [The Last Time] 9/9/1996
วอยซ์แมสเสจ "ครั้งสุดท้าย"

ถ้าอัลบัมนี้คือหนังเรื่องหนึ่ง เพลงนี้คือการFlash Back ไปยังจุดเริ่มต้นของทุกอย่างนั่นเอง

สมมุติเอานะครับว่าแทรคนี้เกิดก่อนแทรคแรก The Last Survival 57ปี ผ่านเสียงบันทึกทางโทรศัพท์ของตัวละครตัวหนึ่งที่ต้องการจะสั่งเสียอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหายไปท่ามกลางความโกลาหล ความเหงาและความเศร้าผสานกับเสียงโซโล่กีตาร์ เศร้าๆที่ได้เทลงมาพร้อมกับฝนราวกลับว่า เขากำลังปราถนาให้ฝนชำละล้างความเหงาความเศร้าให้จางหายไป


Amy
"เอมี่ เธอผู้เคยเป็นที่...รัก"

เรายังหยุดอยู่กับที่ และยังคงเป็นเรื่องของคนสองคน

ภาคดนตรียังคงเป็นเพลงช้าที่มีท่อนคลีนสไตล์Post-hardcore ผ่านริฟฟ์กีตาร์ฟังง่ายๆโดยไม่ลืมที่จะทิ้งทวนด้วยพาร์ทโซโล่ท้ายเพลงเช่นเดิม

แทรคนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงรักที่ไส่เข้ามาในอัลบัม และแน่นอนมันคือรักที่ไม่สมหวัง ที่พรรณาถึงความสัมพันธ์ที่พังทลายลงของคนสองคน
เพลงนี้เป็นเพลงที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี2012แล้ว โดยแต่แรกเริ่มใช้ชื่อว่า "Poision Heart" ส่วน Amy มาจากชื่ออดีตคนรักเก่าของสมาชิกในวง


Test Subject 108: [Human Bioelectricity] 27/8/2049
"การทดลองครั้งที่ 108" การทดลองไฟฟ้าชีวภาพมนุษย์

Interlude ย่อยๆอีกครั้งนึง ที่น่าจะกล่าวถึงการทดลองอะไรบางอย่าง หลังจาก "The Last Time" Interludeที่แล้ว 53ปี และก่อน "The Last Survival"เพียง4ปี

เพลงนี้สื่อถึงการทดลองอันโหดร้ายที่มนุษย์ทำกับมนุษย์ ผ่านเสียง เปียนโน โทนต่ำๆ ชวนสยดสยองนิดๆ ก่อนที่จะเข้าสู่


Machine City
"เมืองจักรกล"

เพลงแรกของวงที่ทำMVและนี่คือเพลงแรกที่วงเริ่มทดลองใช้กีตาร์7-8สาย เป็นเพลงจังหวะกลางๆ โดยไม่ลืมที่จะไส่พาร์ทโซโล่สวยๆทิ้งท้ายไว้เช่นเคย

อารมณ์ของเพลงคือความกดดัน ความหวาดระแวง ต่อสิ่งที่กำลังจะดับสูญหรือจบลงอย่างช้าๆและความต้องการที่จะหนีไปสู่บางสิ่งที่ดีกว่าขึ้นมา
เพลงนี้เคยใช้ชื่อว่า "Everything You Love is Lost"


Bloody Teeth
"ฟันเปื้อนเลือด"

Singleแรกที่ปล่อยออกมาเป็นทางการเมื่อปลายปี2014
เพลงนี้เรียกได้เลยว่าบ่งบอกถึงจุดยืนของวง ที่นำเอาดนตรีอย่างNu Metal , Metalcore ,Djent,ที่มีกลิ่น Party Metal อยู่ไม่น้อย (อาจจะเป็นเพราะว่าริฟฟ์กีตาร์เกิดขึ้นมาหลังจากปาร์ตี้)

ริฟฟ์กีตาร์หยาบๆสาดๆผนวกเสียงสแครช ขัดๆหูชวนกวนใจ โดยไร้เสียงคลีนมาผ่อนหู และเพลงนี้เป็นเพลงที่หนักสุดในอัลบัมเหมาะแก่การเล่นสดเป็นอย่างมาก
โดยเนื้อเพลงจะกล่าวถึงการทะเลาะวิวาท,ความรุนแรง,ความขาดสติ,การรบราฆ่าฟัน ,การฆาตกรรม,และการลบหลู่ดูหมื่น


Purified
"การชำระล้าง"

Interludeสุดท้ายคือความสงบหลังจากเกิดความสับสนวุ่นวาย
ที่เป็นเสียงแทปปิ้งของกีตาร์8สายผสานไปกับซาวนด์สังเคราะห์


All We Know Is Failing
"สิ่งที่เรารู้ที่สุดคือความล้มเหลว"

เพลงสุดท้ายที่ใช้ชื่อเดียวกับอัลบัม

เมื่อการเดินทางได้สิ้นสุดลงและไม่เหลือหนทางที่จะดำเนินได้ต่อ
ความผิดพลาดในอดีตคือฝันร้ายที่เราหนีไม่พ้น และตอนนี้มันได้ส่งผลมายังปัจจุบันและอนาคต
เรายังคงได้แต่เฝ้าดูและระลึกถึงอดีตแต่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขมันได้นั่นเอง

เพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายที่เขียนขึ้นมาและพวกเขาเกือบจะไม่ได้บรรจุเพลงนี้ลงในอัลบัมแล้ว โดยหลังจาก1สัปดาห์
หลังจากที่ทุกอย่างในอัลบัมเสร็จสิ้น พวกเขารู้สึกว่าควรจะเพิ่มเพลงลงไปอีกสักหนึ่งเพลง โดยต้องการเพลงหนักหน่วงที่มีเมโลดีสวยๆ
และเคยใช้ชื่อว่า เพลงนี้เคยถูกใช้ชื่อว่า "Leaving Song"

โดยสไตล์เพลงจะออกเป็นเพลงจังหวะค่อนข้างช้าที่มีเสียงคลีนเมโลดีสวยๆและกลิ่นความเป็นPost-hardcoreผสานกับเสียงอคูสติกกีตาร์พร้อมไลน์เบสลื่นไหลสวยๆ และมีการเรียบเรียงที่สวยงามโดยไม่จำเป็นต้องไส่ไลน์โซโล่กีตาร์ลงไปให้ดูเกินๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่