(Part Bali) 365 วัน 9 ทริป 22 ประเทศ :: ไปตามคำสัญญาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่บาหลี : 22-27 September 2015

ผมขอเล่าทริปนี้ก่อนเลยละกันนะครับเนื่องจากว่าเพิ่งไปมาหมาดๆครับจะได้ไม่ลืมเลือนไปเสียก่อนครับ ทริปนี้จิงๆแล้วจะว่าไฟลนก้นก็ไม่ใช่ จะว่าวางแผนมานานเกือบสองปีมันก็ไม่เชิงเพราะอะไรนะเหรอครับ เพราะว่าจิงๆแล้วทริปนี้ผมเคยตั้งต้นจะไปเมื่อสองปีที่แล้วแล้วหละครับแต่ว่าผมดันมีอุบัติเหตุทางชีวิตครับทำให้ต้องยกเลิกทิ้งตั๋วไปแบบจำใจ  แต่ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมานะครับก็เฝ้ารอคอยหาโอกาสที่จะได้กลับไปทำตามความตั้งใจ ไปดูสิ่งที่เค้าเรียกกันว่า "เกาะสวรรค์" นั่นหละครับ ยิ้มยิ้มยิ้ม
ส่วนมาถึงเรื่องคำสัญญาที่ว่านั่นก็คือ คำสัญญาที่ให้ไว้กับไกด์วัยกลางคนชาวบาหลีที่ผมเคยติดต่อซื้อทริปกับเขาไปครับ นั่นก็คือพี่ Ambros ครับ....ที่ว่าไฟลนก้อนของทริปก็เป็นเพราะว่าตั๋วใบนี้ผมไปกับหางแดงนะครับจองไว้นานข้ามปีสมัยที่ตั๋วยังราคาไม่แพงมากผมจำราคาไม่ได้จิงๆว่าเท่าไหร่ เพราะจองทีเป็น 10 flights เลยครับ เดิมทีผมไปวันที่ 10-15 กันยายน 2558 แต่ก็ต้องเลื่อนเป็นวันที่ 22-27 กันยายน แทนครับ เพราะชนกับงานประชุมวิชาการของผมพอดี (เสียค่าเลื่อนตั๋วของผมกับน้องไป เจ็ดพันกว่าบาทเลยทีเดียว  ปาดเหงื่อแปรบบบครับ) ซึ่งไม่อยากจะบอกว่าประมาณวันที่ 13 กันยายน ผมประชุมเสร็จแล้วเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้ติดต่อพี่ Ambros ครับ งานเข้าแล้วครับทีนี้!!!!!  เพราะว่าติดต่อกันทางเมลล์เท่านั้น และมันผ่านมาสองปีกว่าๆแล้วด้วย ทำไงดีอ่ะ???? ทำไงไม่ได้ครับ ก็ต้องนั่งหาเมลล์ครับประมาณหลายพันฉบับจนกว่าจะเจอ ดีใจมากกกกกกกกหัวเราะหัวเราะหัวเราะ เลยรีบติดต่อเค้าไปอย่างรวดเร็วจำได้ว่าตอนนั้นเกือบๆเที่ยวคืนแล้ว นั่นหมายถึงที่บาหลีประมาณตีหนึ่งครับ ก็ส่งเมลล์ไปบอกเค้าว่านี่จำเราได้ไหม ที่เราเคยจะไปเมื่อสองปีก่อนแล้วไม่ได้ไปไงงงงง  ตอนนี้จะไปแล้วน้า จะไปวันที่ 22-27 กันยายน 2558 นี้นะ พร้อมกับบอกflight ให้เค้าหมดเรียบร้อย ในใจภาวนาว่าขอให้เค้ายังทำงานนี้อยู่แล้วตอบมาเร็วๆ กดส่งไปสักพักก็ไปอาบน้ำเตรียมนอน เมลล์ตอบกลับมารวดเร็วมากกกกกกก ซึ่งนั่นแหละครับเป็นข่าวดีครับเค้ายังทำงานนี้อยู่ ซึ่งมารู้ที่หลังเค้าเป็นเจ้าของเองด้วยครับเลยคุยกันในรายละเอียด ตัดนั่นออก เติมนี้เข้าไปจนออกมาเป็นโปรมแกรมตามนี้ครับ

