สวัสดีค่ะ เพิ่งเริ่มเขียนเป็นกระทู้แรกผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีโอกาสไปเที่ยว จ.น่าน รู้สึกหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือน เมื่อปลายปี 56 แล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนมาเที่ยวมากนัก รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของแต่ละอำเภอไม่มาก และยังไม่มีเที่ยวบินลงที่น่าน จึงนั่งเครื่องบินมาลงที่พิษณุโลก และเช่ารถขับมาน่าน เที่ยวขุนสถาน นอนกางเต๊นท์ดอยเสมอดาว 1 คืน และไหว้พระ กินเที่ยว นอนในเมืองอีก 1 คืน จากนั้นก็ลงไปเที่ยวแพร่ แวะเยี่ยมน้องสาว นอน 1 คืน แล้วกลับไปขึ้นเครื่องที่พิษณุโลกกลับกรุงเทพ จากวันนั้นก็ตั้งใจจะกลับมา เที่ยวน่านอีก
วันที่ 3-5 กันยายน 2558 เราก็ได้กลับมาเที่ยวน่านอีกครั้ง ด้วยโปรโมชั่นแอร์เอเชีย ฉลอง 3 เส้นทางใหม่ เลย ร้อยเอ็ด และน่าน เริ่มต้นเที่ยวละ 333 บาท เปิดจองช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขาไปโชคดีที่ได้นั่งลำที่เพ้นท์ลายเรือสุพรรณหงส์ ซึ่งเป็นแคมเปญรับปีท่องเที่ยววิถีไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สวยแปลกตาดี ภายในห้องโดยสารมีสื่อโฆษณารูปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด และแน่นอน “น่าน” คือ 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาดด้วย
การเดินทางมาน่านค่อนข้างจะสะดวกสบาย มีให้เลือกทั้งรถทัวร์ และเครื่องบิน
เดินทางโดยเครื่องบิน>>
-สายการบินนกแอร์ บริการ 4 เที่ยวบินต่อวัน ดอนเมือง - น่าน / น่าน - ดอนเมือง
-สายการบินแอร์เอเชีย บริการ 2 เที่ยวบินต่อวัน ดอนเมือง - น่าน / น่าน -ดอนเมือง
-สายการบินกานต์แอร์ บินจากเชียงใหม่ - น่าน / น่าน – เชียงใหม่
เดินทางโดยรถทัวร์>> เท่าที่ทราบ มี นครชัยแอร์, สมบัติทัวร์, บขส.999 (ยังไม่เคยใช้บริการ รอบหน้าอาจได้ใช้บริการ)
เดินทางโดยรถไฟ>> ลง เด่นชัย จ.เเพร่ แล้วต่อรถมาน่าน
เราเดินทางเที่ยวแรกของแอร์เอเชีย 10.25 น.ถึงน่านประมาณ 11.30 น. คนไม่ชอบเร่งรีบอาจจะชอบไม่ต้องตื่นเช้ามาก ส่วนคนที่ต้องไปเที่ยวต่างอำเภอไกล ๆ ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือโดยสารรถสาธารณะ หรือมีเวลาน้อย อาจจะสายไปหน่อย รถทัวร์อาจจะเป็นอีกทางเลือก
เราเช่ารถขับเองที่สนามบินของ Avis สะดวกอิสระดี อยากเที่ยวแบบสบาย ๆ ซื้อ Voucher รถเช่าใน งานท่องเที่ยว ของ ททท. ก็ประหยัดไปได้เยอะค่ะ Avis น่าจะเป็นบริษัทรถเช่าชั้นนำรายเดียวในสนามบินน่านนคร (ปกติใช้บริการบริษัท Budget ) เราจองรถเครื่อง 1.5 ได้เป็น Vios รถใหม่ใช้ได้เลย แต่มีรอยนิดหน่อยรอบตัวรถน่าจะผ่านประสบการณ์มาพอควร เราเลือกเช่าแบบรวมประกันภัยชั้น 1 แบบไม่มีความรับผิดชอบ จะได้เที่ยวอย่างสบายใจหายห่วง
