วันนี้อยากจะมาแนะนำรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไปพักแล้วรู้สึกประทับใจมากครับ
คือประทับใจทั้งการบริการ บ้านพัก และความใส่ใจโดยเฉพาะการออกแบบให้รองรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ต้องใช้วีลแชร์ครับ
บ้านม่อนม่วน รีสอร์ตท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา อันที่จริงได้มีโอกาสมาพักตั้งแต่ช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ
และอากาศก็ยังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปนัก
เนื่องด้วยการเดินทางในครั้งนี้มีพี่สาวที่ต้องใช้วีลแชร์ ผมจึงแจ้งกับทางบ้านม่อนม่วนไว้แต่แรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำว่า “บ้านม่อนเมฆ” ของที่นี่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ทำให้สามารถนำรถวีลแชร์ขึ้นไปทั้งบ้านชั้นบนและชั้นล่างได้เลย ผมจึงตกลงปลงใจกับบ้านหลังนี้ทันที
เริ่มจากการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้ามายังอำเภอแม่ริม แวะเที่ยววัดป่าดาราภิรมณ์กันก่อนครับ
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ของอดีตป่าช้า ติดกับสวนเจ้าสบาย ภายในเขตพระราชฐานของตำหนักดาราภิรมย์
ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันภายในมีปูชนียสถานที่สำคัญและสวยงามหลายแห่ง
เช่น มณฑปพระจุฬามณี ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุเจ้า อาคารเป็นศิลปะล้านนาผสมไทใหญ่
จากวัดป่าดาราภิรมย์ เราเดินทางต่อไปยังเส้นทางหลวงสายแม่ริม-สะเมิง ผ่านแหล่งท่องเที่ยวมากมาย
ทั้งปางช้างแม่สา น้ำตกแม่สา และสวนพฤกษศาสตร์ ก่อนที่จะเลี้ยวขวาขึ้นไปตามทางที่มุ่งสู่แม่แจ่ม
แต่ก่อนจะถึงแม่แจ่มเล็กน้อยจะเห็นป้ายบอกทางสู่ “บ้านม่อนม่วน” อันเป็นที่พักของผมคืนนี้
ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่นี่ ผมเคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ในความสวยงามของรีสอร์ทแห่งนี้
รวมถึงเคยได้ยินว่าเคยเป็นฉากในการถ่ายละครอยู่หลายเรื่องแต่เผอิญมิใช่คอละครเลยไม่ค่อยรู้ว่าหน้าตาจริงๆของที่นี่เป็นอย่างไร
ซึ่งก้าวแรกที่มาถึงก็ทำเอาตื่นเต้นในทิวทัศน์ตั้งแต่ลอบบี้ เพราะมองออกไปเห็นทิวทัศน์ของหุบเขากว้าง
ลมเย็นๆยามบ่ายพัดโชยตลอดเวลา และที่สำคัญคือมีทางลาดเพื่อเข็นรถวีลแชร์ขึ้นไปบนลอบบี้ได้อย่างสะดวก
บ้านม่อนเมฆที่ผมจองไว้ ถือได้ว่าเป็นบ้านหลังค่อนข้างใหญ่และแยกออกจากบ้านหลังอื่น
ทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ในตอนแรกผมนึกว่าแค่ไม่มีบันไดไปถึงบ้านพักก็เพียงพอแล้ว
แต่ที่ประทับใจคือที่นี่สามารถสร้างทางลาดให้เชื่อมต่อขึ้นไปทั้งชั้นบนและชั้นล่างของบ้านม่อนเมฆเลย
เพียงแค่ต้องออกแรงเยอะหน่อยตอนเข็นขึ้นชั้นบนเท่านั้น
ระเบียงของที่พักทั้งชั้นบนและชั้นล่างเปิดโล่งสู่หุบเขา มองเห็นชาวไร่กำลังขะมักเขม้นกับแปลงผักนานาชนิด
