สวัสดีครับทั้งชาวเฉลิมกรุงและบลูแพลนเน็ต
ผมเชื่อว่าเพลงกับการเดินทางเป็นของคู่กัน
หลายๆ คนมักงใช้เสียงเพลงเป็นตัวฆ่าเวลาตอนเดินทางหรือรอเครื่องบิน รถไฟ ฯลฯ
แต่สำหรับผม เพลงสามารถเป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจ สร้างบรรยากาศ และสร้างความทรงจำดีดีในการท่องเที่ยวได้ด้วย
วันนี้เลยอยากแชร์เพลงที่ผมฟังประจำเวลาเดินทางท่องเที่ยวครับ
ออกตัวก่อนว่าผมฟังเพลง pop เป็นหลัก เพราะฉะนั้นแนวเพลงอาจจะไม่ถูกใจบางท่าน
และหากใครมีเพลงไหนอยากแชร์ ยินดีเลยครับ
อันที่จริง ผมอยากให้กระทู้นี้เป็นคลังเพลงสำหรับนักเดินทางไปเลยถ้าเป็นไปได้
เริ่มเลยนะครับ
1. I Lived – OneRepublic
ท่อนเด็ดประจำเพลง:
“I owned every second that this world could give. I saw so many places, the things that I did. With every broken bone, I swear I lived.”
ฉันใช้ชีวิตทุกวินาทีที่โลกใบนี้จะให้ฉันได้ ฉันเห็นโน่นนี่และทำหลายสิ่งไปมากมาย และเมื่อถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เชื่อดิ...ว่าฉันใช้ชีวิตคุ้มแล้ว
อันที่จริงเพลงนี้ไม่เกี่ยวกับการเดินทางโดยตรงซะทีเดียวนะครับ
แต่มันเป็นเพลงที่กระตุ้นให้เราลองเสี่ยง ลองออกจาก comfort zone ลองอกหักสักครั้ง ลองทำนั่นทำนี่
ที่น่าสนใจคือท่อน chorus เพลงนี้ใช้ past tense ในการแต่งประโยค
เป็นการถ่ายทอดมุมมองของคนที่ผ่านโลกมาเยอะแล้วอยากบอกคนวัยหนุ่มสาวว่าลุงทำมาหมดแล้วนะ
พวกเอ็งอ่ะอย่ายอมแพ้ลุงนะ ชีวิตเกิดมามีชาติเดียวกล้าๆ ขยาย comfort zone ตัวเองให้กว้างๆ หน่อยดิ
ทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้ผมจะรู้สึกฮีกเหิม เกิดความคิดว่าชาตินี้ยังใช้ชีวิตไม่คุ้ม
อยากไปที่ที่ไม่เคยไป อยากทำอะไรบ้าๆ ที่คนอื่นไม่กล้า
Music Video ก็ให้แรงบันดาลใจสุดๆ ด้วยครับ
10 เพลงสากลที่ปลุกจิตวิญญาณ ‘นักเดินทาง’ ในตัวคุณ (โดยเฉพาะ solo backpacker)
ผมเชื่อว่าเพลงกับการเดินทางเป็นของคู่กัน
หลายๆ คนมักงใช้เสียงเพลงเป็นตัวฆ่าเวลาตอนเดินทางหรือรอเครื่องบิน รถไฟ ฯลฯ
แต่สำหรับผม เพลงสามารถเป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจ สร้างบรรยากาศ และสร้างความทรงจำดีดีในการท่องเที่ยวได้ด้วย
วันนี้เลยอยากแชร์เพลงที่ผมฟังประจำเวลาเดินทางท่องเที่ยวครับ
ออกตัวก่อนว่าผมฟังเพลง pop เป็นหลัก เพราะฉะนั้นแนวเพลงอาจจะไม่ถูกใจบางท่าน
และหากใครมีเพลงไหนอยากแชร์ ยินดีเลยครับ
อันที่จริง ผมอยากให้กระทู้นี้เป็นคลังเพลงสำหรับนักเดินทางไปเลยถ้าเป็นไปได้
เริ่มเลยนะครับ
1. I Lived – OneRepublic
ท่อนเด็ดประจำเพลง:
“I owned every second that this world could give. I saw so many places, the things that I did. With every broken bone, I swear I lived.”
ฉันใช้ชีวิตทุกวินาทีที่โลกใบนี้จะให้ฉันได้ ฉันเห็นโน่นนี่และทำหลายสิ่งไปมากมาย และเมื่อถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เชื่อดิ...ว่าฉันใช้ชีวิตคุ้มแล้ว
อันที่จริงเพลงนี้ไม่เกี่ยวกับการเดินทางโดยตรงซะทีเดียวนะครับ
แต่มันเป็นเพลงที่กระตุ้นให้เราลองเสี่ยง ลองออกจาก comfort zone ลองอกหักสักครั้ง ลองทำนั่นทำนี่
ที่น่าสนใจคือท่อน chorus เพลงนี้ใช้ past tense ในการแต่งประโยค
เป็นการถ่ายทอดมุมมองของคนที่ผ่านโลกมาเยอะแล้วอยากบอกคนวัยหนุ่มสาวว่าลุงทำมาหมดแล้วนะ
พวกเอ็งอ่ะอย่ายอมแพ้ลุงนะ ชีวิตเกิดมามีชาติเดียวกล้าๆ ขยาย comfort zone ตัวเองให้กว้างๆ หน่อยดิ
ทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้ผมจะรู้สึกฮีกเหิม เกิดความคิดว่าชาตินี้ยังใช้ชีวิตไม่คุ้ม
อยากไปที่ที่ไม่เคยไป อยากทำอะไรบ้าๆ ที่คนอื่นไม่กล้า
Music Video ก็ให้แรงบันดาลใจสุดๆ ด้วยครับ