นอกจากนี้ ยังมีรถเช่าของท้องถิ่น มีทั้งแบบเช่าขับเอง และเช่าพร้อมคนขับ มีเคาท์เตอร์อยู่ใกล้ ๆ กัน เรียงกันหลายเจ้าเลย ถ้าขับรถไม่เป็น ไม่ชอบขับเอง ใช้บริการคนน่านได้นะคะ ไปกับคนน่านใจดี ไม่มีใครรู้เรื่องน่านดีเท่าคนน่านค่ะ หากจะเข้าเมืองอาจมีรถโดยสารมาส่งผู้โดยสารขาออกผ่านมา (40-60 บาท)หรือจะใช้บริการ TAXI (100บาท) ราคาไม่เเพง เพราะสนามบินกับใจกลางเมืองใกล้กันมาก นั่งรถ 5-10 นาทีเอง โหลดจักรยานมาด้วยปั่นเที่ยวในเมืองสบาย ๆ เลย หรือจะใช้บริการ TAXI ส่งที่ต่าง ๆ ไปส่งต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ถ้ามากัน 2-3 คนเฉลี่ยกันไม่แพงเลย สะดวก รวดเร็ว อีกหนึ่งทางเลือกค่ะ
อัตราค่าบริการข้างล่างนี้
DAY 1 ร้านฝ้ายชาวเขา, น้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณี, หอศิลป์ริมน่าน,โฮมสเตย์ตานงค์
หลังจากที่เรารับรถออกมาจากสนามบินแล้ว ก็ขับเข้ามาในเมืองมาเลือกซื้อเสื้อผ้าพื้นเมืองเพื่อจะใส่ในวันพรุ่งนี้ ช่วยกระจายรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจสักหน่อย และแวะทานอาหารกลางวันที่
ร้านน้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณี อาหารหน้าตาดังรูปอร่อยทุกอย่างค่ะ ที่สำคัญราคาถูก 30-40 บาท ลองแวะมาชิมดูนะคะ มีแหนมขายด้วยค่อยข้างมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ราคาไม่แพง ซื้อกลับมาทานที่ กทม. อร่อยดี เป็นรสชาติที่ชอบค่ะ
พิกัด จากสนามบินเข้ามาในเมืองผ่านสี่แยกวัดสวนตาล ขับตรงไปนิดหน่อยเจอร้านทางขวามือ อยู่เยื้องกับ ปั๊มน้ำมันค่ะ ป้ายร้านโดดเด่นสังเกตง่าย
น้ำเงี้ยว ข้าวซอยเเม่สุณี
จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปตามเส้นทางวังท่าผา (เส้นทางย้อนกลับไปผ่านหน้าสนามบิน) เพื่อเดินทางไปยังอำเภอปัว ซึ่งเป็นที่พักผ่อนนอนหลับในคืนนี้ เส้นทางนี้ผ่านหอศิลป์ริมน่านค่ะ ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 20 กม. เราก็ถึงหอศิลป์ริมน่าน จอดรถเรียบร้อยฝนก็เทลงมา หน้าฝนก็ต้องมีฝนเป็นธรรมดาค่ะ เย็นสบายดี ชมหอศิลป์ให้ฝนซาแล้วค่อยไปต่อ
“
หอศิลป์ริมน่าน” ก่อตั้งโดย อ.วินัย ปราบริบู ศิลปินชื่อดังชาวน่าน ภายในหอศิลป์จัดแสดงงานศิลปะ ภาพวาด งานปั้น งานไม้ งานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินรุ่นอาวุโสจนถึงรุ่นเยาว์
บริเวณชั้น 2 ยังจัดแสดงภาพลายเส้นฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
หอศิลป์ริมน่านตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติริมเเม่น้ำน่านโอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้ผู้มาเยี่ยมชมเสพศิลปะได้ความรู้สึกสบายใจและพักผ่อนไปด้วย
ลูกมะค่าหล่นจากต้นพี่สาวเก็บมาเรียงเป็นคำว่า น่าน ใช้เป็นภาพเปิด เก๋ดีค่ะ

อิจฉาเจ้าเเมวน้อย
