หนีเที่ยวไปนอนคนเดียวทริปที่ 2
ทริปนี้ได้ inspire มาจากหนังฟรีแลนซ์ฉากพี่ยุ่นนั่งมองพระอาทิตย์ตกริมทะเล
คืออยากไปนั่งมองทะเลแบบนั้นบ้างอ่ะ
แผนการไปทะเลจึงเกิดขึ้น
อยากไปทะเล อยากเหยียบทราย อยากฟังเสียงคลื่น
อยากนั่งมองพระอาทิตย์ริมทะเล ดูทะเลดูพระอาทิตย์ง่ายๆ
โจทย์แค่นี้
ฟูเลเกสท์เฮาส์ ก็เด้งขึ้นมาในหัวเลย
เคยไปนอนที่นี่นานมากแล้ว จำได้ว่าไม่แพง อยู่ริมทะเลหัวหิน
มีระเบียงให้นั่งดูทะเลสบายๆ และ นอนบนเตียงก็ได้ยินเสียงคลื่นแล้ว
โอเค.....ไปที่นี่ล่ะ
หัวหินเป็นทะเลใกล้ๆที่คุ้นเคย เป็นทะเลที่ไปบ่อยที่สุดละ
เปิดอากู๋ก็เจอรูปสถานีรถไฟหัวหิน
เออ....นั่งรถไฟไปหัวหินดีกว่า วิธีนี้ยังไม่เคย ต้องลอง
เสาร์ที่แล้วเลยแวะไปจองตั๋วรถไฟที่หัวลำโพง เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลดีเชียว
แป๊บเดียวก็ได้ตั๋วไปกลับหัวหินด้วยรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ-สุราษฏร์ ราคาตั๋วไปกลับ 800 กว่าบาท
แพงกว่ารถตู้เกือบ 3 เท่า แต่ก็ถือว่าซื้อประสบการณ์ จัดไป
คืนวันศุกร์ระหว่างเก็บกระเป๋าก็เห็นข่าวหัวหินฝนตกหนักน้ำท่วม อุ๊ต๊ะ!!! เอาไงดี
แต่ตั้งใจแล้วอ่ะยังไงก็จะไปทะเล ไปๆเก็บกระเป๋าต่อ
ตั๋วรถไฟเที่ยวไป 8 โมงเช้าวันเสาร์ เป็นรถแอร์ขบวน 43 รถออกช้ากว่ากำหนดครึ่งชม.กว่า
คนไม่เยอะนั่งคนเดียวสบายๆ ระหว่างทางวิวต้นไม้กับทุ่งนาสวยเชียว
ขาไปไม่ได้หลับเลยนั่งมองข้างทางเพลินมาก
รถไฟเสิร์ฟกาแฟ ของว่าง และ อาหารด้วยนะ โอเคอยู่
บนรถด่วนจะไม่มีพ่อค้าแม่ค้าเอาของขึ้นมาขาย แต่พนักงานบนรถไฟก็จะบริการสั่งให้
ทั้งของฝากเมืองเพชร และ ก๋วยเตี๋ยวปากท่อไอเทมในตำนาน
จัดก๋วยเตี๋ยวมา 1 กล่อง เบาๆ
รถไฟด่วนไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วสูงหรอกนะ
แต่เป็นรถที่จอดแค่บางสถานีเลยใช้เวลาเดินทางเร็วกว่ารถธรรมดาแค่นั้นล่ะ #เพิ่งเข้าใจ
ถึงหัวหินเที่ยงกว่าๆเลทไป 40 กว่านาที เราไม่รีบชิลๆไป
หัวหิน แดดแรง ฝนไม่ตก ร้อนเชียว
ด้วยความที่เราไม่รีบและดูแผนที่แล้วพอจะเดินไหว
ส่วนใหญ่ทริปนี้จะไปไหนมาไหนก็จะเดินเอา (ยกเว้นไป cicada ที่ไกลเลยใช้บริการพี่วิน)
มื้อแรกของทริปนี้ดูจากลายแทงที่กินที่หัวหินใกล้สถานีรถไฟก็จิ้มไปที่
ครัวกรรณิการ์ เมนูไก่ล้วนๆ
อิ่มแล้วก็ไป...เดินต่อ ที่หมายต่อไปคือ
ชายหาดหัวหิน
