The Salt of the Earth
สารคดีชีวิตการทำงานของช่างภาพระดับเอกอุชาวบราซิล Sebastião Salgado พาผู้ชมสำรวจโลกผ่านภาพขาวดำรายละเอียดแน่น องค์ประกอบศิลป์เยี่ยมเปี่ยมอารมณ์ที่เขาบันทึกมาเกือบครึ่งศตวรรษ เซบาสชาวจบการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ก่อนค้นพบความสามารถและความรักในงานถ่ายภาพจึงออกท่องโลกบันทึกความเป็นไปของสังคมสะท้อนความจริงจากซอกหลืบอย่างมุ่งมั่น
หนังดำเนินเรื่องตามลำดับขั้นชิ้นงานดังของเขา เสนอกระบวนการสร้างสรรค์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่การกลับสู่รากเหง้าชาวอเมริกาใต้ จับภาพโหดร้ายของความอดอยากในแอฟริกา ความลำบากของชนชั้นกรรมาชีพโดยเฉพาะในตะวันออกกลางยุคสงครามอ่าวจบสิ้นแต่ยังมีกลิ่นเผาไหม้ของเปลวไฟที่พวยพุ่งจากบ่อน้ำมัน มองเผินงดงามราวสวรรค์แต่ความจริงนั้นคือนรกบนดิน
หลังพบจุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์ระหว่างถ่ายทำการอพยพหนีตายในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เซบาสชาวตัดสินใจแขวนกล้องเพราะหมดศรัทธาในสมาชิกร่วมโลกและย้อนถามตัวเองว่าจะเยียวยาโลกที่บอบช้ำได้อย่างไรบ้าง ชอบที่หนังพลิกความสิ้นหวังมาตั้งคำถามส่งสารสำคัญให้คนดูคิดต่อ คำถามข้างต้นเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาพชุด Genesis ที่เซบาสชาวบรรจงเก็บความงามพิสุทธิ์ของธรรมชาติเป็นตัวแทนความหวังว่ายังมีสิ่งที่สวยงามเหลืออยู่บนโลก แถมขยับขยายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทั้งการปลูกป่าที่ทำร่วมกับภรรยาและรักษาความสัมพันธ์ที่ขาดหายกับลูกชาย Juliano Ribiero Salgado ที่โตมารับหน้าที่ผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้ ร่วมกับ Wim Wenders ที่คงถูกเชิญมาเรียบเรียงฟิล์มภาพนิ่งและเคลื่อนไหวให้กลายเป็นหนังที่สมบูรณ์
หนังใช้เทคนิคเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ฉายภาพถ่ายวิจิตรตะลึงตึงขึ้นจอโดยมีเสียงสองผู้กำกับและเซบาสชาวเล่าเรื่องประกอบ คล้ายนิทานการผจญภัยวัยหนุ่มของคุณปู่ ประกอบด้วยฟุตเตจใหม่เลียนสไตล์ภาพถ่ายเลื่องชื่อของเขาและเสียงประกอบกรุ๊งกริ๊งเบาเข้าเหตุการณ์ แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ท้าทายนักในแง่การสร้างภาพยนตร์แต่ถ้ามือไม่ถึงจริงไปแอบยืนอ่านหนังสือรวมภาพฟรีที่คิโนะคุนิยะก็อาจจะสนุกกว่า