ค่าเข้าชมหอศิลป์ 20 บาทต่อท่านเท่านั้น เพื่อใช้ให้การบำรุงสถานที่ ได้โปสการ์ดกลับมาเป็นที่ระลึกด้วย ถึงแม้เราจะไม่ได้ถนัดและเข้าใจในงานศิลป์นัก แต่ก็รู้สึกคุ้มค่ามากที่ได้มาชมงานศิลปะที่นี่ มีเวลาสัก 1-2 ชั่วโมง ก็แวะมาชมกันนะคะ ด้านหลังมีร้านกาแฟเล็ก ๆ รสชาติใช้ได้เลย เติมพลังก่อนเดินทางต่อไปยังปัว
กว่าเราจะออกจากหอศิลป์ก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว ฝนยังคงตกเบา ๆ เราขับรถช้า ๆ เพราะถนนลื่นและบางช่วงถนนหนทางชำรุดกำลังซ่อมแซม ระหว่างทางเราผ่านทางเข้าวัดหนองบัว แต่ไม่ได้แวะเพราะทัศนวิสัยฟ้าฝนไม่ค่อยอำนวย ถ้าใครมีโอกาสมาเส้นทางนี้แวะชมกันนะคะ มีจิตรกรรมฝาผนังสกุลช่างเมืองน่านเช่นเดียวกับวัดภูมินทร์ เรามุ่งหน้าไปยังที่พักในคืนนี้ จากตัวเมืองน่านถึงอำเภอปัวประมาณ 60-70 กม. ใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วค่ะ แต่เราขับช้าไม่รีบ เจอวิวสวยข้างทางก็แวะถ่ายภาพ กว่าจะถึงก็ เกือบห้าโมงเย็นแล้ว
ขออนุญาตแปะรูปแผนที่ อำเภอปัว จากเพจ ที่นี่เมืองปัว
https://www.facebook.com/pua108
www.pua108.com
เรามุ่งหน้าไปยังปัวสู่ที่พักคืนนี้กันค่ะ ขับตรงไปเรื่อย ๆ เลยแยกเมืองปัวผ่าน ธ.กสิกร ซึ่งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่พลาดที่เราจะถ่ายภาพไว้
ขับตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านสะพานแม่น้ำขว้าง ตรงไปเรื่อย ๆ ให้สังเกตแยกขวามือ มีศาลาพักผู้โดยสาร และป้ายบอกทาง โรงเรียนบ้านส้าน เลี้ยวขวาเข้าไปตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านตลาดผ่านโรงเรียน จากนี้เราก็งง โทรหาทางที่พัก
โฮมสเตย์ตานงค์ ซึ่งเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ คุณป้าเจ้าของที่พักมาตลาดแถวนั้นพอดีขี่มอเตอร์ไซด์พาเราไปยังที่พัก ซับซ้อนเหมือนกันไปเองคงหลง ทางเข้าเป็นทางเล็ก ๆ พอดีรถ 1 คัน สองข้างทางเข้าไปยังโฮมสเตย์เป็นทุ่งนา เราจองบ้านเดี่ยวหลังใหม่ไว้ห้องกว้างมาก ห้องน้ำก็ใหญ่ดี หน้าบ้านมีชานและโต๊ะเล็ก ๆ ไว้นั่งทานอาหาร มีที่ล้างจานให้ด้วย ถ้ามาเป็นครอบครัวห้องนี้เหมาะมากค่ะ
ฝนยังตกปรอย ๆ เราเดินออกไปสำรวจบ้านพัก 3 ชั้น และเดินไปชมทุ่งนาใกล้ ๆ บรรยากาศดีมากแม้ฝนปรอย โฮมสเตย์กลางทุ่งนาเขียวโอบล้อมไปด้วยภูเขา ราคาหลักร้อย คุ้มค่ามาก ช่วงที่ไปราคาห้องพัก 500บาท/ห้อง/2คน ทุกห้อง ไม่รวมค่าอาหาร ห้องพักมีทั้งหมด 5 ห้อง บ้านเดี่ยว 2 ห้อง เก่าและใหม่ บ้านตึก 3 ชั้น มี 3 ห้อง ช่วง High Season ราคาจะปรับขึ้นบ้างนะคะ
โฮมสเตย์ตานงค์
เราไม่อยากขับรถออกไปซื้อข้าวเย็นข้างนอกอีก จึงสั่งอาหารของที่พัก เราไม่ได้แจ้งก่อนล่วงหน้า อาหารเลยไม่ได้จัดเต็มเท่าไหร่ อาหารเย็นคิดคนละ 100 บาท อาหารเช้าเป็นข้าวต้มไข่ดาวคิดคนละ 40 บาท
DAY 2 วัดภูเก็ต, ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ, ลำดวนผ้าทอและร้านกาแฟไทลื้อ, วัดพระธาตุเขาน้อย, ร้านอาหารเฮือนฮอม, ร้านขนมหวานป้านิ่ม, โรงแรมน่านลานนา
