จั่วหัวกระทู้ซะแบบว่าดูอิโรติก เอ้ย!!! โรแมนติกมากกกกกกก แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเลย ก็แบบจั่วหัวเรียกแขกอยากจะชวนไปเที่ยวด้วยกัน ปะไปกันเลยดีกว่าเลสซาโกวววว
บ้านกกกอดเป็นที่พักนึงที่อยากไปมาตั้งแต่นานแล้ว ด้วยจังหวะและโอกาสไม่ได้ไปกะเค้าซักที พอจังหวะมาถึงจะรออะไร ก็จัดไปซิ ณ ตอนนี้น่าจะเป็นที่พักที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก ด้วยว่าอยู่ใกล้กรุงเทพเดินทางไม่นาน บรรยากาศดี เลยทำให้ที่พักนี้ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวอย่างเราแบบล้นหลาม ตัวเราเองก็จองไปตั้งแต่ 9 กค. กว่าจะได้ไปก็นู่นเลย 26 กย. ตามมาเที่ยวกันดีกว่า ว่าแต่ไปไงดีหล่ะรถก็ไม่มีขับไป หลังจากศึกษาข้อมูลมาอย่างครบถ้วนแล้วเรา 2 คนเลือกที่จะไปเมืองกาญโดยรถไฟ แล้วไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปที่พัก
เรามาขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีธนบุรี(บางกอกน้อย) สายธนบุรี-น้ำตก ตามตารางรถไฟออก 7.50 ไปถึงสถานีกาญจนบุรีซักประมาณ 10.50 แต่ออกจริง 8.00 ก็รู้สึกดีว่าเออช้านิดเดียวเอง แต่ที่ไหนได้ไปถึงประมาณ 11.30 เพราะว่าไปจอดอยู่สถานีนึงน้านนนนนาน
จากสถานีรถไฟเรียกบริการรถสองแถวไปร้านเช่ารถแถว ๆ โค้งประปา (ค่ารถสองแถว 50บาท) บอกรถสองแถวว่าไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์จ่าชา พี่เค้าขับมาส่งถึงหน้าร้านเลย ที่เราเลือกใช้บริการร้านจ่าชาเพราะจากข้อมูลที่หามาได้ร้านจ่าชาน่าจะเป็นร้านเดียวในระแวกนั้นที่ให้คนไทยเช่า แล้วทางที่พักเองก็แนะนำร้านนี้มาเหมือนกัน ที่หลาย ๆ ร้านไม่ยอมให้คนไทยเช่าเพราะเค้ากลัวโดนเชิดรถไป ค่าเช่ารถอยู่ที่ 300/วัน แถมไม่ต้องวางบัตรประชาชนด้วย
เมื่อได้รถแล้วเป้าหมายต่อไปของเราคือตามหาต้นจามจุรียักษ์กันก่อน ขี่ย้อนกลับมาเส้นจะเข้ากรุงเทพเจอ 3 แยกตรงศาลากลางแล้วก็เลี้ยวขวา เส้นทางไปง่าย ๆ ขับเรื่อย ๆ รถไม่เยอะ อยู่ในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1มาถึงแล้วบอกได้คำเดียวว่าใหญ่มาก นักท่องเที่ยวหมุนเวียนมาเยี่ยมชมอยู่ตลอด นี่ก็มาชื่นชมความงามถ่ายรูปเล่นกันซักพักแล้วค่อยไปต่อ
เส้นทางระหว่างไปต้นจามจุรียักษ์สวยดีสีเขียวขจีตลอดเส้นทาง เชื้อเชิญให้จอดรถถ่ายรูปเล่นมาก ๆ
