ใครๆก็ว่า "เชียงใหม่"...เมืองปราบเซียน (ทำธุรกิจยาก หางานยาก อยู่ยาก) จริงหรือ????

....กระทู้นี้ตั้งขึ้นสืบเนื่องมาจากหลายๆกระทู้ที่ตั้งคำถามถึงเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศไทย ที่ใครหวังไปกวาดเงินไปก็ล้มไม่เป็นท่า คิดไปทำธุรกิจ แต่กลับเจ๊งบ๊งไปตามๆกัน คิดไปทำงาน(เพราะเห็นเป็นเมืองท่องเที่ยว) ก็ต้องอกหัก เพราะแทบไม่มีการตอบรับจากนายจ้าง หรือโบกมือบ๊ายบาย เพราะเงินเดือนน้อย แต่ค่าครองชีพเกือบจะพอๆกับเมืองกรุง หรือแม้กระทั่งขนส่งมวลชนที่อยากกระโดดถีบขาคู่มันเสียจริงๆT^T
จขกท.เป็นสาวเจียงใหม่ขนานแท้ ที่ทั้งเกิด เรียน อยู่ และทำงาน ณ ที่นี่ เลยอยากเอาประสบการณ์และความเป็นจริงของเมืองนี้มาเล่าสู่กันฟัง

     ปล. กระทู้นี้มิได้ตั้งเพื่ออวดรู้หรืออย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และหากมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมอย่างไรเชิญคอมเม้นท์ได้ตามสบายใจเอิงเอย

     มาเริ่มกันเลยเนอะ^^
     จากประเด็นแรก "เชียงใหม่เมืองปราบเซียน...ทำธุรกิจอะไรก็เจ๊ง"
     อันนี้ขอบอกว่าไม่จริงค๊าาาา การทำธุรกิจที่นี่จะรอดและรุ่งได้ ถ้าคุณวิเคราะห์การตลาดก่อน ว่าคนที่นี่มีอะไรไม่มีอะไร กำลังซื้อเท่าไหร่ ขายอะไร เขาต้องการอะไร วิถีชีวิตเป็นอย่างไร บลาๆๆๆ ธุรกิจก็จะรอดและรุ่งได้ไม่ยาก แต่ที่เจ๊งๆกันไปเพราะวัดกันแค่...อุปทาน's (Gu) อยากเปิดไรก็เปิด อยากขายไรขาย ตั้งราคาไม่สนสังคม แล้วมันจะรอดได้ไง ร้านชิคๆ ราคาแพง ก็มีแต่พวกสโลว์ไลฟ์ และนิสิตนักเรียนเข้า ซึ่งกำลังซื้อต่ำ ส่วนคนทำงานก็ไม่ค่อยซื้อเพราะเสียดายเงินที่จ่ายไป ให้เขาเข้าสตาร์บั๊คเหรอ ฝันไปเถอะ เขาเลือกซื้อกาแฟข้างทางแก้ว30บาทกันค่ะ ดังนั้น ธุรกิจเปิดไปตามใจGuเลยต้องทะยอยปิดตัวกันไปตามๆกัน อย่าว่าแต่ธุรกิจเล็กถึงกลางเลย ธุรกิจห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆที่มาเปิดพร้อมกัน หนึ่งในนั้นแทบไปไม่รอด