ฝนตกหนักทั้งคืนจนถึงเช้า เรารอจนฝนเริ่มซาจึงเช็คเอาท์ออกจากที่พักเกือบ 9 โมง ฝนตกหนักทั้งคืนทำให้น้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นและไหลเร็ว แม้ฝนจะตกหนักตลอดคืนนาข้าวที่นี่น้ำไม่ท่วมเลยเพราะมีระบบจัดการน้ำที่ดี มีคูเล็ก ๆ ข้างคันนาระบายและผันน้ำเข้าสู่คลอง และลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ บ้านเกิดเราก็ทำนาไม่มีระบบน้ำที่ดีแบบนี้
ออกจากที่พักเราก็ขับกลับตามเส้นทางเดิม ผ่าน ธ.กสิกร (สังเกตง่ายที่สุด) ถึงแยกเลี้ยวซ้ายผ่านโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว (เส้นทางนี้ ผ่านวัดภูเก็ต, ลำดวนผ้าทอกาแฟไทลื้อ และฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ) ขับตรงไปเรื่อย ๆ เจอแยกมีป้ายบอกทาง ไป วัดภูเก็ต ขับไปตามป้ายก็ถึงตัววัด เนื่องจากวัดภูเก็ตสร้างบนเนินเขา ไฮไลท์ของที่นี้คงเป็นจุดชมวิว 180 องศา มองเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา ฉากหลังเป็นภูเขาทอดยาว สวยงามมาก ๆ วิวจุดนี้ใครถ่ายภาพก็สวยได้เหมือนกัน
จากระเบียงวัดภูเก็ต กลางทุ่งนาเราจะมองเห็นหลังคาวัด ซึ่งเรามาทราบภายหลังว่า เป็นวิหารล้านนาของ “ วัด

” มีชุมชนเล็ก ๆ อยู่รอบวัด ทำให้ทัศนียภาพจุดนี้สวยงามสมบูรณ์มากขึ้น
ฝนยังคงตกเบา ๆ ฉากภูเขาด้านหลังจึงปกคลุมไปด้วยหมอกได้ภาพสวย ๆ เยอะเลย
[CR] <เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า> "กระซิบรักหน้าฝน มนต์เสน่ห์... น่ า น น ค ร "
สวัสดีค่ะ เพิ่งเริ่มเขียนเป็นกระทู้แรกผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีโอกาสไปเที่ยว จ.น่าน รู้สึกหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือน เมื่อปลายปี 56 แล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนมาเที่ยวมากนัก รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของแต่ละอำเภอไม่มาก และยังไม่มีเที่ยวบินลงที่น่าน จึงนั่งเครื่องบินมาลงที่พิษณุโลก และเช่ารถขับมาน่าน เที่ยวขุนสถาน นอนกางเต๊นท์ดอยเสมอดาว 1 คืน และไหว้พระ กินเที่ยว นอนในเมืองอีก 1 คืน จากนั้นก็ลงไปเที่ยวแพร่ แวะเยี่ยมน้องสาว นอน 1 คืน แล้วกลับไปขึ้นเครื่องที่พิษณุโลกกลับกรุงเทพ จากวันนั้นก็ตั้งใจจะกลับมา เที่ยวน่านอีก
วันที่ 3-5 กันยายน 2558 เราก็ได้กลับมาเที่ยวน่านอีกครั้ง ด้วยโปรโมชั่นแอร์เอเชีย ฉลอง 3 เส้นทางใหม่ เลย ร้อยเอ็ด และน่าน เริ่มต้นเที่ยวละ 333 บาท เปิดจองช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขาไปโชคดีที่ได้นั่งลำที่เพ้นท์ลายเรือสุพรรณหงส์ ซึ่งเป็นแคมเปญรับปีท่องเที่ยววิถีไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สวยแปลกตาดี ภายในห้องโดยสารมีสื่อโฆษณารูปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด และแน่นอน “น่าน” คือ 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาดด้วย
