"สิ่งที่มีค่า...บ่อยครั้งจะปรากฏออกมา...ตอนที่มันหายไป..."
ผมเริ่มต้นเรื่องราวเลยนะครับ...
27 มิถุนายน 2558 ผมเเละน้องอีกสองคนออกไปนั่งร้านนมกัน ตอนนั้นจำครั้งสุดท้ายได้ว่าคุยโทรศัพท์กับพ่อ เวลาประมาณ 23.00
หลังจากที่กินกันเสร็จ ก็ตัดสินใจว่าจะขี่รถไปส่งน้องอีกคน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล เเล้วน้องเขาเพิ่งมาฝึกงาน มีอาการหวัด กลัวน้องจะไม่คุ้นทาง ยามวิกาลเเล้วด้วย ก่อนกลับมอไซต์ที่ผมใช้ไม่มีตระกร้า เลยฝากหนังสือไว้ที่รถน้องอีกคน
- ส่วนมือถือไม่เเน่ใจว่าอยู่ในหนังสือเล่มนั้นด้วยไหม หรือ
- ลืมไว้ที่ร้านนม หรือ
- ผมเก็บไว้กับตัว (คิดว่าไม่น่าใช่เพราะมือถือ Sony Xperia Z มีขนาดค่อนข้างใหญ่, กระเป๋ากางเกงไม่ได้ขาด ถ้าล่วงคงพอรู้สึกตัว)
ระหว่างทาง กลัวน้องต่างถิ่นจะไม่มีอาหารกิน เลยเเวะไปซื้ออาหารระหว่างทาง เเล้วก็ขี่ไปส่งน้องถึงหอพัก ระหว่างทางขับค่อนข้างเร็ว รถผมปิดท้าย สักพักมีขวดกระเด็นออกมาจากน้องคันหน้า ผมหันตามไปมอง (ตอนนั้นไม่ทันเอะใจว่ามือถืออาจอยู่ในตระกร้ารถน้อง)
ขากลับ ผมกับน้องอีกคนที่เหลือกลับมาห้องชมรมด้วยกัน ระหว่างทาง(ด้วยเห็นว่าดึกมากเเล้ว) วางถุงของต่างๆรวมไว้บนโต๊ะ เเล้วก็ไปเข้าห้องน้ำประมาน 1 นาที จากนั้นก็เดินขึ้นไปห้องชมรม ผมอยู่กับน้องอีกคนประมาน 15 นาที เเล้วก็เห็นมีปลั๊กไฟว่างอยู่ เลยจะชาจต์เเบต พยายามหา
เเต่หาไม่เจอ ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าหาย คิดว่าพกติดตัวมาด้วย จนหาในที่ที่คิดว่าจะเผลอวางไว้ สุดท้ายไม่เจอ ผมเลยขอให้น้องอีกคนช่วยโทรเข้ามือถือให้หน่อย น้องตอบกลับมาว่า
"ตังค์มือถือหมด" ผมตัดสินใจหาอีกรอบในบริเวณห้องนั้น เเล้วก็เริ่มหวั่นใจ เลยเดินลงไปดูตระกร้าหน้ารถน้อง
เเต่ก็ไม่เจอ
ผมขึ้นมาชมรมอีกครั้ง ขอให้น้องพิมพ์ในเฟสบอกน้องที่ยังออนไลน์(ตอนนั้นประมานตี 1) ให้ช่วยโทรเข้าให้หน่อย
น้องที่ออนไลน์ บอกว่า "โทรเเล้วเเต่ไม่ติด"ตอนนั้นผมเริ่มร้อนใจมาก เลยขี่มอไซต์ออกไปจำลองเหตุการณ์ที่ตัวเองขับตั้งเเต่ร้านนมจนถึงหอน้อง เเล้ววนกลับมาที่ชมรม ผลลัพธ์คือ
"ไม่เจอ"
28 มิถุนายน 2558 ผมตัดสินใจเเจ้งความ ร้อยเวรได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ผมอดรอไม่ได้เลยไปที่ร้านนมที่นั่งกินคืนวันที่มือถือหาย พอเดินเข้าไปในร้านเจอว่ามีกล้องวงจรปิด เลยขออนุญาตเจ้าของร้าน"โตเเละสด" (เจ้าของร้านเป็นคนที่อัธยาศรัยดีมากๆ) แกเสียเวลาทำมาหากินมาเปิดกล้องให้ดูร่วมชั่วโมง ก็ไม่เห็นภาพที่เเน่ชัดว่ามือถือตกหล่นหรือลืมไว้ในร้าน เพราะพวกผมนั่งมุมอับของกล้องพอดี
จากนั้น...ผมจะไปขอดูกล้องจากบริเวณห้องน้ำที่เข้าก่อนขึ้นชมรม เเต่ไม่ทันเวลา
ระหว่างนั้น ผมขอให้พี่กับน้องๆช่วยกันโทรเเล้วก็ส่งข้อความอีกหลายครั้ง...
