มนต์เค้าสร้างแบรนด์มานานนะครับ อย่างต่ำๆก็ 40-50 ปี จะสร้างแบรนด์แบบเค้านี่คงเหนื่อยครับ

ส่วนตัวผมมองว่าคุณลองวิเคราะห์ต้นทุนก่อนดีกว่าครับ ราคาแบบมนต์เอาจริงๆไม่ได้ถือว่าถูกเลยนะ ถ้าคุณบอกว่าขายราคานี้ ขายดีแต่

ขาดทุนผมว่าต้นทุนคุณมีปัญหา อาจจะเป็นเพราะคุณใช้วัตถุดิบที่ดีเกินไป อย่างเนยสดที่ราคาสูง


คหสต ผมนะครับ ขายเฉพาะกลุ่มตลาดกลางขึ้นไปครับ กลุ่มตลาดล่าง ของหวานมื้อละ 40-50 บาท นี่เค้าคงไม่ค่อยทานหรอกครับ

ราคาประมาณนี้เค้าทานข้าวได้ 1-2 มื้อด้วยซ้ำ


ทางแก้เบื้องต้น


ขนาดร้านใหญ่มั้ยครับ ทำเลดีแค่ไหน อยู่ใกล้อะไร และขายดีตลอดเวลาแบบมนต์รึเปล่า อย่างมนต์ช่วงเย็นได้เด็กมัธยมเลิกเรียน

ช่วงค่ำเด็กมหาลัย คนทำงาน  ลองวิเคราะห์ตรงนี้ออกมาเป็นจุดๆ อาจจะมองเห็นภาพอะไรครับ



1. อย่างสมมุติช่วงบ่ายๆถึงเย็นลูกค้าค่อนข้างน้อย คุณอาจจะออกเซตเมนูราคาถูก ขายเป็นช่วง Happy hours

( ลดสเปควัตถุดิบ ) ออกมาเป็นทางเลือกให้กลุ่มนักเรียนที่กำลังซื้ออาจจะไม่มาก  ใช้ระบบสะสมแต้มดึงดูดให้ลูกค้ามาทานประจำ


2. ถ้าขนาดร้านเล็ก ช่วงที่ขายดี ลูกค้าค่อนข้างแน่น ลองสังเกตุว่าลูกค้านั่งแช่มั้ย ถ้านั่งแช่นาน ผมแนะนำให้เอา Wifi ออก ถ้าสังเกตุ

ร้านมนต์นี่ ลูกค้าจะรีบกินรีบลุกนะครับ และสังเกตุได้ว่าร้านเค้าใช้เก้าอี้แบบนั่งไม่สบาย และโต๊ะติดๆกันเพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องการนั่งนานๆ


3. สำหรับลูกค้ากลุ่มบน  ลองชั่งสัดส่วนดูครับ ว่ามีเยอะแค่ไหน แล้วคิดว่าถ้าขายกลุ่มเดียวจะรอดมั้ย ถ้าไม่รอด ทางแก้คือ

ขายกลุ่มกลางเป็นหลักครับ ออกเมนูราคาถูก ลดเสปควัตถุดิบ  แต่ก็มีเมนูสำหรับกลุ่มบนไว้ด้วย  ( จำไว้ว่าเมนูที่ราคาไม่สูง

ถัาอร่อยคนที่มีเงินก็ซื้อทานครับ  แต่เมนูราคาสูง  ถึงอร่อยคนที่รายได้น้อยคงซื้อลำบาก )  ดังนั้นจับตลาดกลางไว้ก่อน แต่ก็มีเมนู

Signature สำหรับกลุ่มตลาดบนไว้ได้ครับ ขอยกตัวอย่างร้านบางหวาน เมนูขนมปังราคาถูกเค้าก็มี  แต่ถ้าอยากจะทานแพงหน่อย

น้ำแข็งไสจานละเกือบสองร้อยเค้าก็มีขาย * ทริกสำหรับลูกค้ากลุ่มบน คือ อร่อยอย่างเดียวไม่พอครับ อาหารต้องออกมาสวย กิ๊บเก๋

ลูกค้าเดี้ยวนี้เน้นถ่ายรูป อัพลงเฟซ IG ขนมกลุ่มบนทำให้สวยๆ ไม่ซ้ำใครเข้าไว้ครับ