ซึ่งส่วนหนึ่งจะถูกนำมาใช้ประกอบอาหารให้กับแขกที่พักด้วย ซึ่งการมาเที่ยวที่นี่ในฤดูฝนเป็นข้อดีตรงที่อากาศที่นี่กำลังเย็นสบาย
แม้ภายในตัวเมืองเชียงใหม่จะร้อนระอุ แต่พอขึ้นมาบนเขากลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คือไม่หนาวเกินไปหรือร้อนเกินไป
บ่ายนี้ก็เลยได้แต่นั่งๆนอนๆกินบรรยากาศ ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทานอาหารมื้อเช้าที่เรียกได้ว่าจัดมาเต็ม โดยเฉพาะขนมปังที่ทางรีสอร์ตอบเองนั้นเรียกได้ว่าอร่อยมาก
พวกผมเดินทางต่อ ขึ้นไปยังม่อนแจ่ม บรรยากาศแม้จะเป็นวันหยุดเทศกาล แต่ที่ม่อนแจ่มกลับดูสงบเงียบ
ช่างต่างจากการมาในฤดูหนาวมากที่ผู้คนพลุกพล่าน แถมคนน้อยอย่างนี้สามารถนำรถยนต์ขึ้นมาจอดถึงด้านบนได้เลย
โล่งใจเพราะตอนแรกนึกว่าต้องจอดรถที่ลานจอดด้านล่างแล้วเข็นวีลแชร์ขึ้นมาตามถนนที่ชันมาก
มาถึงม่อนแจ่ม เมนูที่ติดใจตั้งแต่ครั้งก่อนคือ สโคน ขนมขึ้นชื่อของที่นี่ ไม่นึกเลยว่าจะได้ชิมขนมอร่อยๆ
กับจิบกาแฟหอมๆบนเขาบนดอยอย่างนี้ แต่มาม่อนแจ่มหน้าฝนก็มีข้อเสียนิดนึงตรงที่ดอกไม้ไม่เยอะเท่าช่วงหน้าหนาว
แต่ก็ได้บรรยากาศสบายๆไม่ต้องไปแย่งกันถ่ายรูปแย่งกันเดินเที่ยวอย่างช่วงปลายปี
จบแล้วครับสำหรับรีวิวสั้นๆในครั้งนี้
ทักทายกันได้นะครับที่
https://www.facebook.com/NaiNokHook
[CR] บ้านม่อนม่วน สวย สงบ ท่ามกลางขุนเขา
วันนี้อยากจะมาแนะนำรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไปพักแล้วรู้สึกประทับใจมากครับ
คือประทับใจทั้งการบริการ บ้านพัก และความใส่ใจโดยเฉพาะการออกแบบให้รองรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ต้องใช้วีลแชร์ครับ
บ้านม่อนม่วน รีสอร์ตท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา อันที่จริงได้มีโอกาสมาพักตั้งแต่ช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ
และอากาศก็ยังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปนัก
เนื่องด้วยการเดินทางในครั้งนี้มีพี่สาวที่ต้องใช้วีลแชร์ ผมจึงแจ้งกับทางบ้านม่อนม่วนไว้แต่แรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำว่า “บ้านม่อนเมฆ” ของที่นี่เพิ่งปรับปรุงใหม่ ทำให้สามารถนำรถวีลแชร์ขึ้นไปทั้งบ้านชั้นบนและชั้นล่างได้เลย ผมจึงตกลงปลงใจกับบ้านหลังนี้ทันที
เริ่มจากการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้ามายังอำเภอแม่ริม แวะเที่ยววัดป่าดาราภิรมณ์กันก่อนครับ
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ของอดีตป่าช้า ติดกับสวนเจ้าสบาย ภายในเขตพระราชฐานของตำหนักดาราภิรมย์
ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันภายในมีปูชนียสถานที่สำคัญและสวยงามหลายแห่ง
เช่น มณฑปพระจุฬามณี ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุเจ้า อาคารเป็นศิลปะล้านนาผสมไทใหญ่