"ขอให้คนที่เก็บได้เอามือถือ...จะมีรางวัลให้"...ตอนนั้นผมเช็คราคามือถืออยู่ที่ประมาน 11,000-14,000 บาท ("คุณค่า"ภายในมันมีค่ามากกว่า"มูลค่า") เเล้วเพิ่งตกผลึกทางความคิดบางอย่างว่า เชียงใหม่เป็นเมืองเที่ยวถ้านักท่องเที่ยวเก็บได้อาจจะไม่เข้าใจความหมาย เลยให้พี่ชายส่งข้อความอังกฤษกำกับไปอีกครั้งหนึ่ง...
ไม่มีผลลัพธ์ตอบกลับมาเเต่อย่างใด
29 มิถุนายน 2558 ผมติดต่อขอเปิดกล้องวงจรปิด ในบริเวณที่ตั้งของไว้ก่อนเข้าห้องน้ำ ย้อนดูหลายรอบ จนเจ้าหน้าที่(อ้ายพัน-พี่พัน) ให้รหัสเปิดกล้องกับผม ว่าจะเปิดหรือรีรันเท่าไหร่ก็ได้
ผลลัพธ์คือไม่เจอ...(อีกเเล้ว)
ผมขึ้นไป
"รื้อ"ที่ห้องชมรมอีกครั้ง ยอมรับว่าบ้ามาก ผมเปิดตู้หนังสือ กองหนังสือรวมเเล้วน่าจะหลักหลายร้อยหรืออาจจะเกือบพันเล่ม เปิดดูกล่องทุกกล่อง ตามตู้ซอกมุมต่างๆ
"ไม่เจอ" คือคำตอบ ผมคิดว่าอาจจะเผลอไปวางตั้งเเล้วลื่นหล่นไปไหนหรือเปล่า ยกพัดลมเผื่ออยู่ใต้พัดลม เปิดกาต้มน้ำ หม้อข้าว ผมหาทุกที่ที่คิดว่ามันอาจจะไปอยู่ที่นั่น ล้วงถังขยะ หาในปลอกหมอน ใต้จานข้าว ใต้พัดลม ในกระเป๋า หรือเเม้เเต่ในตู้เย็น...จนได้พบว่า...การที่เราไม่ดูเเลรักษาของ เเล้วต้องมาตามหาภายหลัง มันเป็นบทเรียนที่ดีจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตอนที่ผมคุ้ยถังขยะ(สาธารณะ) ผมได้รับรู้ความรู้สึกของคนเก็บขยะที่ต้องเผชิญหน้ากับกองขยะทุกวัน ผมเปิดดูทั้งหมด จนน้องที่มาด้วยบอกว่า "ไม่ไหวเเล้ว...พี่พอเถอะ"
ระหว่างนั้นที่บ้านติดต่อไม่ได้...บอกให้ผมซื้อเครื่องใหม่ ผมตั้งสัจจะกับตัวเองว่า จะไม่ซื้อมือถือใหม่ จะใช้ของเก่า...