     ประเด็นที่สอง "เชียงใหม่หางานยากเฟร่ออออ" อันนี้จากหัวจิตหัวใจบอกไปเลยว่า จริงที่สุด!!!!!
     ไม่ว่าจะทั้งเจ้าถิ่น คนเหนือ หรือ คนที่อยู่เมืองกรุงแล้วอยากหลีกหนีความว้าวุ่นมานั่งชมแม่คนิ้งบอกเลยว่าเลิกคิดเถอะค่ะ (อากาศเชียงใหม่ตอนนี้เหมือนกทม.เป๊ะ) สำหรับการหางานที่นี่เป็นอะไรที่อยากร้องไห้ที่สุด ตอนจขกท.เรียนจบมาใหม่ๆ คือมั่นใจในตัวเองสุดฤทธิ์ เรื่องโปรไฟล์ และความสามารถรอบด้านของตัวเองที่เชื่อว่า...เขาต้องเลือกเราเข้าทำงาน!!! พับผ่า สมัครงานไปหกเจ็ดสิบที่ ทั้ง walk in ทั้ง E-mail ตอบรับให้เข้าสัมภาษณ์3ที่ T^T แถมไม่รับเข้าทำงานอีก ตอนนั้นเลยคิดตัดใจ ลงไปสมัครสัมภาษณ์งานเมืองกรุง ส่ง10ที่ ตอบรับสัมภาษณ์9 และรับเข้าทำงาน9ที่ ให้เงินเดือนที่น่าพอใจ แต่ จขกท.อยากลั๊นลาที่เชียงใหม่ ประจวบเหมาะกับตอนนั้น ลูกพี่ลูกน้องให้ไปทำงานกับเขา เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่เชียงใหม่ แต่เป็นสายงานที่ไม่ได้ชอบแม้แต่น้อย แต่ก็เอาวะ ทำไปก่อน เงินเดือน9000 (ใจจะขาดค่ะ) แต่ยังมีค่าคอมซึ่งส่วนมากก็ได้มากกว่าเงินเดือนก็โอเคค่ะ(ซึ่งก็ลาอกมาแสนนานแล้ว) แต่ในเรทเงินเดือนเท่านี้หาไม่ได้ในเชียงใหม่นะคะ ส่วนมากจะอยู่ที่9000-10000 ไม่มีบวกค่าอะไรทั้งสิ้นแถมหักด้วยนะเออ ถ้าอยากได้มากกว่านั้นคือต้องได้ทั้งคอมพ์ ภาษาได้มากกว่าสอง หรือผ่านโลกมาล้านปี ซึ่งถ้าเปรียบเทียบเรทเงินเดือนของกรุงเทพ แทบเรียกได้ว่าน้อยกว่าครึ่ง แถมคนบ้านไกลยังต้องมีค่าหอพัก ค่าเดินทางบลาๆๆๆ ก็เลยเรียกว่าอยู่ยากค่ะ คอนเฟิร์มTT^TT

     ประเด็นสุดท้าย "เดินทางลำบากจริงอะไรจริง" ข้อนี้ไม่เถียงเลยแม้แต่น้อยค่ะ
     การคมนาคมของที่นี่อยากสาปแช่งมากค่ะ ลำบากทั้งคนอยู่ และนักท่องเที่ยว การเดินทางในตัวเมืองก็จะใช้รถสาธารณะที่เรียกว่า "รถแดง" ซึ่งส่วนใหญ่ขับกวนโอ้ย แถมค่าโดยสารเรียกเก็บตามใจ วันไหนฝนตกจากค่าโดยสาร20-30บาท ถูกอัพเป็น70-80บาท หากใครว่าแท็กซี่เรียกยาก ลองมาโบกรถแดงดูมั้ยคะ คุณจะเลิกอารมณ์เสียกับแท๊กซี่กรุงเทพเลยล่ะ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงใช้รถส่วนตัวด้วยเหตุที่ว่าสะดวกกว่า พอทุกคนสะดวก คนละคันๆๆๆเชียงใหม่ในชั่วโมงเร่งด่วนจึงเปรียบได้กับลาดพร้าวตอน5โมงเย็น (เห็นภาพขึ้นมั้ยคะ หึหึ) หากเดินทางในตัวเมืองจึงเลือกขี่มอเตอร์ไซด์กันค่ะ ประหยัดเวลาอีกเยอะ

     สำหรับคนที่ยังมองเชียงใหม่โลกสวย ตอนนี้คิดดใหม่นะคะ แต่ไม่ใช่ว่าเลิกมาเที่ยวนะเออ เพราะที่พูดถึงเนี่ยก็แค่บางพื้นที่อย่างในตัวเมืองและชาลเมือง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยว ยังน่าเที่ยวเช่นเดิมค่ะ^^ แต่สภาพอากาศร้อนขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าอยากหนีร้องทั้งปีก็ขึ้นดอยไปเลยค่ะ อินทนนท์หนาวทั้งปี ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ และหวังว่าจะมองเชียงใหม่อีกมุมนะคะ^^ (แท๊กผิดขออภัย)


กราบ >/\<
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่