หนังน่าติดตาม เพลิดเพลินไปกับการลงพื้นที่ยิ่งกว่าฐาปนีย์ของปู่เซบาสชาวที่เป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญสุดร้าวรานหลายครั้ง ยังข้องใจนางห้อยพระอะไรถึงรอดมา? และยังไม่ทิ้งลายแม้วัยจะล่วงเลยเจ็ดสิบ อยากให้ช่างภาพรุ่นใหม่ได้ดู น่าจะเกิดแรงบันดาลใจมากมาย ส่วนเราคนดูธรรมดาถ่ายรูปกล้องหน้ายังเบลอ ก็ปลื้มปริ่มกับความสามารถของปู่และความมุ่งมั่นในการพลิกฟื้นพื้นพิภพให้เป็นมรดกล้ำค่าสืบเนื่องไปเหมือนชื่อหนัง (ที่เพิ่งรู้ว่าไม่ได้เกี่ยวไรกับนาเกลือ) ดูแล้วอยากออกเดินทางสำรวจความอัศจรรย์ของโลกซะวันนี้เลย
---
แนะนำหนักมากให้คนรักหนังสารคดีหรืองานศิลป์โดยเฉพาะการถ่ายภาพ
โอกาสรับชมหนังเรื่องนี้บนจอใหญ่มีอีกหนึ่งรอบ วันจันทร์ที่ 28 ก.ย. (พรุ่งนี้!) 1 ทุ่ม Quartier CineArt ตั๋วถูกกว่าปกตินะสำหรับโรงไฮโซว์ 150-200 เอง ดี๊ย์ดี (sold out ยังไม่รู้ เช็คก่อนชม)
ขอบคุณ Elle Men มาก ๆ ที่เลือกหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาสารคดียอดเยี่ยมปี 2014 เรื่องนี้มาฉายในงาน Elle Men Film Festival
หนังน่าสนใจในงานอีกสองเรื่องคือ White God และ the Tribe เราจะรีวิวไว้ในเพจ
https://www.facebook.com/jijabanang ในเวลาต่อไปจ้ะ
แถม! รีวิวหนังสำรวจธรรมชาติชนโรง Everest ->
https://goo.gl/MWsvLa
---
แปะภาพตัวอย่างของเซบาสชาวไว้เป้นน้ำจิ้ม ความยิ่งใหญ่ของรูปที่หาได้จากกูเกิ้ลความละเอียดไม่มากอาจเทียบไม่ได้กับที่เห็นบนจอหนัง แต่ก็ยังสวยอยู่
รีวิว | The Salt of the Earth | นิทานภาพถ่ายของชายรักษ์โลก หนังที่คนรักการถ่ายภาพต้องร้องกรี๊ด
สารคดีชีวิตการทำงานของช่างภาพระดับเอกอุชาวบราซิล Sebastião Salgado พาผู้ชมสำรวจโลกผ่านภาพขาวดำรายละเอียดแน่น องค์ประกอบศิลป์เยี่ยมเปี่ยมอารมณ์ที่เขาบันทึกมาเกือบครึ่งศตวรรษ เซบาสชาวจบการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ก่อนค้นพบความสามารถและความรักในงานถ่ายภาพจึงออกท่องโลกบันทึกความเป็นไปของสังคมสะท้อนความจริงจากซอกหลืบอย่างมุ่งมั่น
หนังดำเนินเรื่องตามลำดับขั้นชิ้นงานดังของเขา เสนอกระบวนการสร้างสรรค์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่การกลับสู่รากเหง้าชาวอเมริกาใต้ จับภาพโหดร้ายของความอดอยากในแอฟริกา ความลำบากของชนชั้นกรรมาชีพโดยเฉพาะในตะวันออกกลางยุคสงครามอ่าวจบสิ้นแต่ยังมีกลิ่นเผาไหม้ของเปลวไฟที่พวยพุ่งจากบ่อน้ำมัน มองเผินงดงามราวสวรรค์แต่ความจริงนั้นคือนรกบนดิน
หลังพบจุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์ระหว่างถ่ายทำการอพยพหนีตายในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เซบาสชาวตัดสินใจแขวนกล้องเพราะหมดศรัทธาในสมาชิกร่วมโลกและย้อนถามตัวเองว่าจะเยียวยาโลกที่บอบช้ำได้อย่างไรบ้าง ชอบที่หนังพลิกความสิ้นหวังมาตั้งคำถามส่งสารสำคัญให้คนดูคิดต่อ คำถามข้างต้นเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาพชุด Genesis ที่เซบาสชาวบรรจงเก็บความงามพิสุทธิ์ของธรรมชาติเป็นตัวแทนความหวังว่ายังมีสิ่งที่สวยงามเหลืออยู่บนโลก แถมขยับขยายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทั้งการปลูกป่าที่ทำร่วมกับภรรยาและรักษาความสัมพันธ์ที่ขาดหายกับลูกชาย Juliano Ribiero Salgado ที่โตมารับหน้าที่ผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้ ร่วมกับ Wim Wenders ที่คงถูกเชิญมาเรียบเรียงฟิล์มภาพนิ่งและเคลื่อนไหวให้กลายเป็นหนังที่สมบูรณ์
หนังใช้เทคนิคเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ฉายภาพถ่ายวิจิตรตะลึงตึงขึ้นจอโดยมีเสียงสองผู้กำกับและเซบาสชาวเล่าเรื่องประกอบ คล้ายนิทานการผจญภัยวัยหนุ่มของคุณปู่ ประกอบด้วยฟุตเตจใหม่เลียนสไตล์ภาพถ่ายเลื่องชื่อของเขาและเสียงประกอบกรุ๊งกริ๊งเบาเข้าเหตุการณ์ แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ท้าทายนักในแง่การสร้างภาพยนตร์แต่ถ้ามือไม่ถึงจริงไปแอบยืนอ่านหนังสือรวมภาพฟรีที่คิโนะคุนิยะก็อาจจะสนุกกว่า
หนังน่าติดตาม เพลิดเพลินไปกับการลงพื้นที่ยิ่งกว่าฐาปนีย์ของปู่เซบาสชาวที่เป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญสุดร้าวรานหลายครั้ง ยังข้องใจนางห้อยพระอะไรถึงรอดมา? และยังไม่ทิ้งลายแม้วัยจะล่วงเลยเจ็ดสิบ อยากให้ช่างภาพรุ่นใหม่ได้ดู น่าจะเกิดแรงบันดาลใจมากมาย ส่วนเราคนดูธรรมดาถ่ายรูปกล้องหน้ายังเบลอ ก็ปลื้มปริ่มกับความสามารถของปู่และความมุ่งมั่นในการพลิกฟื้นพื้นพิภพให้เป็นมรดกล้ำค่าสืบเนื่องไปเหมือนชื่อหนัง (ที่เพิ่งรู้ว่าไม่ได้เกี่ยวไรกับนาเกลือ) ดูแล้วอยากออกเดินทางสำรวจความอัศจรรย์ของโลกซะวันนี้เลย
---
แนะนำหนักมากให้คนรักหนังสารคดีหรืองานศิลป์โดยเฉพาะการถ่ายภาพ โอกาสรับชมหนังเรื่องนี้บนจอใหญ่มีอีกหนึ่งรอบ วันจันทร์ที่ 28 ก.ย. (พรุ่งนี้!) 1 ทุ่ม Quartier CineArt ตั๋วถูกกว่าปกตินะสำหรับโรงไฮโซว์ 150-200 เอง ดี๊ย์ดี (sold out ยังไม่รู้ เช็คก่อนชม)
ขอบคุณ Elle Men มาก ๆ ที่เลือกหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาสารคดียอดเยี่ยมปี 2014 เรื่องนี้มาฉายในงาน Elle Men Film Festival
หนังน่าสนใจในงานอีกสองเรื่องคือ White God และ the Tribe เราจะรีวิวไว้ในเพจ https://www.facebook.com/jijabanang ในเวลาต่อไปจ้ะ
แถม! รีวิวหนังสำรวจธรรมชาติชนโรง Everest -> https://goo.gl/MWsvLa
---
แปะภาพตัวอย่างของเซบาสชาวไว้เป้นน้ำจิ้ม ความยิ่งใหญ่ของรูปที่หาได้จากกูเกิ้ลความละเอียดไม่มากอาจเทียบไม่ได้กับที่เห็นบนจอหนัง แต่ก็ยังสวยอยู่