ที่บ้านติดต่อไม่ได้..ประกอบกับผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ที่บ้านเลยส่งมือถือมาให้ พอคุยกับพ่อ
พ่อบอกว่า "ซื้อใหม่ซิลูก...หายเเล้วไม่เป็นไร" ผมเข้าใจดีว่าพ่อ พยามพูดเพื่อให้คลายใจ ไม่ให้คิดมาก
เเต่ผมตอบกลับพ่อไปว่า "ไม่" พ่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง พ่อก็รับคำเเล้วก็บอกให้ทำใจให้สบาย
หลังจากนั้น...ผมเริ่มศึกษา ถึงวิธีการหามือถือหายจากเน็ตทั้งไทยเเละต่างประเทศ
มือถือที่ผมใช้คือ Sony Xperia Z ตอนนั้นรู้สึกโกรธตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะผมไม่ได้ลงมือถือเชื่อมต่อกับโน๊ต / ไม่ได้เเชร์ระบบกับ Sony เครื่องอื่น / ไม่เเม้เเต่จะตั้งค่ารหัสหน้าจอ
"เพราะไม่คิดว่า...วันนึงมันจะหายไป"
ผมทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ความทรงจำ/รูปภาพ/ข้อความ/ไลน์/เบอร์โทรกว่า300เบอร์/ข้อมูลงานที่สำคัญมากๆ...ทั้งหมด...หายไป
ช่วงนั้นผมเเทบเหมือนคนบ้า พอเดินไปเจอคนใข้มือถือ Sony ผมหันมองตลอด เเทบไม่มองทางที่ตัวเองเดิน จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ใช่ของเรา แล้วค่อยละสายตาไป
บางห้วงความคิดมันบอกว่า...เพราะไม่ยอมดูเเล...มาเห็นคุณค่าก็ตอนที่เสียไป...ผมเครียด-กังวล-ทำอะไรไม่ถูก นอนไม่หลับ(จริงๆ)
ตอนนั้นคือ....ผมยังทำใจยอมรับผลไม่ได้ ทุกอย่าง ทุกทาง ทุกคน
ผลคือว่างเปล่า
มันรู้สึก "หมดหวัง" "สิ้นหวัง"
30 มิถุนายน 2558 ผมพยามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการตามหามือถือหาย พบว่าที่เจอมักเป็น i-phone เพราะมีระบบติดตามเเล้วก็คนอื่นส่วนใหญ่ไม่ประมาทเหมือนผม มีค่ารหัสหน้าจอไว้ด้วย
หลังจากนั้น...ก็เปลี่ยนวิธีค้นหาเป็นการค้นหาจากสัญญาณบ้าง พอขอเช็คสัญญาณจาก Dtac ปรากฏว่าไม่มีอะไรคืบหน้า ตรวจเช็คได้ครั้งสุดท้ายคือวันเกิดเหตุที่คุยกับพ่อเท่านั้น ผมติดต่อไปที่ศูนย์ Sony อยู่ในห้าง ผมไปเเต่เช้า เเต่ศูนย์ยังไม่เปิด ผมเลยไปดูร้านมือถือมือสองในห้างไล่ดูประมาน 20 กว่าร้าน
จนกระทั่งผมไปหยุดที้รานนึง เเล้วถามพี่เข้าของร้านผู้หญิงว่า "มีมือถือ sony บ้างไหมครับ สีอะไรก็ได้"
พี่เขาตอบมาว่า "ออ...sony เพิ่งขายไปเอง ปกติคนจะใช้ iphone กับ samsung..."
ผมเหมือนจะดีใจที่ว่า sony มีคนใช้น้อย โอกาสที่จะติดตามน่าจะง่ายกว่า ผมเลยถามต่อว่า"ที่ขายไป ขายไปนานหรือยังครับ"
สีหน้าพี่ผู้หญิงเหมือนรู้อะไรบางอย่าง เเกเลยตอบมาว่า "ขายไปเกือบเดือนเเล้ว" ผมเลยเดินออกจากร้าน
จากนั้น ผมไปรอจนศูนย์ sony เปิด มีผู้ชายวัยกลางคนเข้ามาพร้อมๆกับผม ในมือเขาถือ "sony xperia z สีดำ" ตรงกับของผมทุกประการ
มือถือหาย •ศรัทธา-โกรธา-ดราม่า• XperiaZ
ผมเริ่มต้นเรื่องราวเลยนะครับ...