อยากจะเห็นทะเล เหยียบทราย ฟังเสียงคลื่น มาถึงแล้วต้องรีบจัด
ดูทะเลสบายใจแล้วก็เดินไปที่พักห่างจากชายหาดนิดเดียว
ระหว่างทางก็จัด ข้
าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ หิ้วกลับไปกินที่ห้องดีกว่า
ป้ากะลุงยังใจดีเหมือนเดิม น่ารักดี
ที่นอนเราอยู่ห่างร้านป้าเจือเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงละ
ฟูเล เกสท์เฮ้าส์
เข้าห้องพักเก็บของในห้องแล้วก็หิ้วข้าวเหนียวมะม่วงออกมานั่งกินที่ระเบียงริมทะเล
โอ๊ยยยยย คือวิวดี ลมดี เย็นกว่าแอร์ในห้องอีก
เข้าห้องนอนบนเตียงก็ได้ยินเสียงคลื่นด้วย ตรงตามที่อยากได้ทุกอย่าง ดี๊ดี
นอนฟังเสียงคลื่นในห้องรอจนแดดร่ม ก็เรียกพี่วินไปเดินเล่นที่
cicada
ว่าจะแค่เดินเล่นแล้วก็หาของกิน ว่าจะไม่ช๊อป แต่ก็เสียตังซื้อเสื้อยืดตั้งแต่ร้านแรกที่เจอเลย #แพ้เสื้อยืดจริงๆ
ระหว่างเดินเล่นก็เห็นเค้าแจกบัตรดูมายากลฟรี เรามีเวลาไม่รีบ ก็จัดไปสิ
โชว์จบประมาณสองทุ่มครึ่ง บายการไปเดินตลาดโต้รุ่งแล้วกลับไปนอนพักขาดีกว่า
ตื่นเช้ามายังไม่หกโมงฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ก็ออกมานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น
#พี่ยุ่นโมเม้น ตามความตั้งใจ
นั่งอยู่เกือบชั่วโมง จนฟ้าสว่างจ้า แสงแดดเริ่มร้อน ท้องเริ่มหิว เลยขยับตัวออกไปเดินตลาดหาของกินดีกว่า
ร้านดังคนเพียบเลย เราเลยเดินเลยไปตลาด เห็นร้านไหนพอมีคนก็จัดไป
ตอนเดินกลับเห็นคนต่อคิวซื้อปาท่องโก๋ก็ลองต่อบ้าง
ยืนรอไป 20 นาทีก็ไม่รีบไง ได้มา 1 ชุด อร่อยดีนะคุ้มค่าการยืนรอ
กลับห้องมานอนเล่นเก็บของอาบน้ำแล้วก็เช็คเอาท์ตอน 11 โมง
ตั๋วรถไฟเที่ยวกลับสี่โมงเย็น มีเวลาอีก 5 ชม. เดินไปหามื้อกลางวันริมทะเลดีกว่า
เปิดอากู๋หาร้านก็สนใจร้าน living room อยู่ริมทะเล ซ. 51 ร้านน่านั่งดี ไปๆ
เดินจาก ซ.57 ไป ซ.51 เกือบ 2 km แดดแรง เหงื่อเปียกเลย
เดินมาเรื่อยๆก็ถึง
ร้าน living room
สั่งซี่โครงหมู BBQ พอมาเสิร์ฟก็เฮ้ย!!! ใหญ่มากอ่ะ
นั่งเล็มอยู่เกือบ 2 ชม. เพิ่งจะกินไปได้ครึ่งเดียว สปีดการกินต่ำมาก
คงเพราะเมื่อเช้ากินไปเยอะ และ ซี่โครงชิ้นใหญ่มากกกก กินน้ำมะนาวไป 2 แก้ว ยังเล็มไปได้ไม่ถึงไหนเลย
อิ่มจุกถึงคอ ยอมแพ้ต่อซี่โครงมื้อนี้
ปัญหาใหญ่ของการเที่ยวคนเดียวคือ
กินไม่หมด (อันนี้ซีเรียสนะ....แฮร่!!!!)