จากวัดป่าดาราภิรมย์ เราเดินทางต่อไปยังเส้นทางหลวงสายแม่ริม-สะเมิง ผ่านแหล่งท่องเที่ยวมากมาย
ทั้งปางช้างแม่สา น้ำตกแม่สา และสวนพฤกษศาสตร์ ก่อนที่จะเลี้ยวขวาขึ้นไปตามทางที่มุ่งสู่แม่แจ่ม
แต่ก่อนจะถึงแม่แจ่มเล็กน้อยจะเห็นป้ายบอกทางสู่ “บ้านม่อนม่วน” อันเป็นที่พักของผมคืนนี้
ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่นี่ ผมเคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ในความสวยงามของรีสอร์ทแห่งนี้
รวมถึงเคยได้ยินว่าเคยเป็นฉากในการถ่ายละครอยู่หลายเรื่องแต่เผอิญมิใช่คอละครเลยไม่ค่อยรู้ว่าหน้าตาจริงๆของที่นี่เป็นอย่างไร
ซึ่งก้าวแรกที่มาถึงก็ทำเอาตื่นเต้นในทิวทัศน์ตั้งแต่ลอบบี้ เพราะมองออกไปเห็นทิวทัศน์ของหุบเขากว้าง
ลมเย็นๆยามบ่ายพัดโชยตลอดเวลา และที่สำคัญคือมีทางลาดเพื่อเข็นรถวีลแชร์ขึ้นไปบนลอบบี้ได้อย่างสะดวก
บ้านม่อนเมฆที่ผมจองไว้ ถือได้ว่าเป็นบ้านหลังค่อนข้างใหญ่และแยกออกจากบ้านหลังอื่น
ทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ในตอนแรกผมนึกว่าแค่ไม่มีบันไดไปถึงบ้านพักก็เพียงพอแล้ว
แต่ที่ประทับใจคือที่นี่สามารถสร้างทางลาดให้เชื่อมต่อขึ้นไปทั้งชั้นบนและชั้นล่างของบ้านม่อนเมฆเลย
เพียงแค่ต้องออกแรงเยอะหน่อยตอนเข็นขึ้นชั้นบนเท่านั้น
ระเบียงของที่พักทั้งชั้นบนและชั้นล่างเปิดโล่งสู่หุบเขา มองเห็นชาวไร่กำลังขะมักเขม้นกับแปลงผักนานาชนิด
ซึ่งส่วนหนึ่งจะถูกนำมาใช้ประกอบอาหารให้กับแขกที่พักด้วย ซึ่งการมาเที่ยวที่นี่ในฤดูฝนเป็นข้อดีตรงที่อากาศที่นี่กำลังเย็นสบาย
แม้ภายในตัวเมืองเชียงใหม่จะร้อนระอุ แต่พอขึ้นมาบนเขากลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง คือไม่หนาวเกินไปหรือร้อนเกินไป
บ่ายนี้ก็เลยได้แต่นั่งๆนอนๆกินบรรยากาศ ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทานอาหารมื้อเช้าที่เรียกได้ว่าจัดมาเต็ม โดยเฉพาะขนมปังที่ทางรีสอร์ตอบเองนั้นเรียกได้ว่าอร่อยมาก
พวกผมเดินทางต่อ ขึ้นไปยังม่อนแจ่ม บรรยากาศแม้จะเป็นวันหยุดเทศกาล แต่ที่ม่อนแจ่มกลับดูสงบเงียบ
ช่างต่างจากการมาในฤดูหนาวมากที่ผู้คนพลุกพล่าน แถมคนน้อยอย่างนี้สามารถนำรถยนต์ขึ้นมาจอดถึงด้านบนได้เลย
โล่งใจเพราะตอนแรกนึกว่าต้องจอดรถที่ลานจอดด้านล่างแล้วเข็นวีลแชร์ขึ้นมาตามถนนที่ชันมาก
มาถึงม่อนแจ่ม เมนูที่ติดใจตั้งแต่ครั้งก่อนคือ สโคน ขนมขึ้นชื่อของที่นี่ ไม่นึกเลยว่าจะได้ชิมขนมอร่อยๆ
กับจิบกาแฟหอมๆบนเขาบนดอยอย่างนี้ แต่มาม่อนแจ่มหน้าฝนก็มีข้อเสียนิดนึงตรงที่ดอกไม้ไม่เยอะเท่าช่วงหน้าหนาว
แต่ก็ได้บรรยากาศสบายๆไม่ต้องไปแย่งกันถ่ายรูปแย่งกันเดินเที่ยวอย่างช่วงปลายปี
จบแล้วครับสำหรับรีวิวสั้นๆในครั้งนี้
ทักทายกันได้นะครับที่ https://www.facebook.com/NaiNokHook
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น