การเดินทางมาน่านค่อนข้างจะสะดวกสบาย มีให้เลือกทั้งรถทัวร์ และเครื่องบิน
เดินทางโดยเครื่องบิน>>
-สายการบินนกแอร์ บริการ 4 เที่ยวบินต่อวัน ดอนเมือง - น่าน / น่าน - ดอนเมือง
-สายการบินแอร์เอเชีย บริการ 2 เที่ยวบินต่อวัน ดอนเมือง - น่าน / น่าน -ดอนเมือง
-สายการบินกานต์แอร์ บินจากเชียงใหม่ - น่าน / น่าน – เชียงใหม่
เดินทางโดยรถทัวร์>> เท่าที่ทราบ มี นครชัยแอร์, สมบัติทัวร์, บขส.999 (ยังไม่เคยใช้บริการ รอบหน้าอาจได้ใช้บริการ)
เดินทางโดยรถไฟ>> ลง เด่นชัย จ.เเพร่ แล้วต่อรถมาน่าน
เราเดินทางเที่ยวแรกของแอร์เอเชีย 10.25 น.ถึงน่านประมาณ 11.30 น. คนไม่ชอบเร่งรีบอาจจะชอบไม่ต้องตื่นเช้ามาก ส่วนคนที่ต้องไปเที่ยวต่างอำเภอไกล ๆ ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือโดยสารรถสาธารณะ หรือมีเวลาน้อย อาจจะสายไปหน่อย รถทัวร์อาจจะเป็นอีกทางเลือก
เราเช่ารถขับเองที่สนามบินของ Avis สะดวกอิสระดี อยากเที่ยวแบบสบาย ๆ ซื้อ Voucher รถเช่าใน งานท่องเที่ยว ของ ททท. ก็ประหยัดไปได้เยอะค่ะ Avis น่าจะเป็นบริษัทรถเช่าชั้นนำรายเดียวในสนามบินน่านนคร (ปกติใช้บริการบริษัท Budget ) เราจองรถเครื่อง 1.5 ได้เป็น Vios รถใหม่ใช้ได้เลย แต่มีรอยนิดหน่อยรอบตัวรถน่าจะผ่านประสบการณ์มาพอควร เราเลือกเช่าแบบรวมประกันภัยชั้น 1 แบบไม่มีความรับผิดชอบ จะได้เที่ยวอย่างสบายใจหายห่วง
นอกจากนี้ ยังมีรถเช่าของท้องถิ่น มีทั้งแบบเช่าขับเอง และเช่าพร้อมคนขับ มีเคาท์เตอร์อยู่ใกล้ ๆ กัน เรียงกันหลายเจ้าเลย ถ้าขับรถไม่เป็น ไม่ชอบขับเอง ใช้บริการคนน่านได้นะคะ ไปกับคนน่านใจดี ไม่มีใครรู้เรื่องน่านดีเท่าคนน่านค่ะ หากจะเข้าเมืองอาจมีรถโดยสารมาส่งผู้โดยสารขาออกผ่านมา (40-60 บาท)หรือจะใช้บริการ TAXI (100บาท) ราคาไม่เเพง เพราะสนามบินกับใจกลางเมืองใกล้กันมาก นั่งรถ 5-10 นาทีเอง โหลดจักรยานมาด้วยปั่นเที่ยวในเมืองสบาย ๆ เลย หรือจะใช้บริการ TAXI ส่งที่ต่าง ๆ ไปส่งต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ถ้ามากัน 2-3 คนเฉลี่ยกันไม่แพงเลย สะดวก รวดเร็ว อีกหนึ่งทางเลือกค่ะ
อัตราค่าบริการข้างล่างนี้
DAY 1 ร้านฝ้ายชาวเขา, น้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณี, หอศิลป์ริมน่าน,โฮมสเตย์ตานงค์
หลังจากที่เรารับรถออกมาจากสนามบินแล้ว ก็ขับเข้ามาในเมืองมาเลือกซื้อเสื้อผ้าพื้นเมืองเพื่อจะใส่ในวันพรุ่งนี้ ช่วยกระจายรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจสักหน่อย และแวะทานอาหารกลางวันที่ ร้านน้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณี อาหารหน้าตาดังรูปอร่อยทุกอย่างค่ะ ที่สำคัญราคาถูก 30-40 บาท ลองแวะมาชิมดูนะคะ มีแหนมขายด้วยค่อยข้างมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ราคาไม่แพง ซื้อกลับมาทานที่ กทม. อร่อยดี เป็นรสชาติที่ชอบค่ะ
