ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่เคยตั้งกระทู้หรือเขียนรีวิวใดๆ ถ้ามีผิดพลาด หรือมีข้อเสนอ หรือมีคำถามอะไรเพิ่ม บอกได้เลยนะคร้าาาาบ
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...
สืบเนื่องจากว่าโทรศัพท์เครื่องเก่า (iPhone4s) ที่ใช้มากว่า 4 ปี ได้ใกล้จะทิ้งกันแล้ว มีงอแงบ้าง แฮงค์บ้าง แต่เครื่องร้อนนี่เป็นตลอด(ไม่ได้เล่นอะไรยังร้อนเลย)
ต้องทำการมองหาเครื่องใหม่ แรกๆ ก็ดูค่ายเดิม แต่ก็ไม่ค่อยชอบหลายๆ อย่าง (จริงๆ ชอบอย่างเดียวแค่เรื่องกล้อง) เลยหันไปดู android รุ่นอื่นๆ แล้วก็มีเสียงสวรรค์พูดถึง xiaomi ให้ได้ยินจึงไปลองหาข้อมูลดู เจอ xiaomi note pro 64GB โห... ชอบเลย ตั้งแต่ดีไซน์/ความจุ/สเปค ฯลฯ แต่ๆๆ จงหยุดความฝันลงโดยไว เพราะงบประมาณในกระเป๋านี่สิเป็นข้อจำกัด
จึงทำให้ต้องหาตัวใหม่ที่เหมาะสมกับกับคนมีฐานะอย่างเรา จนมาเจอ xiaomi redmi note2 prime ที่ตอบโจทย์ได้ดีพอตัวเลย
มาดูสเปคคราวๆ ของ Xiaomi Redmi Note 2 Prime กัน (ก๊อบมานะ)
- ขนาด 152 x 76 x 8.25 มม.
- น้ำหนัก 160 กรัม
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio X10 Octa-core 64-bit 2.2GHz
- RAM 2GB
- ความจุ 32GB
- รองรับระบบสองซิมและ 4G
- แบตเตอรี่ 3060 mAh (ถอดได้), (รองรับระบบ Quick Charge 2.0)
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว
- ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Samsung/OmniVision รองรับระบบ PDAF Autofocus (F 2.2)
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop
ที่มา: miui
พอได้รุ่นที่ต้องการ ทีนี้เราก็หาร้านที่จะซื้อ แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ถ้าจะซื้อของก็อยากจะลองจับลองเล่นดูว่าจะถนัดมือมั้ย จนเจอร้านนึงที่มีหน้าร้าน (เพราะปกติแบรนด์นี้มีแต่สั่งออนไลน์) แถมร้านนี้อยู่ใกล้บ้านด้วย (บ้านอยู่โซนเยาวราช) ร้านอยู่แค่เสือป่าเอง ว่างปุ๊บไปเลยจ้าา พอเจอร้าน เย่!!!
เรา: 'พี่มีxiaomi redmi note2 มั้ย'
ร้าน: 'มีครับ อ่ะนี่เครื่องผมเอง ลองเล่นได้เลย'
เรา: หูยยยย... (คือดีอ่ะ)
ก็ไม่รู้นะว่าที่อื่นเค้าเป็นยังไง แต่เราก็เล่นๆๆ ลองเท่าที่เราพอจะนึกได้ (ลองทั้งแอบโหลดแอพ antutu มาเช็คเครื่อง ก็ได้คำตอบว่าเป็นxiaomi redmi note 2 จริงด้วยสเปคก็ตรง พอลองเสร็จรีบลบเลย อิอิ)
เรา: มีสีดำมั้ย
ร้าน: มีแต่ของเข้าวันจันทร์ (ไปวันเสาร์)
เรา: งั้นรอ วันจันทร์เจอกันนะเจ้าหนู
...และแล้วก็ได้มาครอบครอง ฮ่าๆๆ
จ๊ะเอ๋! เปิดกล่องอันสวยงามและแสนจะดูดีมาเจอเจ้าตัววางนอนอยู่อย่างเรียบร้อย
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง มี ตัวเครื่อง, หัวชาร์ต, สายชาร์ต, แบตฯ, และคู่มือ (ภาษาจีน) คงต้องพึ่งอากู๋ และบุญพาวาสนาส่งให้ได้เรียนรู้กันนะ
