การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนอย่างอื่นในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนักลงทุนด้วย มีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีชื่อเสียงในสังคมนักลงทุนมากมายและก็นักลงทุนอีกจำนวนมากที่ขาดทุนและเจ๊งจนต้องออกจากตลาดไป
ตลาดหุ้นจึงเป็นสถานที่มีความเสี่ยงสูงมากแต่ผลตอบแทนอาจจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับความสามารถของนักลงทุนเอง ไม่ใช่ High Risk High Return แบบในตำรา แต่เป็น High Risk, High Return or Low Return or Not Return
แต่ก็มีนักลงทุนอีกกลุ่มที่ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระดับที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ แล้วมันก็ดีมากเพราะมีรายได้พอๆกับทำงานประจำ แต่เราไม่ต้องทำงานประจำ แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย หรือมีชื่อเสียงอะไร แต่ก็มีเงินที่ได้จากการลงทุนสามารถหล่อเลี้ยงชีพไปได้เรื่อยๆ
แต่ในสภาวะที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง การหารายได้จากตลาดของผมเริ่มยากขึ้น การลงทุนที่เน้น Capital Gain ต่อเนื่องทุกๆเดือน ทำให้ผมลงทุนผิดพลาดมากขึ้นและขาดทุนด้วย
แล้วสมองผมมันก็คิดขึ้นมาว่า หรือตลาดหุ้นจะไม่ใช่ทางของเรา (เข้ามานานขนาดนี้เพิ่งจะคิด) ลองออกไปทำธุรกิจดูดีไหม จะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมา นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจที่เป็น Real Sector ที่สามารถเติบโตได้ดีในอนาคต และสร้างงานให้ผู้คน ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในเศรษฐกิจ และสร้างการเจริญเติบโตให้กับประเทศของเรา เริ่มจากเล็กๆก่อน แทนที่เราจะเอาเงินไปกองไว้ในหุ้นเช่นทุกวันนี้ ก็นับเป็นความคิดที่ดีใช่ไหม ไฟลุกโชนขึ้นมาเลย
ความคิดอีกด้านมันก็แย้งขึ้นมา เห้ย เดี๋ยวก่อน ในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศก็เป็นขาลง มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีแน่ๆที่จะออกไปทำธุรกิจ ใครๆก็อยากเลิกทำธุรกิจแล้วหันมาลงทุนหุ้นทั้งนั้นแหละ อยู่แบบนี้ก็สบายดีอยู่แล้วจะหาเรื่องลำบากทำไม ต้องลงทุนไปเท่าไหร่ ถึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา ทำไปเดี๋ยวก็เจ๊ง ใช่ว่าแผนที่วางไว้ดีแล้ว มันจะไม่สามารถผิดพลาดได้ เราอาจจะลงทุนผิดพลาดก็ได้ ลงไปเท่าไหร่ เจ๊งขึ้นมานี่แทบหมดตัวเลยก็ได้นะ ไปเจอคนไม่ดี คนโกงอีก ปัญหามากมายสารพัดและความเสียหายจะมากกว่าที่ลงทุนในตลาดหุ้นหรือไม่ แล้วคนขี้เกียจอย่างเอ็ง จะทำไปได้ซักกี่น้ำกัน เล่นหุ้นนี่แหละ ดีที่สุดแล้วสำหรับเอ็งแล้ว
อีกความคิดก็แทรกขึ้นมา แต่ลองดูบริษัทดังๆตอนนี้สิ ที่ตั้งช่วงก่อนปี 2540 หรือหลังปี 2540 แล้วสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นไปได้สิเป็นไง (ซึ่งผมได้ผ่านไปแถวนวนครมา มีบริษัทใหญ่ๆตั้งอยู่เต็มไปหมด เห็นแล้วก็คิดว่าถ้ามีซักแห่งที่เราเป็นเจ้าของจริงๆจะฟินแค่ไหน) ไม่อยากเป็นเจ้าของกิจการที่อาจจะยิ่งใหญ่ในอีก 1-2 ทศวรรษข้างหน้าบ้างหรือไง ขยันตอนนี้สบายวันหน้า สบายตอนนี้อาจจะลำบากตอนแก่ก็ได้นะ ตอนปี 2554 ที่น้ำท่วม น้ำท่วม 2 เมตร ลำบากขนาดนั้นเรายังผ่านมันมาได้ ทำไมแค่นี้เราจะทำไม่ได้ เอ็งอย่าป๊อด
ในที่ที่น่ากลัวและมีความเสี่ยงสูงอย่างตลาดหุ้น ความคิดด้านนึงของผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นที่ที่ปลอดภัย เป็น Comfort Zone อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรที่เราจะต้องกลัว เพียงช่วงนี้ตลาดไม่ได้ให้ผลตอบแทนตามที่เราคาดหวัง ทำให้ความคิดอีกด้านคิดว่าเราควรหาโอกาสใหม่ๆ แต่เราก็รู้สึกกลัวที่จะลองออกไปทำดีไหม ทั้งๆที่มันก็อาจจะไม่น่ากลัวเท่าที่เราคิด แต่คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ หรือกลัวเพราะรู้มากเกินไป และก็กลัวเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีกว่าสิ่งที่ทำอยู่ เรียกได้ว่าปอดแหกตั้งแต่ยังไม่เริ่มอะไรเลย