Travel Itinerary

Day1 : 22 กันยายน 2558 : Krabi - DMK (Airasia) , DMK - Denpasar (Airasia) - Airport pickup at Hgurah Rai International airport--Visit Taman Ayun Temple at Mengwi -- direct transfer to Lovina -- Dinner at Aditya Lovina hotel.
Day2. 23 กันยายน 2558 : Early morning boat trip to see dolphins--visit Git Git waterfall--Ulun Danu temple at Bedugul--Lunch at Labhaga rest at Pacung--Jatiluwih rice terrace--Alas Kedaton monkey forest and sunset at Tanah lot Temple -- dinner at Ocean rest -- night at Pertiwi resort Ubud.
Day3. 24 กันยายน 2558 : Visit Goa Gajah--Tirta Empul temple at Tampak Siring -- lunch at Grand puncak sari rest at Kintamani--Basakih--dinner crispy duck at Laka leke rest at Ubud--night at Tha Playa kuta hotel.
Day4. 25 กันยายน 2558 : After Breakfast go to Amed--Snorkeling at Amed--Lunch at Kawi Karma rest--visit Gangga temple--dinner at kaka rest at kuta--night at The Playa kuta hotel.
Day5. 26 กันยายน 2558 : After breakfast go to Tanjung Benoa for water sport activities ( Parasailing, Banana boat, Jet sky, Turtle island)--Lunch at Hong Xing rest --Spa treatment (2 hours)--dinner seafood at Cavier cafe Santhi at Jimbaran bay--night at Playa kuta hotel.
Day6. 27 กันยายน 2558 -- After breakfast go to Ngurah Rai International airport

กว่าจะออกมาแบบนี้ได้ก็แก้ๆกันอยู่หลายรอบครับ ทีแรกก็ไม่ได้คิดว่าโปรแกรมมันแน่นไปไหมเพราะดูๆมันก็ไม่น่าจะมีอะไรครับ  แต่ที่ไหนได้ครับแหม่...เล่นเอ่ซะเหนื่อยโฮกกลับโรมแรมทุกวันเลยครับ วันหลังๆหวัดรับประทานเลยหละครับ T^T เพราะโปรแกรมจะเริ่มประมาณ 08.30-09.00 ทุกวันและเสร็จประมาณ 20.00 น. แบบ Non-stop!!! ถามว่าคุ้มไหม????  ตอบได้คำเดียวว่าโคตรคุ้มครับผม อ้อออออ ที่ผมไปนี่เป็นบริษัทที่เค้าวางโปรแกรมทัวร์ให้ จัดหาคนขับรถส่วนตัวพร้อมรถแบบนั่นสบายเลยและติดต่อโรมแรมที่พัก ร้านอาหาร ค่าเข้าชม ประสานงานให้ทุ๊กกกกอย่าง ซึ่งเหมาะกับตอนที่ขี้เกียจๆคิดพอดีครับ 5555+  โดยค่าเสียหายทั้งหมดตกอยู่ที่คนละ 545 USD นะครับ ก็ราวๆ 19,500 บาทครับ โดยส่วนตัวผมรับได้กับราคาประมาณนี้เลยครับ ผมยังคิดว่าเผลอๆถูกไปด้วยซ้ำครับกับโรงแรม 3 ดาว 1 คืน, 4 ดาว 4 คืน แบบห้อง Deluxe sea view ด้วยครับ พร้อมอาหารทุกๆมื้อ น้ำเปล่าตลอดการเดินทาง ค่าเข้าชมต่างๆ กิจกรรมทุกชนิด สปาแบบบาหลีแก่นแท้อีก 2 ชั่วโมง แหม่.....สุดยอดจร้าาาาาาาา  ว่าแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

Day1. 22 กันยายน 2558
ออกเดินทางจากกระบี่ไปดอนเมืองแต่เช้าโดยหางแดงครับ เครื่องออกตรงเวลาดีครับแต่เสียดายไม่มีบริการ Check Thru ครับเลยทำให้ต้องเผื่อเวลาไป Bag drop ที่ดอนเมืองครับ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาครับเพราะผมถึงดอนเมืองประมาณ 08.45 น. แต่ต่อเครื่องตอน 12.00 น.ครับมีเวลาเยอะแยะครับ พอถึงดอนเมืองก็ทำการโหลดกระเป๋า พิมพ์บอร์ดดิ่งอีกครั้งแล้วก็ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับก็เดินเล่นๆ ประมาณ 10.30 น.ท้องก็เริ่มทำงานครับ เลือกใช้บริการร้านญี่ปุ่นชื่อดังสีน้ำเงินๆ มีสาขามากมายตามห้างใหญ่ๆครับ ชื่อมีสองพยางค์ ไบ้แบบนี้ไม่ใช่อะไรนะครับ ผมจะบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นสมาชิกของเค้าด้วยทานมาหลายต่อหลายครั้ง  หลายต่อหลายสาขาก็ไม่มีปัญหาแต่ที่สาขานี้ผมบอกตามตรงนะครับว่าคุณภาพอาหารต่ำกว่าปกติครับ ทั้งรสชาติอาหาร รูปลักษณ์โดยรวม เลยยังงงๆไปด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมสั่งมา 4 เมนูที่เป็นเมนูประจำทั้งนั้น แต่จะบอกเลยว่าผิดหวังครับ  ใครที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบปรับปรุงคุณภาพควรไปดูหน่อยนะครับ
หลังจากทานอาหารแบบเจื่อนๆแล้วก็แวะร้าน S&P ที่อยู่ติดๆกันครับ เผื่อหิวกลางทางแล้วก็เดินตรงไปรอหน้าประตูขึ้นเครื่องครับ พอถึงเวลาเค้าก็เรียกขึ้นเครื่องพร้อมกับผู้โดยสายร่วมเที่ยวบินหลากหลายสัญชาติครับ
ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงกว่านะครับเพราะตอนนั้นผมไปถึงที่นู้นก็ 18.35 น. แล้วครับโดยยังไม่ได้ผ่านตม.อะไรเลยครับ รอเอากระเป๋าอีกครับ