แบตเตอรี่สีแหล่มมาก (ได้ข่าวว่าอยู่ข้างในจะตื่นเต้นไมเนี่ยะ)
หัวและสายชาร์ต
เปรียบเทียบกะค่าย S ตัวnote3 ขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงนะ (จอต่างกัน 0.2)
จอด้านบน เป็นกล้อง 5 ล้านพิกเซล และช่องลำโพงหูฟังตัวเครื่อง
จอด้านล่าง เป็นปุ่มลัด
ซ้าย: ปุ่มจัดการแอพฯที่เปิดใช้งานอยู่
กลาง: Home
ขวา: ย้อนกลับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Lock
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ช่องเล็ก เป็นไมค์รองด้านบนตัวเครื่อง และจุดที่ดูใหญ่กว่า เป็นช่องอินฟาเรท
ด้านล่าง เป็นช่องชาร์ตแบต และจุดเล็กๆ เป็นรูไมค์ (เอ๊ะ!! หรือข้างบนจะเป็นไมค์ แบบมีไมค์บนล่างนะ)
ด้านหลัง จากบนลงล่าง
กล้อง 13 ล้านพิกเซล,
ไฟแฟลช,
สัญลักษณ์ mi,
ลำโพง
เปิดฝาาาาา มีช่องใส่ซิม 2 ช่องขวา (ใช้ micro sim ทั้งคู่), ช่องซ้ายใส่ micro SD (สูงสุด 32GB)
แล้วเราก็ไปซื้อเมมมาเพิ่มด้วย 32GB เต็มที่ไปเล้ยยย ทีนี้เราก็มีโทรศัพท์ความจุ 64 GB แล้ว (555)
เปิดเครื่องกันดีกว่า กดปุ่ม Lock ค้างไว้ จะขึ้น mi สักครู่แล้ว android ก็ขึ้นตามมา
หน้า Lock screen
ปาดขึ้นเพื่อปลดล๊อค
ปาดซ้ายไปขวาเพื่อเข้าสู่โทรศัพท์
ปาดขวาไปซ้ายเพื่อเปิดกล้อง
(ก็คล้ายๆ android บางตัว)
เข้ามาแล้ว xiaomi ใช้ระบบปฏิบัติการ android แต่ก็จัดวางแอพไว้บนหน้าจอหมดเลย เหมือนกับ apple และ android บางตัว เช่น eagle X
การสัมผัสหน้าจอลื่นไหล ไม่มีสะดุด จัดการแอพได้ง่าย สะดวกดี หรือเพราะชินกับการใช้งานแบบ apple ด้วยก็ไม่รู้นะ
ปาดหน้าจอจากบนลงล่าง จะเปิดหน้านี้ลงมา ไว้เปิด/ปิดฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ใช้ เช่น ปิดเสียง, WiFi, Bluetooth, Lock, auto brightness ฯ
หรือเราจะปรับความสว่างเองก็ได้
และล่างสุดจะเป็น ปุ่มไปที่ Setting
แล้วถ้าปาดหน้าจากซ้ายไปขวา ก็จะเป็นการแจ้งเตือน
ลองพิมพ์ดูบ้างดีกว่า อย่างที่เห็น พิมพ์ภาษาไทยได้นะ ไม่ต้องกลัวว่าจะแชทกับเพื่อนไม่ถนัด แม้ว่าจะไม่ได้ลงเมนูภาษาไทยก็ตาม ขอแค่ไม่เป็นเมนูจีนก็ดีใจน้ำตาจิไหลพรากละ
ใน notes นี่ก็มีสอนวิธีใช้คราวๆ ด้วยนะ จะใส่รูปใน notes เลยก็ไม่ต้องไปโหลดแอพใหม่ ตัวนี้เค้าทำมาให้เลย
มาดูกล้องกันดีกว่า เปิดกล้องมา อ๊ะ.. สิ่งแรกที่เห็นคือ มุมกว้างงงดีเชียว สีก็โอเคเลย ปาดที่จอขึ้นหรือลงก็เป็นการสลับกล้องหน้า/หลังได้ หรือจะจิ้มที่ปุ่มสลับกล้องก็ได้
(แต่รีวิวนี้ยังไม่ได้ทำการทดสอบกล้องหน้านะ เพราะว่ายังติดพลาสติกปิดจอเดิมๆ อยู่ เนื่องจากของแถม พวกฟิล์ม เคส ทางร้านหมด ต้องไปเอาอาทิตย์ถัดไป)