แล้วเพื่อนๆคิดว่าไง
เมื่อการลงทุนหุ้นเป็น Comfort Zone ของเรา
ตลาดหุ้นจึงเป็นสถานที่มีความเสี่ยงสูงมากแต่ผลตอบแทนอาจจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับความสามารถของนักลงทุนเอง ไม่ใช่ High Risk High Return แบบในตำรา แต่เป็น High Risk, High Return or Low Return or Not Return
แต่ก็มีนักลงทุนอีกกลุ่มที่ผมก็อยู่ในกลุ่มนี้ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ในระดับที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ แล้วมันก็ดีมากเพราะมีรายได้พอๆกับทำงานประจำ แต่เราไม่ต้องทำงานประจำ แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย หรือมีชื่อเสียงอะไร แต่ก็มีเงินที่ได้จากการลงทุนสามารถหล่อเลี้ยงชีพไปได้เรื่อยๆ
แต่ในสภาวะที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง การหารายได้จากตลาดของผมเริ่มยากขึ้น การลงทุนที่เน้น Capital Gain ต่อเนื่องทุกๆเดือน ทำให้ผมลงทุนผิดพลาดมากขึ้นและขาดทุนด้วย
แล้วสมองผมมันก็คิดขึ้นมาว่า หรือตลาดหุ้นจะไม่ใช่ทางของเรา (เข้ามานานขนาดนี้เพิ่งจะคิด) ลองออกไปทำธุรกิจดูดีไหม จะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมา นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจที่เป็น Real Sector ที่สามารถเติบโตได้ดีในอนาคต และสร้างงานให้ผู้คน ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในเศรษฐกิจ และสร้างการเจริญเติบโตให้กับประเทศของเรา เริ่มจากเล็กๆก่อน แทนที่เราจะเอาเงินไปกองไว้ในหุ้นเช่นทุกวันนี้ ก็นับเป็นความคิดที่ดีใช่ไหม ไฟลุกโชนขึ้นมาเลย
ความคิดอีกด้านมันก็แย้งขึ้นมา เห้ย เดี๋ยวก่อน ในสภาวะเศรษฐกิจของประเทศก็เป็นขาลง มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีแน่ๆที่จะออกไปทำธุรกิจ ใครๆก็อยากเลิกทำธุรกิจแล้วหันมาลงทุนหุ้นทั้งนั้นแหละ อยู่แบบนี้ก็สบายดีอยู่แล้วจะหาเรื่องลำบากทำไม ต้องลงทุนไปเท่าไหร่ ถึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา ทำไปเดี๋ยวก็เจ๊ง ใช่ว่าแผนที่วางไว้ดีแล้ว มันจะไม่สามารถผิดพลาดได้ เราอาจจะลงทุนผิดพลาดก็ได้ ลงไปเท่าไหร่ เจ๊งขึ้นมานี่แทบหมดตัวเลยก็ได้นะ ไปเจอคนไม่ดี คนโกงอีก ปัญหามากมายสารพัดและความเสียหายจะมากกว่าที่ลงทุนในตลาดหุ้นหรือไม่ แล้วคนขี้เกียจอย่างเอ็ง จะทำไปได้ซักกี่น้ำกัน เล่นหุ้นนี่แหละ ดีที่สุดแล้วสำหรับเอ็งแล้ว
อีกความคิดก็แทรกขึ้นมา แต่ลองดูบริษัทดังๆตอนนี้สิ ที่ตั้งช่วงก่อนปี 2540 หรือหลังปี 2540 แล้วสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นไปได้สิเป็นไง (ซึ่งผมได้ผ่านไปแถวนวนครมา มีบริษัทใหญ่ๆตั้งอยู่เต็มไปหมด เห็นแล้วก็คิดว่าถ้ามีซักแห่งที่เราเป็นเจ้าของจริงๆจะฟินแค่ไหน) ไม่อยากเป็นเจ้าของกิจการที่อาจจะยิ่งใหญ่ในอีก 1-2 ทศวรรษข้างหน้าบ้างหรือไง ขยันตอนนี้สบายวันหน้า สบายตอนนี้อาจจะลำบากตอนแก่ก็ได้นะ ตอนปี 2554 ที่น้ำท่วม น้ำท่วม 2 เมตร ลำบากขนาดนั้นเรายังผ่านมันมาได้ ทำไมแค่นี้เราจะทำไม่ได้ เอ็งอย่าป๊อด
ในที่ที่น่ากลัวและมีความเสี่ยงสูงอย่างตลาดหุ้น ความคิดด้านนึงของผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นที่ที่ปลอดภัย เป็น Comfort Zone อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรที่เราจะต้องกลัว เพียงช่วงนี้ตลาดไม่ได้ให้ผลตอบแทนตามที่เราคาดหวัง ทำให้ความคิดอีกด้านคิดว่าเราควรหาโอกาสใหม่ๆ แต่เราก็รู้สึกกลัวที่จะลองออกไปทำดีไหม ทั้งๆที่มันก็อาจจะไม่น่ากลัวเท่าที่เราคิด แต่คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ หรือกลัวเพราะรู้มากเกินไป และก็กลัวเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีกว่าสิ่งที่ทำอยู่ เรียกได้ว่าปอดแหกตั้งแต่ยังไม่เริ่มอะไรเลย
แล้วเพื่อนๆคิดว่าไง