ต้องยอมรับเลยว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้ ช่อง 7 สี ได้แจ้งเกิดนักแสดงหญิงสายฝีมือจนเป้นที่ยอมรับกันหลายคนและอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกระทู้นี้จะขอกล่าวถึงนักแสดงหญิงรุ่นใหม่สายฝีมือ 5 คน ที่ได้ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาฝีมือ จนทำให้พวกเธอเหล่านั้นก้าวข้าม "ยี้" ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้เป็นผลสำเร็จและเป้นที่ยอมรับ แถมการแสดงของแต่ละคนบางทีป้าบุญรอดนั่งๆดูไปในแต่ละบทบาทที่แต่ละคนได้รับ มันอดนึกถึง "แฟคเตอร์ของนักแสดงหญิงยอดฝีมือ" ที่พอจะสามารถจินตภาพและเทียบเคียงแนวสายฝีมือด้วยกันได้ ดังนี้




1. ทับทิม อัญรินทร์...หลังจากที่ใช้เวลายาวนานมากสำหรับการฟูมฟัก พัฒนาตนเอง อยู่นานหลายปีกว่าจะก้าวขึ้นมาอยู่ในนักแสดงตัวเอกหลังข่าวสายฝีมือได้ เธอก็วนเวียนอยู่กับบทนางร้าย นางดี ละครเย็น ตัวประกอบตัว 2-3 มาช้านาน (ถ้าเป้นคนอื่นๆอาจจะถอดใจ หมดกำลังใจหมดหวังที่จะพัฒนาตนเองไปแล้ว) จนมาถึงวันที่ช่อง 7 ให้โอกาสเธอขึ้นมาเป็นตัวเอกละครหลังข่าว ในละครเรื่อง "ลีลาวดีเพลิง" ซึ่งในช่วงแรกๆก็มีเสียงคนดูร้อง "ยี้" อยู่เหมือนกัน ด้วยเกร็งว่าบารมีของเธอจะไม่ถึงในทีมนักแสดงของเรื่องที่มีแต่ระดับยอดฝีมือโหใโรงมาประชันกันทั้ง นุสบา ปุณยาพร อำภา เป็นต้น แต่ทับทิมนางก็เอาอยู่ หลายๆฉากที่ต้องประชันเชื่อนเฉือนบทกัน การแสดงของเธอก็ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา จนคนที่ร้อง "ยี้" ในตอนแรกกลับมาเป้นเสียงชื่อนชม และยิ่งมาตอกย้ำในบท "เจ้านาง" พลังการแสดงของเธอก็ลุกโชติช่วง ชัชวาลย์ น่าเกรงขามมากๆ แววตาที่ดุดัน น้ำเสียงที่หนักแน่นทรงพลัง เปล่งออกมาจากปอดและกระบังลมแต่ละทีก็สะกดคนดูอยู่ พอมาถึงบทจะร้องไห้บทเศร้าเคล้าน้ำตา เธอก็ทำได้แบบแทบจะขาดใจก็ไม่ปาน จนเคยมีคนเปรียบเทียบการแสดงของเธอจากบท "เจ้านางละอองคำ" ว่ามีแฟคเตอร์ของ ป้าเหมียว ชไมพร ชัดๆเต็มๆก็ไม่ปาน

