แล้วฉันก็รักเธอ .. ชุมแสง

สไตล์การท่องเที่ยวแต่ละคน มีความแตกต่างกัน ตัวผมเอง ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า ผมชอบแบบไหน แต่ที่แน่ ๆ ผมเป็นคนที่เมารถจริงจังมาก คนที่เมารถคงจะเข้าใจว่า ทรมานมากแค่ไหน หลาย ๆ ครั้ง ภาพที่งดงาม ของขุนเขา ทะเลหมอก ก็เบลอจนแทบมองไม่เห็น เมื่อเมารถ

ช่วงนี้ ผมเลยเลือกที่จะเดินทางโดยทางรถไฟ เพราะสถานีรถไฟหลักสี่ อยู่ไม่ไกลจากบ้านผม เริ่มต้นจากใกล้ ๆ เช่นบางปะอิน อยุธยา แล้วเริ่มขยับออกไปไกล ในทริปนี้ คือ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์

เพื่อนหลาย ๆ คนถามมาว่า ไปดูอะไร ที่ชุมแสง

ผมไม่รู้จะตอบแบบสั้น ๆ ได้อย่างไร ก็เลยตอบไปว่า ไปดูชุมแสง อย่างที่ชุมแสงเป็นอยู่ 555555

แต่จริง ๆ ผมมีเบื้องหลังมากกว่านั้น ประการแรก คือ ผมสังเกตเห็นว่า เมืองที่ไม่ได้อยู่บนทางหลวงหลัก มักจะรักษาตัวตน ของชุมชนไว้ได้มากกว่าเมืองที่อยู่บนทางหลวงหลัก หรือหลาย ๆ คนบอกกับผมว่า เป็นเมืองที่ไม่ค่อยเจริญ

ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เป็นเรื่องดีโดยบังเอิญหรือเปล่า เพราะเมืองเหล่านั้น เริ่มจะกลายเป็นเมืองที่มีทรัพยากรท่องเที่ยว ที่มีมูลค่าสูง กว่าเมืองที่เจริญแล้ว อย่างเช่น เมืองน่าน เมืองโพธาราม

ประการที่สอง ผมได้อ่านประวัติศาสตร์ช่วงประมาณรัชกาล ที่ 4-5 แบบงู ๆ ปลา ๆ มาบ้าง ทำให้พยายามต่อจิ๊กซอร์ เกี่ยวกับเส้นทางการเดินทัพของกรุงเทพ ไปยังหัวเมืองเหนือ ด้านลุ่มน้ำน่าน ผมพยายามหลับตานึกถึง กองทัพของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ที่เปลี่ยนจากเรือที่กินน้ำลึก ที่เมืองปากน้ำโพ มาเป็นเรือหางแมงป่อง ที่กินน้ำตื้นกว่า เพื่อจะขนคน อาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งสะเบียงต่าง ๆ ขึ้นไปยังพิษณุโลก เพื่อจะไปเดินทัพช้าง และม้าต่อ

ประการที่สาม เมื่อมีทางรถไฟเกิดขึ้น ชุมแสง ก็คล้าย ๆ กับเมืองอื่น ๆ ในระแวกลุ่มน้ำ และริมทางรถไฟอื่น ๆ คือ เป็นเมืองท่า ที่จะรวบรวมข้าว ของพื้นบ้านต่าง ๆ เพื่อส่งต่อลงไปกรุงเทพ และส่งไปต่างประเทศ ความมั่งคั่งยังมีร่องรอยให้เห็นไปทั่ว แต่กำลังจะสูญหายอย่างรวดเร็ว หากผมไม่รีบมาดู ต่อไป คงจะหาดูได้ยาก เช่น โรงสีไฟ โรงแรมที่พัก ตลาดที่มีชีวิตแบบดั้งเดิม

และประการอื่น ๆ อีก แต่คงพอแค่นี้ก่อน เพราะดูจะเยอะไป จนน่าเบื่อหน่าย

เอาเป็นว่า แล้วผมก็ได้นั่งรถไฟ ไปชุมแสงจนได้

24 ชั่วโมง ที่อยู่ที่ชุมแสง เป็นเวลาที่สั้นมาก ผมเก็บภาพมาได้น้อย ถึงน้อยที่สุด เพราะผมเสียดาย ที่จะเอาเวลาไปมัวแต่ถ่ายภาพ หากหักเวลานอนออกไปแล้ว เวลาที่เหลือ คือ การได้พูดคุยกับผู้คนที่นั่น การได้ฟังเรื่องราวจากผู้คน ทัศนะ ความคิด มุมมอง ล้วนแล้วแต่น่าสนใจ ที่จริง ผมควรจะอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แต่บางครั้ง การกินอาหารให้อร่อย คือ การได้ชิมเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อว่า จะได้ถวิลหา และย้อนกลับมาอีกครั้ง ในเร็ววัน

รายละเอียดของ .. ชวนเพื่อนนั่งรถไฟ ไปเที่ยว เมืองชุมแสง .. ซึ่งผมได้ชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเมื่อกลางเดือนกันยายน 2558 https://www.facebook.com/events/1592446797670838/

เราจะไปอีกครั้ง 3-4 ตุลาคม 2558 .. นั่งรถไฟไป ชิม ชม ช้อป @เมืองชุมแสง .. คลิกดูรายละเอียด https://www.facebook.com/events/1618802601704656/

และผลพลอยได้จากทริปที่ผ่านมา คือ เพจ V Love ChumSaeng ... เ ร า รั ก ชุ ม แ ส ง ... https://www.facebook.com/VLoveChumSaeng



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่