27 มิถุนายน 2558 ผมเเละน้องอีกสองคนออกไปนั่งร้านนมกัน ตอนนั้นจำครั้งสุดท้ายได้ว่าคุยโทรศัพท์กับพ่อ เวลาประมาณ 23.00
หลังจากที่กินกันเสร็จ ก็ตัดสินใจว่าจะขี่รถไปส่งน้องอีกคน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล เเล้วน้องเขาเพิ่งมาฝึกงาน มีอาการหวัด กลัวน้องจะไม่คุ้นทาง ยามวิกาลเเล้วด้วย ก่อนกลับมอไซต์ที่ผมใช้ไม่มีตระกร้า เลยฝากหนังสือไว้ที่รถน้องอีกคน
- ส่วนมือถือไม่เเน่ใจว่าอยู่ในหนังสือเล่มนั้นด้วยไหม หรือ
- ลืมไว้ที่ร้านนม หรือ
- ผมเก็บไว้กับตัว (คิดว่าไม่น่าใช่เพราะมือถือ Sony Xperia Z มีขนาดค่อนข้างใหญ่, กระเป๋ากางเกงไม่ได้ขาด ถ้าล่วงคงพอรู้สึกตัว)
ระหว่างทาง กลัวน้องต่างถิ่นจะไม่มีอาหารกิน เลยเเวะไปซื้ออาหารระหว่างทาง เเล้วก็ขี่ไปส่งน้องถึงหอพัก ระหว่างทางขับค่อนข้างเร็ว รถผมปิดท้าย สักพักมีขวดกระเด็นออกมาจากน้องคันหน้า ผมหันตามไปมอง (ตอนนั้นไม่ทันเอะใจว่ามือถืออาจอยู่ในตระกร้ารถน้อง)
ขากลับ ผมกับน้องอีกคนที่เหลือกลับมาห้องชมรมด้วยกัน ระหว่างทาง(ด้วยเห็นว่าดึกมากเเล้ว) วางถุงของต่างๆรวมไว้บนโต๊ะ เเล้วก็ไปเข้าห้องน้ำประมาน 1 นาที จากนั้นก็เดินขึ้นไปห้องชมรม ผมอยู่กับน้องอีกคนประมาน 15 นาที เเล้วก็เห็นมีปลั๊กไฟว่างอยู่ เลยจะชาจต์เเบต พยายามหา เเต่หาไม่เจอ ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าหาย คิดว่าพกติดตัวมาด้วย จนหาในที่ที่คิดว่าจะเผลอวางไว้ สุดท้ายไม่เจอ ผมเลยขอให้น้องอีกคนช่วยโทรเข้ามือถือให้หน่อย น้องตอบกลับมาว่า "ตังค์มือถือหมด" ผมตัดสินใจหาอีกรอบในบริเวณห้องนั้น เเล้วก็เริ่มหวั่นใจ เลยเดินลงไปดูตระกร้าหน้ารถน้อง เเต่ก็ไม่เจอ
ผมขึ้นมาชมรมอีกครั้ง ขอให้น้องพิมพ์ในเฟสบอกน้องที่ยังออนไลน์(ตอนนั้นประมานตี 1) ให้ช่วยโทรเข้าให้หน่อย
น้องที่ออนไลน์ บอกว่า "โทรเเล้วเเต่ไม่ติด"ตอนนั้นผมเริ่มร้อนใจมาก เลยขี่มอไซต์ออกไปจำลองเหตุการณ์ที่ตัวเองขับตั้งเเต่ร้านนมจนถึงหอน้อง เเล้ววนกลับมาที่ชมรม ผลลัพธ์คือ "ไม่เจอ"
28 มิถุนายน 2558 ผมตัดสินใจเเจ้งความ ร้อยเวรได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ผมอดรอไม่ได้เลยไปที่ร้านนมที่นั่งกินคืนวันที่มือถือหาย พอเดินเข้าไปในร้านเจอว่ามีกล้องวงจรปิด เลยขออนุญาตเจ้าของร้าน"โตเเละสด" (เจ้าของร้านเป็นคนที่อัธยาศรัยดีมากๆ) แกเสียเวลาทำมาหากินมาเปิดกล้องให้ดูร่วมชั่วโมง ก็ไม่เห็นภาพที่เเน่ชัดว่ามือถือตกหล่นหรือลืมไว้ในร้าน เพราะพวกผมนั่งมุมอับของกล้องพอดี
จากนั้น...ผมจะไปขอดูกล้องจากบริเวณห้องน้ำที่เข้าก่อนขึ้นชมรม เเต่ไม่ทันเวลา
ระหว่างนั้น ผมขอให้พี่กับน้องๆช่วยกันโทรเเล้วก็ส่งข้อความอีกหลายครั้ง...