ปาดกล้องจากซ้ายไปขวา เป็น camera mode มีทั้ง panorama, timer, manual, gradient, beautify และ scene mode
ปาดกล้องจากขวาไปซ้าย เป็น filter มีเยอะแยะ เล่นกันสนุสนาน
สามารถแก้ไขหรือปรับแต่งรูปภาพได้ ทั้ง rotate, crop, ใส่ filters หรือปรับค่า adjust ก็สามารถทำได้เลย
ตั้งค่าตัวหนังสือในเครื่อง มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ XS - XXL ดูเอาแล้วกันว่าต่างกันยังไง อาม่ายังใช้ได้อ่ะ XXL เนี่ยะ
อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มีให้มา ก็จัดเก็บไว้ในโฟลเดอร์ Tools เรียบร้อยดี
เมื่อจิ้มปุ่มจัดการแอพที่เปิดใช้งาน ที่อยู่ด้านล้างจอ จะขึ้นหน้าแอพที่เปิดค้างไว้ เราสามารถเลือกปิดทั้งหมดโดยจิ้มที่ x หรือเราจะเลือกปิดทีละแอพก็ได้โดยการปัดแอพที่เราต้องการจะปิดขึ้นด้านบน ก็จะเป็นการปิดแอพนั้นๆ
และเบสิกที่สุด แม้ว่าจะมีของเล่นต่างๆ ให้ใช้ ยังไงมันก็ยังเป็นโทรศัพท์นะ นี่ก็เป็นหน้าตาโทรศัพท์ ใช้งานได้ปกติ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน จิ้มเปิดแป้นตัวเลขขึ้นมา แล้วกดเบอร์ได้เลย
นี่ก็เป็นรีวิวคร่าวๆ (รึป่าว?) สำหรับ xiaomi redmi note2 prime ตัวนี้
ขอสรุปเหตุผลที่ซื้อ แล้วได้ลองใช้งาน
ข้อดี: สเปคดี, ราคาน่าคบ, จอกว้าาาาง, น้ำหนักเบา (เทียบกับ4s), ทัชสกรีนไหลลื่น(ไม่สะดุดไม่หน่วงไม่ค้าง), ใช้งานง่าย, กล้องชัดมากกกกก (เดี๋ยวเอารูปลงให้ดู ไปขอเจ้าตัวที่เป็นแบบก่อน), หน่วยความจำเยอะ(แถมเพิ่มได้อีกด้วย เหมาะกับคนอย่างเราที่ชอบถ่ายรูปไปเรื่อย), รองรับ 4G ใส่ได้ 2 ซิม (แต่ยังไม่ได้ลองใช้ 4G นะเพราะซิมยังเป็น 3G อยู่)
ข้อเสีย: บางทีก็กว้างไป ยิ่งถ้ายัดใส่กระเป๋ากางเกง อาจมีตึงๆ บ้าง, เครื่องอุ่นไว ถ้าเล่นเกมส์สักพัก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับร้อนแบบถือไม่ได้นะ (4s ก่อนเปลี่ยนนี่ถือเล่นเกมส์ไม่ได้ต้องหาที่วาง), วัสดุฝาหลังเป็นพลาสติก (แต่ก็ไม่ได้ดูขี้เหร่ เทียบกับราคาก็รับได้อยู่), ลำโพงที่อยู่ด้านหลังเสียงดังดี แต่โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเพราะถ้าวางบนโต๊ะเสียงก็จะถูกทับไว้ แต่ถ้าตั้ง หรือถือไว้ถือว่าดังดีทีเดียว
น่าจะหมดแล้วล่ะเท่าที่ได้เล่นมานิดหน่อย
ส่วนรูปภาพที่ถ่ายด้วย filters ของกล้อง และการทดสอบด้วย app AnTuTu จะเอามาลงให้ที่คอมเมนต์นะ
หากใครมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ราคาไม่แรง ก็ขอแนะนำตัวนี้ได่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
ขอให้สนุกกับการใช้งานสมาร์ทโฟน แล้วอย่าลืมเงยหน้าคุยกับคนข้างๆ ด้วยนะ
'โอมมมม... จงเงย'
[CR] แกะกล่อง จีนทำ ไทยใช้ xiaomi redmi note2 prime รีวิวใช้เอง
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...