2. แซมมี่ เคลาเวลล์...หลังจากที่เธอล้มลุกคลุกคลานอยู่กับละครคอมมิดี้ ซิทคอม ละครเย็น ตัวประกอบ ตัวรอง มาช้านาน ยอมรับเลยว่าพึ่งมารู้จักเธอในบทลอร่าหรืออีหล่า จาก  "นางแบบโคกกระโดน" จนวันหนึ่งผู้ใหญ่ให้เธอรับบทร้ายเด่นในละครเรื่อง "ไฟหวน" ที่เธอต้องประชันประทะ กับนักแสดงตัวแม่อย่าง ป๊อก ปิยธิดา อย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ตามสไตล์ละครของค่ายป้าต้อ ซึ่งการแสดงของเธอในเรื่องนั้นทำเอาคนดูหลายๆคนอึ้ง และชื่นชมกับเธอ ในบทร้ายๆลึกๆที่ไม่ต้องแสดงออกมามาก แต่เน้นเล่นน้อยแต่ได้เยอะ ซึ่งแนวการแสดงแบบนี้มันดันมาพ้องกับทางการแสดงของคุณป๊อก พอดิบพอดี จึงทำให้ละครเรื่องนั้นดูถึงใจถึงอารมณ์ไม่น้อย (คิดว่าเธอคงได้รับคำแนะนำสอนสั่งจากคุณป๊อกและป้าต้อมาไม่น้อย) พอมาถึงผลงานที่เธอต้องได้รับโอกาสให้เป้นนางเอกนำเดียวหลังข่าวเรื่อง "บอดี้การ์ดสาว" ซึ่งก็มีเสียงร้อง "ยี้" อีกเช่นกันว่าทำไมต้องดันเธอขึ้นมาเป้นนางเอกหลังข่าวด้วย บารมี ชื่อเสียงของเธอมันถึงเหรอ แต่เธอก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบทบู๊เธอก็เอาอยู่ เรื่องนี้ถึงจะไม่ค่อยเน้นดราม่า แต่บทบู๊ที่เธอเล่นออกมามันทำให้คนดูชื่นชอบเธอในบทบู๊เช่นกัน และเธอก็สามารถลบคำว่า "ยี้" ที่เคยมีคนกล่าวไว้ในครั้งก่อนหน้านั้นได้สำเร็จในบทบาทของพาไล จาก เลื่อมสลับลาย ซึ่งคนดูได้ตัดสินแล้วว่าเธอคือนักแสดงคุณภาพสายฝีมืออีกคนของวงการบันเทิง ด้วยทางการแสดงแบบดราม่าที่ไม่ต้องแสดงออกมามาก แค่เน้นเล่นให้น้อยให้เป้นธรรมชาติ แต่คนดูจะรับรู้ได้มากเอง ซึ่ง "แฟคเตอร์" แบบนี้แหละอดทำให้นึกถึง ป๊อก ปิยธิดา ไปไม่ได้

3. ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์...คนนี้ยิ่งโดน "ยี้" หนักเลยในช่วงแรกๆของเธอ นับตั้งแต่ละคร ทวิภพ ลงจอ ก็เริ่มได้ยินเสียงร้องยี้มาบ้าง พอมาเจอในละครเย็นเรื่อง "มนต์รักแก้บน" เสียงยี้ก็เริ่มชัดเจนขึ้น เพราะการแสดงที่ดูล้น ดูโอเวอร์แอคติ้ง และพอมาถึง "อุบัติเหตุ" การแสดงที่ดูล้นๆเกินๆของเธอมันถึงกลับทำให้คนดูบ่นกันแบบแซงแซ่เอือมกันไม่น้อย จนถือว่าเธอเธอจุดอ่อนของทีมนักแสดงในเรื่องนั้นก้ว่าได้ จนกระทั่งมาถึง "เรือนกาหลง" ที่จู่ๆเธอก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นมาเป้นบทนำหลังข่าว จนหลายๆคนแอบกังวลในช่วงแรกๆ แต่ดูเหมือนเธอได้รับเอาคำติต่างๆไปแก้ไขปรับปรุงภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการเรียนการแสดงเพิ่มเติม แก้ไขในจุดที่บกพร่อง จนทำให้บท กาหลง เป็นที่ยอมรับกันถ้วนหน้า และยิ่งมาตอกย้ำในบทแพง จาก เพื่อนแพง ที่ทำให้เธอได้รับคำกล่าวชมทวีคูณมากยิ่งๆขึ้นอีก จนมาถึงล่าสุดในบท มุกริน เรื่อง รอยรักแรงแค้น ที่กำลังกอบโกยกระแสและเรตติ้งอยู่ขณะนี้ การแสดงในบทนางเอกสาวเจ้าน้ำตา มันทำให้ชื่อของปุ๊กลุ๊กถูกเอ่ยขึ้นมาในนักแสดงสายฝีมือแถวหน้าได้อย่างเต็มปาก...สังเกตว่านับตั้งแต่บท กาหลง-อีแพง-มุกริน ล้วนเป้นบทบาทนางเอกเจ้าน้ำตาเอ่อนองหน้า ทำให้ดูน่าสงสารและก็น่าเกรงขามอยู่ในตัว ซึ่ง "แฟคเตอร์" การแสดงในบทบาทแบบนี้มันอดทำให้นึกถึงการแสดงของนาลละครที่ชื่อ นุ่น วรนุช ไปไม่ได้