ออกจากร้านกะว่าจะเรียกพี่วินไปส่งที่สถานีรถไฟ
แต่เดินมาเกินครึ่งทางแล้วเพิ่งจะเจอพี่วิน ไหนๆก็เดินมาไกลขนาดนี้แล้ว อีกนิดเดียวเองเอาให้สุด
เลยเดินต่อจนถึงสถานีรถไฟ รวมๆแล้วทริปนี้น่าจะเดินไปกว่า 5 kmเลย
#เมื่อยเชียวอยากจะแวะเข้าไปนวดเท้าสักชั่วโมงก่อนกลับ หึหึ
เดินมาถึงสถานีรถไฟยังมีเวลาเหลืออีกชั่วโมงนิดๆ เลยไปนั่งตากแอร์รอรถไฟที่
huahin coffee station
ร้านกาแฟติดสถานีเลย อร่อยดีนะ แอร์เย็นด้วย
ออกจากร้านกาแฟมารอรถไฟก่อนเวลาประมาณ 5 นาที
ขากลับเป็นรถขบวน 40 เวลาถึงหัวหินตามหน้าตั๋วคือ 4 โมงเย็น
รถไฟมาเลทประมาณ 5 นาที รถไฟขากลับคนเยอะเชียว
พอขึ้นรถไฟนั่งที่ปุ๊ปก็เคลิ้มหลับเลย มาตื่นอีกทีคือได้กลิ่นก๋วยเตี๋ยวปากท่อ
ตอนแรกก็ว่าจะไม่กินแล้วเพราะยังอิ่มอยู่
แต่ก็มาคิดว่าเราไม่ได้มีโอกาสจะได้กินบ่อยๆนะ กินๆไปเหอะ
เลยจัดไป 1 กล่อง เบาๆเหมือนเดิม
กินหมดแล้วก็พยายามจะเคลียร์ของเพื่อลุกเอากล่องไปทิ้ง
คุณลุงที่นั่งข้างๆคงเห็นเราเก้ๆกังๆก็เลยเอากล่องไปทิ้งให้
ขอบคุณคุณลุงไปหลายที#เจอคนใจดีอีกแล้ว
แสงสุดท้าย
รถไฟมาถึงหัวลำโพงเลทไปเกือบ 40 นาที เพราะขากลับแวะจอดรอสับรางบ่อยและนานหลายครั้ง
จากหัวหินถึงบ้านใช้เวลาเดินทาง 5 ชม. ปิดทริปเรียร้อย
หัวหินเป็นทะเลเฉพาะกิจ ทะเลช่วยชีวิตอยู่บ่อยๆ
คิดถึงทะเลแบบด่วนๆจะนึกถึงหัวหินอยู่เสมอ แล้วก็ช่วยได้ทุกที...ดีจัง
ฟินสุดของทริปนี้คงเป็นการนอนฟังเสียงคลื่นบนเตียง แฮ๊ปปี้จริงจัง
[CR] หัวหินเหมือนเดิมเพิ่มเติมรถไฟด้วย #huahinindeed 19-20 sep 15
หนีเที่ยวไปนอนคนเดียวทริปที่ 2
ทริปนี้ได้ inspire มาจากหนังฟรีแลนซ์ฉากพี่ยุ่นนั่งมองพระอาทิตย์ตกริมทะเล
คืออยากไปนั่งมองทะเลแบบนั้นบ้างอ่ะ
แผนการไปทะเลจึงเกิดขึ้น
อยากไปทะเล อยากเหยียบทราย อยากฟังเสียงคลื่น
อยากนั่งมองพระอาทิตย์ริมทะเล ดูทะเลดูพระอาทิตย์ง่ายๆ
โจทย์แค่นี้ ฟูเลเกสท์เฮาส์ ก็เด้งขึ้นมาในหัวเลย
เคยไปนอนที่นี่นานมากแล้ว จำได้ว่าไม่แพง อยู่ริมทะเลหัวหิน
มีระเบียงให้นั่งดูทะเลสบายๆ และ นอนบนเตียงก็ได้ยินเสียงคลื่นแล้ว
โอเค.....ไปที่นี่ล่ะ
หัวหินเป็นทะเลใกล้ๆที่คุ้นเคย เป็นทะเลที่ไปบ่อยที่สุดละ
เปิดอากู๋ก็เจอรูปสถานีรถไฟหัวหิน
เออ....นั่งรถไฟไปหัวหินดีกว่า วิธีนี้ยังไม่เคย ต้องลอง
เสาร์ที่แล้วเลยแวะไปจองตั๋วรถไฟที่หัวลำโพง เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลดีเชียว
แป๊บเดียวก็ได้ตั๋วไปกลับหัวหินด้วยรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ-สุราษฏร์ ราคาตั๋วไปกลับ 800 กว่าบาท