สืบเนื่องจากว่าโทรศัพท์เครื่องเก่า (iPhone4s) ที่ใช้มากว่า 4 ปี ได้ใกล้จะทิ้งกันแล้ว มีงอแงบ้าง แฮงค์บ้าง แต่เครื่องร้อนนี่เป็นตลอด(ไม่ได้เล่นอะไรยังร้อนเลย)
ต้องทำการมองหาเครื่องใหม่ แรกๆ ก็ดูค่ายเดิม แต่ก็ไม่ค่อยชอบหลายๆ อย่าง (จริงๆ ชอบอย่างเดียวแค่เรื่องกล้อง) เลยหันไปดู android รุ่นอื่นๆ แล้วก็มีเสียงสวรรค์พูดถึง xiaomi ให้ได้ยินจึงไปลองหาข้อมูลดู เจอ xiaomi note pro 64GB โห... ชอบเลย ตั้งแต่ดีไซน์/ความจุ/สเปค ฯลฯ แต่ๆๆ จงหยุดความฝันลงโดยไว เพราะงบประมาณในกระเป๋านี่สิเป็นข้อจำกัด
จึงทำให้ต้องหาตัวใหม่ที่เหมาะสมกับกับคนมีฐานะอย่างเรา จนมาเจอ xiaomi redmi note2 prime ที่ตอบโจทย์ได้ดีพอตัวเลย
มาดูสเปคคราวๆ ของ Xiaomi Redmi Note 2 Prime กัน (ก๊อบมานะ)
- ขนาด 152 x 76 x 8.25 มม.
- น้ำหนัก 160 กรัม
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio X10 Octa-core 64-bit 2.2GHz
- RAM 2GB
- ความจุ 32GB
- รองรับระบบสองซิมและ 4G
- แบตเตอรี่ 3060 mAh (ถอดได้), (รองรับระบบ Quick Charge 2.0)
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว
- ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Samsung/OmniVision รองรับระบบ PDAF Autofocus (F 2.2)
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop
ที่มา: miui
พอได้รุ่นที่ต้องการ ทีนี้เราก็หาร้านที่จะซื้อ แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ถ้าจะซื้อของก็อยากจะลองจับลองเล่นดูว่าจะถนัดมือมั้ย จนเจอร้านนึงที่มีหน้าร้าน (เพราะปกติแบรนด์นี้มีแต่สั่งออนไลน์) แถมร้านนี้อยู่ใกล้บ้านด้วย (บ้านอยู่โซนเยาวราช) ร้านอยู่แค่เสือป่าเอง ว่างปุ๊บไปเลยจ้าา พอเจอร้าน เย่!!!
เรา: 'พี่มีxiaomi redmi note2 มั้ย'
ร้าน: 'มีครับ อ่ะนี่เครื่องผมเอง ลองเล่นได้เลย'
เรา: หูยยยย... (คือดีอ่ะ)
ก็ไม่รู้นะว่าที่อื่นเค้าเป็นยังไง แต่เราก็เล่นๆๆ ลองเท่าที่เราพอจะนึกได้ (ลองทั้งแอบโหลดแอพ antutu มาเช็คเครื่อง ก็ได้คำตอบว่าเป็นxiaomi redmi note 2 จริงด้วยสเปคก็ตรง พอลองเสร็จรีบลบเลย อิอิ)
เรา: มีสีดำมั้ย
ร้าน: มีแต่ของเข้าวันจันทร์ (ไปวันเสาร์)
เรา: งั้นรอ วันจันทร์เจอกันนะเจ้าหนู
...และแล้วก็ได้มาครอบครอง ฮ่าๆๆ
จ๊ะเอ๋! เปิดกล่องอันสวยงามและแสนจะดูดีมาเจอเจ้าตัววางนอนอยู่อย่างเรียบร้อย
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง มี ตัวเครื่อง, หัวชาร์ต, สายชาร์ต, แบตฯ, และคู่มือ (ภาษาจีน) คงต้องพึ่งอากู๋ และบุญพาวาสนาส่งให้ได้เรียนรู้กันนะ
แบตเตอรี่สีแหล่มมาก (ได้ข่าวว่าอยู่ข้างในจะตื่นเต้นไมเนี่ยะ)