"ขอให้คนที่เก็บได้เอามือถือ...จะมีรางวัลให้"...ตอนนั้นผมเช็คราคามือถืออยู่ที่ประมาน 11,000-14,000 บาท ("คุณค่า"ภายในมันมีค่ามากกว่า"มูลค่า") เเล้วเพิ่งตกผลึกทางความคิดบางอย่างว่า เชียงใหม่เป็นเมืองเที่ยวถ้านักท่องเที่ยวเก็บได้อาจจะไม่เข้าใจความหมาย เลยให้พี่ชายส่งข้อความอังกฤษกำกับไปอีกครั้งหนึ่ง...ไม่มีผลลัพธ์ตอบกลับมาเเต่อย่างใด
29 มิถุนายน 2558 ผมติดต่อขอเปิดกล้องวงจรปิด ในบริเวณที่ตั้งของไว้ก่อนเข้าห้องน้ำ ย้อนดูหลายรอบ จนเจ้าหน้าที่(อ้ายพัน-พี่พัน) ให้รหัสเปิดกล้องกับผม ว่าจะเปิดหรือรีรันเท่าไหร่ก็ได้ ผลลัพธ์คือไม่เจอ...(อีกเเล้ว)
ผมขึ้นไป "รื้อ"ที่ห้องชมรมอีกครั้ง ยอมรับว่าบ้ามาก ผมเปิดตู้หนังสือ กองหนังสือรวมเเล้วน่าจะหลักหลายร้อยหรืออาจจะเกือบพันเล่ม เปิดดูกล่องทุกกล่อง ตามตู้ซอกมุมต่างๆ "ไม่เจอ" คือคำตอบ ผมคิดว่าอาจจะเผลอไปวางตั้งเเล้วลื่นหล่นไปไหนหรือเปล่า ยกพัดลมเผื่ออยู่ใต้พัดลม เปิดกาต้มน้ำ หม้อข้าว ผมหาทุกที่ที่คิดว่ามันอาจจะไปอยู่ที่นั่น ล้วงถังขยะ หาในปลอกหมอน ใต้จานข้าว ใต้พัดลม ในกระเป๋า หรือเเม้เเต่ในตู้เย็น...จนได้พบว่า...การที่เราไม่ดูเเลรักษาของ เเล้วต้องมาตามหาภายหลัง มันเป็นบทเรียนที่ดีจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตอนที่ผมคุ้ยถังขยะ(สาธารณะ) ผมได้รับรู้ความรู้สึกของคนเก็บขยะที่ต้องเผชิญหน้ากับกองขยะทุกวัน ผมเปิดดูทั้งหมด จนน้องที่มาด้วยบอกว่า "ไม่ไหวเเล้ว...พี่พอเถอะ"
ระหว่างนั้นที่บ้านติดต่อไม่ได้...บอกให้ผมซื้อเครื่องใหม่ ผมตั้งสัจจะกับตัวเองว่า จะไม่ซื้อมือถือใหม่ จะใช้ของเก่า...