พิกัด จากสนามบินเข้ามาในเมืองผ่านสี่แยกวัดสวนตาล ขับตรงไปนิดหน่อยเจอร้านทางขวามือ อยู่เยื้องกับ ปั๊มน้ำมันค่ะ ป้ายร้านโดดเด่นสังเกตง่าย
จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปตามเส้นทางวังท่าผา (เส้นทางย้อนกลับไปผ่านหน้าสนามบิน) เพื่อเดินทางไปยังอำเภอปัว ซึ่งเป็นที่พักผ่อนนอนหลับในคืนนี้ เส้นทางนี้ผ่านหอศิลป์ริมน่านค่ะ ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 20 กม. เราก็ถึงหอศิลป์ริมน่าน จอดรถเรียบร้อยฝนก็เทลงมา หน้าฝนก็ต้องมีฝนเป็นธรรมดาค่ะ เย็นสบายดี ชมหอศิลป์ให้ฝนซาแล้วค่อยไปต่อ
“หอศิลป์ริมน่าน” ก่อตั้งโดย อ.วินัย ปราบริบู ศิลปินชื่อดังชาวน่าน ภายในหอศิลป์จัดแสดงงานศิลปะ ภาพวาด งานปั้น งานไม้ งานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินรุ่นอาวุโสจนถึงรุ่นเยาว์
บริเวณชั้น 2 ยังจัดแสดงภาพลายเส้นฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
หอศิลป์ริมน่านตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติริมเเม่น้ำน่านโอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้ผู้มาเยี่ยมชมเสพศิลปะได้ความรู้สึกสบายใจและพักผ่อนไปด้วย
ลูกมะค่าหล่นจากต้นพี่สาวเก็บมาเรียงเป็นคำว่า น่าน ใช้เป็นภาพเปิด เก๋ดีค่ะ
อิจฉาเจ้าเเมวน้อย
ค่าเข้าชมหอศิลป์ 20 บาทต่อท่านเท่านั้น เพื่อใช้ให้การบำรุงสถานที่ ได้โปสการ์ดกลับมาเป็นที่ระลึกด้วย ถึงแม้เราจะไม่ได้ถนัดและเข้าใจในงานศิลป์นัก แต่ก็รู้สึกคุ้มค่ามากที่ได้มาชมงานศิลปะที่นี่ มีเวลาสัก 1-2 ชั่วโมง ก็แวะมาชมกันนะคะ ด้านหลังมีร้านกาแฟเล็ก ๆ รสชาติใช้ได้เลย เติมพลังก่อนเดินทางต่อไปยังปัว
กว่าเราจะออกจากหอศิลป์ก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว ฝนยังคงตกเบา ๆ เราขับรถช้า ๆ เพราะถนนลื่นและบางช่วงถนนหนทางชำรุดกำลังซ่อมแซม ระหว่างทางเราผ่านทางเข้าวัดหนองบัว แต่ไม่ได้แวะเพราะทัศนวิสัยฟ้าฝนไม่ค่อยอำนวย ถ้าใครมีโอกาสมาเส้นทางนี้แวะชมกันนะคะ มีจิตรกรรมฝาผนังสกุลช่างเมืองน่านเช่นเดียวกับวัดภูมินทร์ เรามุ่งหน้าไปยังที่พักในคืนนี้ จากตัวเมืองน่านถึงอำเภอปัวประมาณ 60-70 กม. ใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วค่ะ แต่เราขับช้าไม่รีบ เจอวิวสวยข้างทางก็แวะถ่ายภาพ กว่าจะถึงก็ เกือบห้าโมงเย็นแล้ว
https://www.facebook.com/pua108
www.pua108.com
เรามุ่งหน้าไปยังปัวสู่ที่พักคืนนี้กันค่ะ ขับตรงไปเรื่อย ๆ เลยแยกเมืองปัวผ่าน ธ.กสิกร ซึ่งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่พลาดที่เราจะถ่ายภาพไว้
ขับตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านสะพานแม่น้ำขว้าง ตรงไปเรื่อย ๆ ให้สังเกตแยกขวามือ มีศาลาพักผู้โดยสาร และป้ายบอกทาง โรงเรียนบ้านส้าน เลี้ยวขวาเข้าไปตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านตลาดผ่านโรงเรียน จากนี้เราก็งง โทรหาทางที่พัก โฮมสเตย์ตานงค์ ซึ่งเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ คุณป้าเจ้าของที่พักมาตลาดแถวนั้นพอดีขี่มอเตอร์ไซด์พาเราไปยังที่พัก ซับซ้อนเหมือนกันไปเองคงหลง ทางเข้าเป็นทางเล็ก ๆ พอดีรถ 1 คัน สองข้างทางเข้าไปยังโฮมสเตย์เป็นทุ่งนา เราจองบ้านเดี่ยวหลังใหม่ไว้ห้องกว้างมาก ห้องน้ำก็ใหญ่ดี หน้าบ้านมีชานและโต๊ะเล็ก ๆ ไว้นั่งทานอาหาร มีที่ล้างจานให้ด้วย ถ้ามาเป็นครอบครัวห้องนี้เหมาะมากค่ะ
ฝนยังตกปรอย ๆ เราเดินออกไปสำรวจบ้านพัก 3 ชั้น และเดินไปชมทุ่งนาใกล้ ๆ บรรยากาศดีมากแม้ฝนปรอย โฮมสเตย์กลางทุ่งนาเขียวโอบล้อมไปด้วยภูเขา ราคาหลักร้อย คุ้มค่ามาก ช่วงที่ไปราคาห้องพัก 500บาท/ห้อง/2คน ทุกห้อง ไม่รวมค่าอาหาร ห้องพักมีทั้งหมด 5 ห้อง บ้านเดี่ยว 2 ห้อง เก่าและใหม่ บ้านตึก 3 ชั้น มี 3 ห้อง ช่วง High Season ราคาจะปรับขึ้นบ้างนะคะ
เราไม่อยากขับรถออกไปซื้อข้าวเย็นข้างนอกอีก จึงสั่งอาหารของที่พัก เราไม่ได้แจ้งก่อนล่วงหน้า อาหารเลยไม่ได้จัดเต็มเท่าไหร่ อาหารเย็นคิดคนละ 100 บาท อาหารเช้าเป็นข้าวต้มไข่ดาวคิดคนละ 40 บาท
DAY 2 วัดภูเก็ต, ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ, ลำดวนผ้าทอและร้านกาแฟไทลื้อ, วัดพระธาตุเขาน้อย, ร้านอาหารเฮือนฮอม, ร้านขนมหวานป้านิ่ม, โรงแรมน่านลานนา
ฝนตกหนักทั้งคืนจนถึงเช้า เรารอจนฝนเริ่มซาจึงเช็คเอาท์ออกจากที่พักเกือบ 9 โมง ฝนตกหนักทั้งคืนทำให้น้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นและไหลเร็ว แม้ฝนจะตกหนักตลอดคืนนาข้าวที่นี่น้ำไม่ท่วมเลยเพราะมีระบบจัดการน้ำที่ดี มีคูเล็ก ๆ ข้างคันนาระบายและผันน้ำเข้าสู่คลอง และลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ บ้านเกิดเราก็ทำนาไม่มีระบบน้ำที่ดีแบบนี้
ออกจากที่พักเราก็ขับกลับตามเส้นทางเดิม ผ่าน ธ.กสิกร (สังเกตง่ายที่สุด) ถึงแยกเลี้ยวซ้ายผ่านโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว (เส้นทางนี้ ผ่านวัดภูเก็ต, ลำดวนผ้าทอกาแฟไทลื้อ และฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ) ขับตรงไปเรื่อย ๆ เจอแยกมีป้ายบอกทาง ไป วัดภูเก็ต ขับไปตามป้ายก็ถึงตัววัด เนื่องจากวัดภูเก็ตสร้างบนเนินเขา ไฮไลท์ของที่นี้คงเป็นจุดชมวิว 180 องศา มองเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา ฉากหลังเป็นภูเขาทอดยาว สวยงามมาก ๆ วิวจุดนี้ใครถ่ายภาพก็สวยได้เหมือนกัน
จากระเบียงวัดภูเก็ต กลางทุ่งนาเราจะมองเห็นหลังคาวัด ซึ่งเรามาทราบภายหลังว่า เป็นวิหารล้านนาของ “ วัด
ฝนยังคงตกเบา ๆ ฉากภูเขาด้านหลังจึงปกคลุมไปด้วยหมอกได้ภาพสวย ๆ เยอะเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น