เสร็จสรรพก็ยิงยาวไปที่บ้านกกกอดกัน น้ำมันเต็มถังพร้อมแต่ที่ไม่พร้อมคืออุปกรณ์กันแดด กล้าดีมากเลือกขี่มอเตอร์ไซค์ไปโดยที่ไม่ทากันแดด ไม่ใส่ขายาว ไม่ใส่เสื้อคลุม ถึงกับต้องหาที่พักระหว่างทางก่อนจะเป็นลมแดดเอาซะก่อน (ก็งงตัวเองว่าทำไมไม่หยิบกันแดดมาจากบ้านด้วย)
ขี่รถจากในเมืองมาถึงที่พักรวมนั่งพักข้างทางแล้วน่าจะใช้เวลาไปประมาณ 1 ชม.หน่อยๆ ก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา บ้านกกกอด กอด กอด กอด
ที่พักวันนี้น่าจะเกือบเต็ม (ยกเว้นหลังข้าง ๆ สงสัยจองแล้วมาไม่ได้) บรรยากาศเงียบอย่างที่เค้าบอกไว้จริง ๆ เหมาะแก่การพักผ่อน ห้องพักที่จองไว้ราคาคืนละ 1200 ห้องพัดลมราคารวมอาหารเช้า เป็นวิวเขื่อน ห้องน้ำรวม (ห้องน้ำสะอาดดีค่ะ) แอบเห็นด้วยว่ากำลังสร้างที่พักเพิ่มอยู่เหมือนกัน
โยนกระเป๋าเข้าห้องแว่บไปอาบน้ำก่อนแล้วออกมาชื่นชมความงามของที่พักและวิวโดยรอบ จากที่พักมองไปเห็นสันเขื่อนท่าทุ่งนาอยู่ไกล ๆ กะว่าจะแวะไปเหมือนกัน
ที่นี่มีบริการเรือคายักราคา 100 บาทเล่นได้ตลอด แต่ถ้าเป็นเรือแจวไม่เสียเงินค่ะ
ตอนเย็นไปฝากท้องไว้กับร้านครัวคุณลุง อยู่ตรงปากทางเข้า อิ่มอร่อยราคาไม่แพง กินข้าวเสร็จก็เข้าที่พัก ดูนาฬิกานี่มัน 2 ทุ่มเองทำอะไรดีหล่ะ ทีวีก็ไม่มี จะเข้านอนก็ไม่ใช่ งั้นไปดูดาวละกันแล้วค่อยเข้านอน วันที่ไปท้องฟ้าเปิดเห็นพระจันทร์และก็ดาวชัดมาก แต่ลมไม่ค่อยมีเลยโดนยุงกัดนิดนึง
พระอาทิตย์ตอนเช้าขึ้นประมาณ 6 โมง เปิดผ้าม่านมาก็เห็นวิวนี้เลย
พระอาทิตย์จะขึ้นแล้วจะรออะไรรีบตื่นรับแดดยามเช้าแล้วก็สูดอากาศนิดนึงกันเลยซิ ไปทำงานบอกเลยนะไม่ตื่นเช้าขนาดนี้
ห้องพักหันไปทางทิศตะวันออกพอซัก 8 โมงเช้าบอกเลยว่าในห้องเริ่มอบอุ่น และถึงขั้นอบอ้าวในช่วงเวลาแค่อึดใจเดียว มิน่าหล่ะพอสาย ๆ หน่อยมาตรงส่วนกลางอีกทีเค้า check out กันหมดแล้ว แต่เราไม่รีบให้คนอื่นเค้าอาบน้ำ check out กันก่อน แล้วเราค่อยตามจะได้ไม่แย่งกัน ขากลับออกมาปากทางตรงร้านครัวคุณลุงจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ เอารถมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดกินไอติมดับร้อนแล้วก็ลงไปเอาเท้าจุ่มน้ำถ่ายรูปเล่นซะหน่อย
ก่อนเข้าเมืองขอเข้าไปเขื่อนท่าทุ่งนาแป๊บนึงเขื่อนนี่ไม่ใหญ่มากแต่พอได้เก็บภาพมาบ้าง แดดแรงมาก มากซะจนไม่อยากขี่มอเตอร์ไซค์กลับเลย