แพงกว่ารถตู้เกือบ 3 เท่า แต่ก็ถือว่าซื้อประสบการณ์ จัดไป
คืนวันศุกร์ระหว่างเก็บกระเป๋าก็เห็นข่าวหัวหินฝนตกหนักน้ำท่วม อุ๊ต๊ะ!!! เอาไงดี
แต่ตั้งใจแล้วอ่ะยังไงก็จะไปทะเล ไปๆเก็บกระเป๋าต่อ
ตั๋วรถไฟเที่ยวไป 8 โมงเช้าวันเสาร์ เป็นรถแอร์ขบวน 43 รถออกช้ากว่ากำหนดครึ่งชม.กว่า
คนไม่เยอะนั่งคนเดียวสบายๆ ระหว่างทางวิวต้นไม้กับทุ่งนาสวยเชียว
ขาไปไม่ได้หลับเลยนั่งมองข้างทางเพลินมาก
รถไฟเสิร์ฟกาแฟ ของว่าง และ อาหารด้วยนะ โอเคอยู่
บนรถด่วนจะไม่มีพ่อค้าแม่ค้าเอาของขึ้นมาขาย แต่พนักงานบนรถไฟก็จะบริการสั่งให้
ทั้งของฝากเมืองเพชร และ ก๋วยเตี๋ยวปากท่อไอเทมในตำนาน
จัดก๋วยเตี๋ยวมา 1 กล่อง เบาๆ
รถไฟด่วนไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วสูงหรอกนะ
แต่เป็นรถที่จอดแค่บางสถานีเลยใช้เวลาเดินทางเร็วกว่ารถธรรมดาแค่นั้นล่ะ #เพิ่งเข้าใจ
ถึงหัวหินเที่ยงกว่าๆเลทไป 40 กว่านาที เราไม่รีบชิลๆไป
หัวหิน แดดแรง ฝนไม่ตก ร้อนเชียว
ด้วยความที่เราไม่รีบและดูแผนที่แล้วพอจะเดินไหว
ส่วนใหญ่ทริปนี้จะไปไหนมาไหนก็จะเดินเอา (ยกเว้นไป cicada ที่ไกลเลยใช้บริการพี่วิน)
มื้อแรกของทริปนี้ดูจากลายแทงที่กินที่หัวหินใกล้สถานีรถไฟก็จิ้มไปที่ ครัวกรรณิการ์ เมนูไก่ล้วนๆ
อิ่มแล้วก็ไป...เดินต่อ ที่หมายต่อไปคือ ชายหาดหัวหิน
อยากจะเห็นทะเล เหยียบทราย ฟังเสียงคลื่น มาถึงแล้วต้องรีบจัด
ดูทะเลสบายใจแล้วก็เดินไปที่พักห่างจากชายหาดนิดเดียว
ระหว่างทางก็จัด ข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ หิ้วกลับไปกินที่ห้องดีกว่า
ป้ากะลุงยังใจดีเหมือนเดิม น่ารักดี
ที่นอนเราอยู่ห่างร้านป้าเจือเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงละ ฟูเล เกสท์เฮ้าส์
เข้าห้องพักเก็บของในห้องแล้วก็หิ้วข้าวเหนียวมะม่วงออกมานั่งกินที่ระเบียงริมทะเล
โอ๊ยยยยย คือวิวดี ลมดี เย็นกว่าแอร์ในห้องอีก
เข้าห้องนอนบนเตียงก็ได้ยินเสียงคลื่นด้วย ตรงตามที่อยากได้ทุกอย่าง ดี๊ดี
นอนฟังเสียงคลื่นในห้องรอจนแดดร่ม ก็เรียกพี่วินไปเดินเล่นที่ cicada
ว่าจะแค่เดินเล่นแล้วก็หาของกิน ว่าจะไม่ช๊อป แต่ก็เสียตังซื้อเสื้อยืดตั้งแต่ร้านแรกที่เจอเลย #แพ้เสื้อยืดจริงๆ
ระหว่างเดินเล่นก็เห็นเค้าแจกบัตรดูมายากลฟรี เรามีเวลาไม่รีบ ก็จัดไปสิ
โชว์จบประมาณสองทุ่มครึ่ง บายการไปเดินตลาดโต้รุ่งแล้วกลับไปนอนพักขาดีกว่า
ตื่นเช้ามายังไม่หกโมงฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ก็ออกมานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น #พี่ยุ่นโมเม้น ตามความตั้งใจ