หัวและสายชาร์ต
เปรียบเทียบกะค่าย S ตัวnote3 ขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงนะ (จอต่างกัน 0.2)
จอด้านบน เป็นกล้อง 5 ล้านพิกเซล และช่องลำโพงหูฟังตัวเครื่อง
จอด้านล่าง เป็นปุ่มลัด
ซ้าย: ปุ่มจัดการแอพฯที่เปิดใช้งานอยู่
กลาง: Home
ขวา: ย้อนกลับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Lock
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ช่องเล็ก เป็นไมค์รองด้านบนตัวเครื่อง และจุดที่ดูใหญ่กว่า เป็นช่องอินฟาเรท
ด้านล่าง เป็นช่องชาร์ตแบต และจุดเล็กๆ เป็นรูไมค์ (เอ๊ะ!! หรือข้างบนจะเป็นไมค์ แบบมีไมค์บนล่างนะ)
ด้านหลัง จากบนลงล่าง
กล้อง 13 ล้านพิกเซล,
ไฟแฟลช,
สัญลักษณ์ mi,
ลำโพง
เปิดฝาาาาา มีช่องใส่ซิม 2 ช่องขวา (ใช้ micro sim ทั้งคู่), ช่องซ้ายใส่ micro SD (สูงสุด 32GB)
แล้วเราก็ไปซื้อเมมมาเพิ่มด้วย 32GB เต็มที่ไปเล้ยยย ทีนี้เราก็มีโทรศัพท์ความจุ 64 GB แล้ว (555)
เปิดเครื่องกันดีกว่า กดปุ่ม Lock ค้างไว้ จะขึ้น mi สักครู่แล้ว android ก็ขึ้นตามมา
หน้า Lock screen
ปาดขึ้นเพื่อปลดล๊อค
ปาดซ้ายไปขวาเพื่อเข้าสู่โทรศัพท์
ปาดขวาไปซ้ายเพื่อเปิดกล้อง
(ก็คล้ายๆ android บางตัว)
เข้ามาแล้ว xiaomi ใช้ระบบปฏิบัติการ android แต่ก็จัดวางแอพไว้บนหน้าจอหมดเลย เหมือนกับ apple และ android บางตัว เช่น eagle X
การสัมผัสหน้าจอลื่นไหล ไม่มีสะดุด จัดการแอพได้ง่าย สะดวกดี หรือเพราะชินกับการใช้งานแบบ apple ด้วยก็ไม่รู้นะ
ปาดหน้าจอจากบนลงล่าง จะเปิดหน้านี้ลงมา ไว้เปิด/ปิดฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ใช้ เช่น ปิดเสียง, WiFi, Bluetooth, Lock, auto brightness ฯ
หรือเราจะปรับความสว่างเองก็ได้
และล่างสุดจะเป็น ปุ่มไปที่ Setting
แล้วถ้าปาดหน้าจากซ้ายไปขวา ก็จะเป็นการแจ้งเตือน
ลองพิมพ์ดูบ้างดีกว่า อย่างที่เห็น พิมพ์ภาษาไทยได้นะ ไม่ต้องกลัวว่าจะแชทกับเพื่อนไม่ถนัด แม้ว่าจะไม่ได้ลงเมนูภาษาไทยก็ตาม ขอแค่ไม่เป็นเมนูจีนก็ดีใจน้ำตาจิไหลพรากละ
ใน notes นี่ก็มีสอนวิธีใช้คราวๆ ด้วยนะ จะใส่รูปใน notes เลยก็ไม่ต้องไปโหลดแอพใหม่ ตัวนี้เค้าทำมาให้เลย
มาดูกล้องกันดีกว่า เปิดกล้องมา อ๊ะ.. สิ่งแรกที่เห็นคือ มุมกว้างงงดีเชียว สีก็โอเคเลย ปาดที่จอขึ้นหรือลงก็เป็นการสลับกล้องหน้า/หลังได้ หรือจะจิ้มที่ปุ่มสลับกล้องก็ได้
(แต่รีวิวนี้ยังไม่ได้ทำการทดสอบกล้องหน้านะ เพราะว่ายังติดพลาสติกปิดจอเดิมๆ อยู่ เนื่องจากของแถม พวกฟิล์ม เคส ทางร้านหมด ต้องไปเอาอาทิตย์ถัดไป)