แดดวันนี้แรงกว่าเมื่อวาน หน้าขานี่เกรียมเลย ตอนพักข้างทางนี่อยากจะว้าปไปในเมืองซะตอนนี้ ถึงในเมืองก็แวะไปถ.ปากแพรกกันก่อนกลับ ที่นี่เป็นชุมชนเก่าของจังหวัด ตึกเก่า ๆ ร้านเก่าแก่ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปย่านนี้ แดดแรงเลยไม่ได้เดินถ่ายรูปเล่นเท่าไหร่
เสร็จจากปากแพรกก็เอารถไปคืนที่ร้าน เรายืมมาตอนเที่ยงคืนรถไปตอนบ่ายสาม พี่เค้าบอกส่วนเกินปกติคิดชม.ละ 80 เลยบอกว่าพวกเราไม่ปกติให้พี่ช่วยคิดราคาไม่ปกติให้หน่อย พี่เค้าคิดเพิ่มไป 100 บาท ก็โอเคอยู่นะ แล้วก็ใช้บริการรถพ่วงข้างของที่ร้าน(ราคา50บาท)มาส่งที่ท่ารถเป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทางของทริปนี้ จะดีกว่านี้ถ้าไม่ลืมเอาครีมกันแดดมา -*-
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ตามนี้
ค่าที่พัก 1200
ค่ารถสองแถวจากสถานีรถไฟไปร้านเช่ารถ 50 บาท
ค่ารถจากร้านมาส่งที่ขนส่ง 50 บาท
ค่าเช่ารถ 400 บาท (1วันกะ3ชม.)
ค่าน้ำมัน 140 บาท
ค่าอาหารเย็น 510 บาท
ค่ารถทัวร์กลับกรุงเทพคนละ 100 บาท
ค่าอื่น ๆ นิดหน่อยไม่น่าเกิน 300 บาท
ใครอยากไปเที่ยวด้วยกันกับพวกเรา มาเป็นเพื่อนกันได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/iamtravelaholic
[CR] กอดเดือน กอดดาว กอดตะวัน แล้วก็มากอดกันที่บ้านกกกอด
บ้านกกกอดเป็นที่พักนึงที่อยากไปมาตั้งแต่นานแล้ว ด้วยจังหวะและโอกาสไม่ได้ไปกะเค้าซักที พอจังหวะมาถึงจะรออะไร ก็จัดไปซิ ณ ตอนนี้น่าจะเป็นที่พักที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก ด้วยว่าอยู่ใกล้กรุงเทพเดินทางไม่นาน บรรยากาศดี เลยทำให้ที่พักนี้ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวอย่างเราแบบล้นหลาม ตัวเราเองก็จองไปตั้งแต่ 9 กค. กว่าจะได้ไปก็นู่นเลย 26 กย. ตามมาเที่ยวกันดีกว่า ว่าแต่ไปไงดีหล่ะรถก็ไม่มีขับไป หลังจากศึกษาข้อมูลมาอย่างครบถ้วนแล้วเรา 2 คนเลือกที่จะไปเมืองกาญโดยรถไฟ แล้วไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปที่พัก
เรามาขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีธนบุรี(บางกอกน้อย) สายธนบุรี-น้ำตก ตามตารางรถไฟออก 7.50 ไปถึงสถานีกาญจนบุรีซักประมาณ 10.50 แต่ออกจริง 8.00 ก็รู้สึกดีว่าเออช้านิดเดียวเอง แต่ที่ไหนได้ไปถึงประมาณ 11.30 เพราะว่าไปจอดอยู่สถานีนึงน้านนนนนาน