ที่บ้านติดต่อไม่ได้..ประกอบกับผมต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ที่บ้านเลยส่งมือถือมาให้ พอคุยกับพ่อ
พ่อบอกว่า "ซื้อใหม่ซิลูก...หายเเล้วไม่เป็นไร" ผมเข้าใจดีว่าพ่อ พยามพูดเพื่อให้คลายใจ ไม่ให้คิดมาก
เเต่ผมตอบกลับพ่อไปว่า "ไม่" พ่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง พ่อก็รับคำเเล้วก็บอกให้ทำใจให้สบาย
หลังจากนั้น...ผมเริ่มศึกษา ถึงวิธีการหามือถือหายจากเน็ตทั้งไทยเเละต่างประเทศ
มือถือที่ผมใช้คือ Sony Xperia Z ตอนนั้นรู้สึกโกรธตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะผมไม่ได้ลงมือถือเชื่อมต่อกับโน๊ต / ไม่ได้เเชร์ระบบกับ Sony เครื่องอื่น / ไม่เเม้เเต่จะตั้งค่ารหัสหน้าจอ "เพราะไม่คิดว่า...วันนึงมันจะหายไป"
ผมทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ความทรงจำ/รูปภาพ/ข้อความ/ไลน์/เบอร์โทรกว่า300เบอร์/ข้อมูลงานที่สำคัญมากๆ...ทั้งหมด...หายไป
ช่วงนั้นผมเเทบเหมือนคนบ้า พอเดินไปเจอคนใข้มือถือ Sony ผมหันมองตลอด เเทบไม่มองทางที่ตัวเองเดิน จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ใช่ของเรา แล้วค่อยละสายตาไป
บางห้วงความคิดมันบอกว่า...เพราะไม่ยอมดูเเล...มาเห็นคุณค่าก็ตอนที่เสียไป...ผมเครียด-กังวล-ทำอะไรไม่ถูก นอนไม่หลับ(จริงๆ)
ตอนนั้นคือ....ผมยังทำใจยอมรับผลไม่ได้ ทุกอย่าง ทุกทาง ทุกคน ผลคือว่างเปล่า
มันรู้สึก "หมดหวัง" "สิ้นหวัง"
30 มิถุนายน 2558 ผมพยามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการตามหามือถือหาย พบว่าที่เจอมักเป็น i-phone เพราะมีระบบติดตามเเล้วก็คนอื่นส่วนใหญ่ไม่ประมาทเหมือนผม มีค่ารหัสหน้าจอไว้ด้วย
หลังจากนั้น...ก็เปลี่ยนวิธีค้นหาเป็นการค้นหาจากสัญญาณบ้าง พอขอเช็คสัญญาณจาก Dtac ปรากฏว่าไม่มีอะไรคืบหน้า ตรวจเช็คได้ครั้งสุดท้ายคือวันเกิดเหตุที่คุยกับพ่อเท่านั้น ผมติดต่อไปที่ศูนย์ Sony อยู่ในห้าง ผมไปเเต่เช้า เเต่ศูนย์ยังไม่เปิด ผมเลยไปดูร้านมือถือมือสองในห้างไล่ดูประมาน 20 กว่าร้าน
จนกระทั่งผมไปหยุดที้รานนึง เเล้วถามพี่เข้าของร้านผู้หญิงว่า "มีมือถือ sony บ้างไหมครับ สีอะไรก็ได้"
พี่เขาตอบมาว่า "ออ...sony เพิ่งขายไปเอง ปกติคนจะใช้ iphone กับ samsung..."
ผมเหมือนจะดีใจที่ว่า sony มีคนใช้น้อย โอกาสที่จะติดตามน่าจะง่ายกว่า ผมเลยถามต่อว่า"ที่ขายไป ขายไปนานหรือยังครับ"
สีหน้าพี่ผู้หญิงเหมือนรู้อะไรบางอย่าง เเกเลยตอบมาว่า "ขายไปเกือบเดือนเเล้ว" ผมเลยเดินออกจากร้าน
จากนั้น ผมไปรอจนศูนย์ sony เปิด มีผู้ชายวัยกลางคนเข้ามาพร้อมๆกับผม ในมือเขาถือ "sony xperia z สีดำ" ตรงกับของผมทุกประการ