บรรยากาศบริเวณที่เครื่องจอด พี่ Ambros บอกว่ามีเครื่องขึ้นลงวันนึง 320 flight เลยครับ

เมื่อรับกระเป๋าแล้วก็มาทำการผ่านตม.ครับ จะบอกว่าบ้านเค้าดูสวยงามเป็นระเบียบไปหมด ช่างต่างจากดอนเมืองเสียนี่กระไร ผมว่าจิงๆถ้าบ้านเราใส่ใจประตูด่านแรกในการเข้าประเทศหน่อยก็จะเป็นหน้าเป็นตาไม่น้อยนะครับ



พอผมผ่านตม.มาแล้วอย่างง่ายดาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใจดีครับ ถามนิดๆหน่อยๆก็ประทับตราให้พร้อมกับอวยพรส่งท้ายมา ผมก็เดินมาทางออกแต่โอ้......แม่เจ้า คนมารอรับผู้โดยสารเยอะมากๆๆๆๆครับ ผมหาพี่ Ambros ตั้งนานครับกว่าจะเจอ หลังจากนั้นก็แนะนำตัวกันเล็กน้อย จ่ายค่าใช้จ่ายก็เดินไปขึ้นรถครับ



บรรยากาศภายนอกสนามบินครับ ผมไม่ค่อยได้ถ่ายมากครับเพราะตอนนั้นเหนื่อยๆด้วยครับ รีบขึ้นรถกะงีบอย่างเดียวเลยครับ หลังจากนั้นพี่คนขับรถก็พาเราขับรถไปตามเส้นทางสายหลักเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Lovina เลยครับที่อยู่ทางตอนเหนือของบาหลี ผมถามเค้าว่าไกลขนาดไหน เค้าบากว่าประมาณ 3 ชั่วโมงงงงงง  หาาาาาานี่ตูเพิ่งลงเครื่องมานะไปอีกแระ  เห้อออแต่ทำไงได้ครับก็ต้องไปครับ  เล่าก่อนนะครับว่าบาหลีมีประชากรราวๆ 40 ล้านคน ซึ่งรถบนถนน 2 เลนแบบสวนกันไปมานี่เยอะมากครับถนนก็แคบครับ ก็ไปกันอย่างงั้นแหละครับ ไปๆจอดๆเสียนานกว่าจะถึงทางโล่งก็เล่นเอาเวียนหัวเหมือนกัน ทีแรกคิดว่าจบละแต่ที่ไหนได้ครับ ทางไป Lovina เป็นทางโค้งขึ้นเขาลงเขาครับ นั่งแบบนั้นแหละครับ 2-3 ชั่วโมง ทำเอาของที่ทานไปเมื่อตอนกลางวันแทบจะออกมาเลยทีเดียว 555+  สูดหายใจก็แล้ว ดมยาดมก็แล้ว คิดอยู่อย่างเดียวว่าเมื่อไหร่จะถึง จนพี่คนขับบอกว่า นี่ถึงสิงหราชาแล้วนะ อีก 25 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้ว  ดีใจมากเลยครับตอนนั้น เพราะเป็นทางราบแล้วครับ ไม่นานรถก็มาถึงโรงแรมครับ ตอนนั้นก็มืดครับมองอะไนไม่ค่อยเห็นไฟนี่ก็สลัวๆมาก แต่ที่ห้องอาหารเปิดสว่างอยู่ มีฝรั่งตาน้ำข้าวนั่งกันสองสามโต๊ะ ผมก็เชคอินแล้วเอาของไปเก็บที่ห้องพักแล้วออกมาทานอาหารเย็นครับ ซึ่งรวมมาแล้วกับทัวร์ครับเป็นเซตแบบของฝั่งครับ อาหารจะเหมือนๆกันทั้งทริปเลยครับ คือเริ่มจากซุป  อาหารจานหลัก และของหวานครับ ตามภาพครับ



ซุปมะเขือเทศครับ ผมไม่ชอบทานอยู่แล้ว



สลัดผักครับ



อาหารจานหลักครับ ข้าวกับสเตกปลาอะไรสักอย่างครับ



ของหวานคือกล้วยทอดสามชิ้นครับ 555+

ก็ไม่ชินกับอาหารมื้อแรกครับ ก็ทานให้พออิ่มหายเหนื่อยครับผม จากนั้นก็รีบอาบน้ำนอนเลยครับ เพราะวันรุ่งขึ้นเค้านัด 05.30 น. หรือว่าตีสี่ของไทยครับ แหม่.....แต่คืนแรกที่ผมอยู่โรงแรมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ไม่เหมาะกับสามดาว ดูเก่าๆ น้ำไม่ค่อยออก ยุงเยอะ เหม็นอับครับ แต่ก็ต้องพยายามหลับครับเพราะต้องตื่นเช้า  หัวถึงหมอนไม่นานก็หลับครับบบบบบ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่