จากสถานีรถไฟเรียกบริการรถสองแถวไปร้านเช่ารถแถว ๆ โค้งประปา (ค่ารถสองแถว 50บาท) บอกรถสองแถวว่าไปร้านเช่ามอเตอร์ไซค์จ่าชา พี่เค้าขับมาส่งถึงหน้าร้านเลย ที่เราเลือกใช้บริการร้านจ่าชาเพราะจากข้อมูลที่หามาได้ร้านจ่าชาน่าจะเป็นร้านเดียวในระแวกนั้นที่ให้คนไทยเช่า แล้วทางที่พักเองก็แนะนำร้านนี้มาเหมือนกัน ที่หลาย ๆ ร้านไม่ยอมให้คนไทยเช่าเพราะเค้ากลัวโดนเชิดรถไป ค่าเช่ารถอยู่ที่ 300/วัน แถมไม่ต้องวางบัตรประชาชนด้วย
เมื่อได้รถแล้วเป้าหมายต่อไปของเราคือตามหาต้นจามจุรียักษ์กันก่อน ขี่ย้อนกลับมาเส้นจะเข้ากรุงเทพเจอ 3 แยกตรงศาลากลางแล้วก็เลี้ยวขวา เส้นทางไปง่าย ๆ ขับเรื่อย ๆ รถไม่เยอะ อยู่ในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1มาถึงแล้วบอกได้คำเดียวว่าใหญ่มาก นักท่องเที่ยวหมุนเวียนมาเยี่ยมชมอยู่ตลอด นี่ก็มาชื่นชมความงามถ่ายรูปเล่นกันซักพักแล้วค่อยไปต่อ
เส้นทางระหว่างไปต้นจามจุรียักษ์สวยดีสีเขียวขจีตลอดเส้นทาง เชื้อเชิญให้จอดรถถ่ายรูปเล่นมาก ๆ
เสร็จสรรพก็ยิงยาวไปที่บ้านกกกอดกัน น้ำมันเต็มถังพร้อมแต่ที่ไม่พร้อมคืออุปกรณ์กันแดด กล้าดีมากเลือกขี่มอเตอร์ไซค์ไปโดยที่ไม่ทากันแดด ไม่ใส่ขายาว ไม่ใส่เสื้อคลุม ถึงกับต้องหาที่พักระหว่างทางก่อนจะเป็นลมแดดเอาซะก่อน (ก็งงตัวเองว่าทำไมไม่หยิบกันแดดมาจากบ้านด้วย)
ขี่รถจากในเมืองมาถึงที่พักรวมนั่งพักข้างทางแล้วน่าจะใช้เวลาไปประมาณ 1 ชม.หน่อยๆ ก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา บ้านกกกอด กอด กอด กอด
ที่พักวันนี้น่าจะเกือบเต็ม (ยกเว้นหลังข้าง ๆ สงสัยจองแล้วมาไม่ได้) บรรยากาศเงียบอย่างที่เค้าบอกไว้จริง ๆ เหมาะแก่การพักผ่อน ห้องพักที่จองไว้ราคาคืนละ 1200 ห้องพัดลมราคารวมอาหารเช้า เป็นวิวเขื่อน ห้องน้ำรวม (ห้องน้ำสะอาดดีค่ะ) แอบเห็นด้วยว่ากำลังสร้างที่พักเพิ่มอยู่เหมือนกัน
โยนกระเป๋าเข้าห้องแว่บไปอาบน้ำก่อนแล้วออกมาชื่นชมความงามของที่พักและวิวโดยรอบ จากที่พักมองไปเห็นสันเขื่อนท่าทุ่งนาอยู่ไกล ๆ กะว่าจะแวะไปเหมือนกัน
ที่นี่มีบริการเรือคายักราคา 100 บาทเล่นได้ตลอด แต่ถ้าเป็นเรือแจวไม่เสียเงินค่ะ
ตอนเย็นไปฝากท้องไว้กับร้านครัวคุณลุง อยู่ตรงปากทางเข้า อิ่มอร่อยราคาไม่แพง กินข้าวเสร็จก็เข้าที่พัก ดูนาฬิกานี่มัน 2 ทุ่มเองทำอะไรดีหล่ะ ทีวีก็ไม่มี จะเข้านอนก็ไม่ใช่ งั้นไปดูดาวละกันแล้วค่อยเข้านอน วันที่ไปท้องฟ้าเปิดเห็นพระจันทร์และก็ดาวชัดมาก แต่ลมไม่ค่อยมีเลยโดนยุงกัดนิดนึง