4. โบว์ ธัญญะสุภางค์...ถ้าหากว่าปุ๊กลุ๊ก จะโดนร้อง "ยี้" มากและแรงเท่าไร แต่ก็คงไม่เทียบเท่าโบว์ ธัญญะสุภางค์ ในบทบาทการแสดงเรื่องแรกๆของเธอ นับตั้งแต่เรื่อง ไฟหวน ที่หลายคนต่อว่าเธอจนห้องพันทิปแทบจะแตกระเบิดด้วยกระทู้ต่อว่าเธออย่างดุเดือดและรุนแรงมาก จนป้าบุญรอดอดสงสารและเห้นใจเธอไม่ได้ในครั้งนั้น จนมาถึงผลงานเรื่องต่อมาของเธอคือ สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย ที่ถึงแม้การแสดงของเธอจะพัฒนาขึ้นมาอย่างผิดหูผิดมาจากช่วงแรกๆของเรื่องมาถึงช่วงกลางๆเรื่อง แต่นั่นก็ไม่สามารถลบคำสบประมาทของคนที่ได้ตั้งอคติต่อเธอมาก่อนหน้านี้แล้ว การแสดงในบทคุณหนูแพรวา ของเธอถึงแม้จะทำออกมาได้ดีแต่ก็ไม่สามารถพังกำแพงแห่งอคติและ "ยี้" ที่มีต่อเธอได้สำเร็จ จนกระทั่งมาถึงบทสตอเบอร์แหลแอบแรงอย่าง "ดาว" จาก กุหลาบเล่นไฟ ที่สามารถทำลายกำแพงนั้นได้สำเร็จ การแสดงที่ดูโดดเด่นพัฒนาขึ้นมาแบบผิดหูผิดตาจึงทำให้เธอถูกจับตามองในผลงานเรื่องต่อมา "รอยรักแรงแค้น" ที่คุณตั้ว ศรัณยู สร้างโจทย์ใหม่ให้นางร้ายผู้แหกกฏเดิมๆออกไปจนหลายคนอึ้ง ทึ่ง ว่าเธอทำได้และทำได้ดีด้วย เพราะทุกครั้งที่ยัยพักตรา ออกฉากมานั่นหมายความว่าพลังการแสดงของเธอจะระเบิดออกมาในแากนั้นๆแน่นอน และนั่นก็หมายความว่าความมันส์แบบถึงใจถึงอารมณ์มาถึงใจคนดูเป้นแน่นอน...มานั่งมองดูลีลาการเล่นร้ายของเธอแบบท๊อปฟอร์ม ที่ร้ายสั่นเครือออกมาทั้งสีหน้า แววตา เอ็นคอ น้ำเสียง แอคคติ้ง หลายๆครั้งมันทำให้นึกถึง "แฟคเตอร์" ของนางร้ายในตำนานอย่างคุณกิ๊ก สุวัจนี เลยก้ว่าได้

5. เซฟฟานี่ อวานิค...ไม่น่าเชื่อว่าเธอที่เคยผ่านมาแต่บทเรียบๆง่ายๆจากละครเย็น บทนางรอง นับตั้งแต่ ยทบาลเจ้าขา  คือหัตถาฯ  เจ้าสาวสลาตัน  ที่การแสดงของเธอไม่ได้มีอะไรให้เป็นที่น่าจดจำเลย แถมเคยได้ยินว่า...บทของนางเอกยมบาลเจ้าขา จริงๆไม่จำเป้นต้องมีก็ได้ เหมือนเป็นเพียงไม้ประดับเพียงเท่านั้น และยิ่งมาเจอบทเดิมๆแนวนี้ในเรื่องต่อๆมา ถึงแม้คนดูอาจะไม่ได้ร้อง "ยี้" กันเสียงดังมากนัก แต่ก็มีเสียงตำหนิไม่น้อย จนกระทั่งเฮียธงจับเธอมาพลิกเล่นร้ายใน กุหลาบเล่นไฟ มันเป้นเสมือนจุดเปลี่ยนทางการแสดงของเธอเลยก็ว่าได้ ถ้าจะเปรียบเทียบการเกิดปฏิกริริยาทางเคมี (Chemical reaction) การแสดงของเธอเหมือนถูกพลังงานกระตุ้น(Activated energy) จนถึงระดับที่จะเกิดปฏิกิริยาได้และยังสามารถปลิดปล่อยพลังงานออกมาได้มากมายเป้นผลสำเร็จ และยิ่งมาถึงบทบาท 2 บุคลิก จิตๆดราม่าๆบู๊ๆแบ๊วๆใสๆดุๆเผ็ดๆ  มันมีครบองค์อยู่ในตัวละคร "ตะวัน/ปรางทอง" จาก เพลิงตะวัน...เธอทำได้และทำได้ดีด้วย...มานั่งมองดูการแสดงของเธอใน เพลิงตะวัน แล้วมันอดคิดย้อนถึงบทของ ปกีรณัม จาก เดือนเดือด ไปไม่ได้ และยิ่งโดยเฉพาะเวลาที่เธอฉายแววตาอันดุดันออกมา อินเนอร์เธอมาเต็ม "แฟคเตอร์" แบบนี้แหละทำให้อดคิดถึง กบ สุวนันท์ ไม่ได้เลยค่ะ