ปาดกล้องจากซ้ายไปขวา เป็น camera mode มีทั้ง panorama, timer, manual, gradient, beautify และ scene mode
ปาดกล้องจากขวาไปซ้าย เป็น filter มีเยอะแยะ เล่นกันสนุสนาน
สามารถแก้ไขหรือปรับแต่งรูปภาพได้ ทั้ง rotate, crop, ใส่ filters หรือปรับค่า adjust ก็สามารถทำได้เลย
ตั้งค่าตัวหนังสือในเครื่อง มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ XS - XXL ดูเอาแล้วกันว่าต่างกันยังไง อาม่ายังใช้ได้อ่ะ XXL เนี่ยะ
อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มีให้มา ก็จัดเก็บไว้ในโฟลเดอร์ Tools เรียบร้อยดี
เมื่อจิ้มปุ่มจัดการแอพที่เปิดใช้งาน ที่อยู่ด้านล้างจอ จะขึ้นหน้าแอพที่เปิดค้างไว้ เราสามารถเลือกปิดทั้งหมดโดยจิ้มที่ x หรือเราจะเลือกปิดทีละแอพก็ได้โดยการปัดแอพที่เราต้องการจะปิดขึ้นด้านบน ก็จะเป็นการปิดแอพนั้นๆ
และเบสิกที่สุด แม้ว่าจะมีของเล่นต่างๆ ให้ใช้ ยังไงมันก็ยังเป็นโทรศัพท์นะ นี่ก็เป็นหน้าตาโทรศัพท์ ใช้งานได้ปกติ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน จิ้มเปิดแป้นตัวเลขขึ้นมา แล้วกดเบอร์ได้เลย
นี่ก็เป็นรีวิวคร่าวๆ (รึป่าว?) สำหรับ xiaomi redmi note2 prime ตัวนี้
ขอสรุปเหตุผลที่ซื้อ แล้วได้ลองใช้งาน
ข้อดี: สเปคดี, ราคาน่าคบ, จอกว้าาาาง, น้ำหนักเบา (เทียบกับ4s), ทัชสกรีนไหลลื่น(ไม่สะดุดไม่หน่วงไม่ค้าง), ใช้งานง่าย, กล้องชัดมากกกกก (เดี๋ยวเอารูปลงให้ดู ไปขอเจ้าตัวที่เป็นแบบก่อน), หน่วยความจำเยอะ(แถมเพิ่มได้อีกด้วย เหมาะกับคนอย่างเราที่ชอบถ่ายรูปไปเรื่อย), รองรับ 4G ใส่ได้ 2 ซิม (แต่ยังไม่ได้ลองใช้ 4G นะเพราะซิมยังเป็น 3G อยู่)
ข้อเสีย: บางทีก็กว้างไป ยิ่งถ้ายัดใส่กระเป๋ากางเกง อาจมีตึงๆ บ้าง, เครื่องอุ่นไว ถ้าเล่นเกมส์สักพัก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับร้อนแบบถือไม่ได้นะ (4s ก่อนเปลี่ยนนี่ถือเล่นเกมส์ไม่ได้ต้องหาที่วาง), วัสดุฝาหลังเป็นพลาสติก (แต่ก็ไม่ได้ดูขี้เหร่ เทียบกับราคาก็รับได้อยู่), ลำโพงที่อยู่ด้านหลังเสียงดังดี แต่โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเพราะถ้าวางบนโต๊ะเสียงก็จะถูกทับไว้ แต่ถ้าตั้ง หรือถือไว้ถือว่าดังดีทีเดียว
น่าจะหมดแล้วล่ะเท่าที่ได้เล่นมานิดหน่อย
ส่วนรูปภาพที่ถ่ายด้วย filters ของกล้อง และการทดสอบด้วย app AnTuTu จะเอามาลงให้ที่คอมเมนต์นะ
หากใครมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ราคาไม่แรง ก็ขอแนะนำตัวนี้ได่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
ขอให้สนุกกับการใช้งานสมาร์ทโฟน แล้วอย่าลืมเงยหน้าคุยกับคนข้างๆ ด้วยนะ
'โอมมมม... จงเงย'