พระอาทิตย์ตอนเช้าขึ้นประมาณ 6 โมง เปิดผ้าม่านมาก็เห็นวิวนี้เลย
พระอาทิตย์จะขึ้นแล้วจะรออะไรรีบตื่นรับแดดยามเช้าแล้วก็สูดอากาศนิดนึงกันเลยซิ ไปทำงานบอกเลยนะไม่ตื่นเช้าขนาดนี้
ห้องพักหันไปทางทิศตะวันออกพอซัก 8 โมงเช้าบอกเลยว่าในห้องเริ่มอบอุ่น และถึงขั้นอบอ้าวในช่วงเวลาแค่อึดใจเดียว มิน่าหล่ะพอสาย ๆ หน่อยมาตรงส่วนกลางอีกทีเค้า check out กันหมดแล้ว แต่เราไม่รีบให้คนอื่นเค้าอาบน้ำ check out กันก่อน แล้วเราค่อยตามจะได้ไม่แย่งกัน ขากลับออกมาปากทางตรงร้านครัวคุณลุงจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ เอารถมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดกินไอติมดับร้อนแล้วก็ลงไปเอาเท้าจุ่มน้ำถ่ายรูปเล่นซะหน่อย
ก่อนเข้าเมืองขอเข้าไปเขื่อนท่าทุ่งนาแป๊บนึงเขื่อนนี่ไม่ใหญ่มากแต่พอได้เก็บภาพมาบ้าง แดดแรงมาก มากซะจนไม่อยากขี่มอเตอร์ไซค์กลับเลย
แดดวันนี้แรงกว่าเมื่อวาน หน้าขานี่เกรียมเลย ตอนพักข้างทางนี่อยากจะว้าปไปในเมืองซะตอนนี้ ถึงในเมืองก็แวะไปถ.ปากแพรกกันก่อนกลับ ที่นี่เป็นชุมชนเก่าของจังหวัด ตึกเก่า ๆ ร้านเก่าแก่ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไปย่านนี้ แดดแรงเลยไม่ได้เดินถ่ายรูปเล่นเท่าไหร่
เสร็จจากปากแพรกก็เอารถไปคืนที่ร้าน เรายืมมาตอนเที่ยงคืนรถไปตอนบ่ายสาม พี่เค้าบอกส่วนเกินปกติคิดชม.ละ 80 เลยบอกว่าพวกเราไม่ปกติให้พี่ช่วยคิดราคาไม่ปกติให้หน่อย พี่เค้าคิดเพิ่มไป 100 บาท ก็โอเคอยู่นะ แล้วก็ใช้บริการรถพ่วงข้างของที่ร้าน(ราคา50บาท)มาส่งที่ท่ารถเป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทางของทริปนี้ จะดีกว่านี้ถ้าไม่ลืมเอาครีมกันแดดมา -*-
สรุปค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ตามนี้
ค่าที่พัก 1200
ค่ารถสองแถวจากสถานีรถไฟไปร้านเช่ารถ 50 บาท
ค่ารถจากร้านมาส่งที่ขนส่ง 50 บาท
ค่าเช่ารถ 400 บาท (1วันกะ3ชม.)
ค่าน้ำมัน 140 บาท
ค่าอาหารเย็น 510 บาท
ค่ารถทัวร์กลับกรุงเทพคนละ 100 บาท
ค่าอื่น ๆ นิดหน่อยไม่น่าเกิน 300 บาท
ใครอยากไปเที่ยวด้วยกันกับพวกเรา มาเป็นเพื่อนกันได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้