นั่งอยู่เกือบชั่วโมง จนฟ้าสว่างจ้า แสงแดดเริ่มร้อน ท้องเริ่มหิว เลยขยับตัวออกไปเดินตลาดหาของกินดีกว่า
ร้านดังคนเพียบเลย เราเลยเดินเลยไปตลาด เห็นร้านไหนพอมีคนก็จัดไป
ตอนเดินกลับเห็นคนต่อคิวซื้อปาท่องโก๋ก็ลองต่อบ้าง
ยืนรอไป 20 นาทีก็ไม่รีบไง ได้มา 1 ชุด อร่อยดีนะคุ้มค่าการยืนรอ
กลับห้องมานอนเล่นเก็บของอาบน้ำแล้วก็เช็คเอาท์ตอน 11 โมง
ตั๋วรถไฟเที่ยวกลับสี่โมงเย็น มีเวลาอีก 5 ชม. เดินไปหามื้อกลางวันริมทะเลดีกว่า
เปิดอากู๋หาร้านก็สนใจร้าน living room อยู่ริมทะเล ซ. 51 ร้านน่านั่งดี ไปๆ
เดินจาก ซ.57 ไป ซ.51 เกือบ 2 km แดดแรง เหงื่อเปียกเลย
เดินมาเรื่อยๆก็ถึง ร้าน living room
สั่งซี่โครงหมู BBQ พอมาเสิร์ฟก็เฮ้ย!!! ใหญ่มากอ่ะ
นั่งเล็มอยู่เกือบ 2 ชม. เพิ่งจะกินไปได้ครึ่งเดียว สปีดการกินต่ำมาก
คงเพราะเมื่อเช้ากินไปเยอะ และ ซี่โครงชิ้นใหญ่มากกกก กินน้ำมะนาวไป 2 แก้ว ยังเล็มไปได้ไม่ถึงไหนเลย
อิ่มจุกถึงคอ ยอมแพ้ต่อซี่โครงมื้อนี้
ปัญหาใหญ่ของการเที่ยวคนเดียวคือ กินไม่หมด (อันนี้ซีเรียสนะ....แฮร่!!!!)
ออกจากร้านกะว่าจะเรียกพี่วินไปส่งที่สถานีรถไฟ
แต่เดินมาเกินครึ่งทางแล้วเพิ่งจะเจอพี่วิน ไหนๆก็เดินมาไกลขนาดนี้แล้ว อีกนิดเดียวเองเอาให้สุด
เลยเดินต่อจนถึงสถานีรถไฟ รวมๆแล้วทริปนี้น่าจะเดินไปกว่า 5 kmเลย
#เมื่อยเชียวอยากจะแวะเข้าไปนวดเท้าสักชั่วโมงก่อนกลับ หึหึ
เดินมาถึงสถานีรถไฟยังมีเวลาเหลืออีกชั่วโมงนิดๆ เลยไปนั่งตากแอร์รอรถไฟที่ huahin coffee station
ร้านกาแฟติดสถานีเลย อร่อยดีนะ แอร์เย็นด้วย
ออกจากร้านกาแฟมารอรถไฟก่อนเวลาประมาณ 5 นาที
ขากลับเป็นรถขบวน 40 เวลาถึงหัวหินตามหน้าตั๋วคือ 4 โมงเย็น
รถไฟมาเลทประมาณ 5 นาที รถไฟขากลับคนเยอะเชียว
พอขึ้นรถไฟนั่งที่ปุ๊ปก็เคลิ้มหลับเลย มาตื่นอีกทีคือได้กลิ่นก๋วยเตี๋ยวปากท่อ
ตอนแรกก็ว่าจะไม่กินแล้วเพราะยังอิ่มอยู่
แต่ก็มาคิดว่าเราไม่ได้มีโอกาสจะได้กินบ่อยๆนะ กินๆไปเหอะ
เลยจัดไป 1 กล่อง เบาๆเหมือนเดิม
กินหมดแล้วก็พยายามจะเคลียร์ของเพื่อลุกเอากล่องไปทิ้ง
คุณลุงที่นั่งข้างๆคงเห็นเราเก้ๆกังๆก็เลยเอากล่องไปทิ้งให้
ขอบคุณคุณลุงไปหลายที#เจอคนใจดีอีกแล้ว
แสงสุดท้าย
รถไฟมาถึงหัวลำโพงเลทไปเกือบ 40 นาที เพราะขากลับแวะจอดรอสับรางบ่อยและนานหลายครั้ง
จากหัวหินถึงบ้านใช้เวลาเดินทาง 5 ชม. ปิดทริปเรียร้อย
หัวหินเป็นทะเลเฉพาะกิจ ทะเลช่วยชีวิตอยู่บ่อยๆ
คิดถึงทะเลแบบด่วนๆจะนึกถึงหัวหินอยู่เสมอ แล้วก็ช่วยได้ทุกที...ดีจัง
ฟินสุดของทริปนี้คงเป็นการนอนฟังเสียงคลื่นบนเตียง แฮ๊ปปี้จริงจัง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น