เริ่มเลยนะคะ เท้าความก่อนว่าบ้านเดี่ยวที่เราอาศัยอยู่ตอนนี้เป็นของคุณป้าค่ะ ด้วยความที่แกไปทำงานต่างประเทศ เลยให้เรา แม่ และน้องชายสามคนมาอยู่ที่บ้านได้ เพราะกว้างขวางกว่าบ้านเราที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
ส่วนบ้านข้าง ๆ เป็นบ้านของเพื่อนลุงที่เป็นสามีของป้า บ้านในโครงการสมัยก่อนจะมีแค่รั้วเหล็กสูงแค่ 1 เมตรกั้นกลางค่ะ แต่ที่ป้าเราอยากให้ทำเป็นรั้วปูน เลยถามบ้านข้าง ๆ ว่าจะขอสร้างรั้วปูน เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร ทางเราเลยสร้างกำแพงปูนขึ้นมาเหนือพื้น 1 เมตร (ลุงข้ามไปสังสรรค์ด้วยบ่อย) โดยออกค่าใช้จ่ายฝ่ายเดียว ลุงบ้านข้าง ๆ ก็ไม่ได้มาตรวจสอบว่ารั้วเกินหรือไม่อย่างไร แต่ป้าเราบอกว่าตอนสร้างตัดสินใจสร้างขึ้นในเขตรั้วตัวเอง ไม่ได้ยื่นไปในที่ของข้างบ้าน ตามความเข้าใจของเรา รั้วจึงน่าจะเป็นสิทธิ์ของบ้านเราฝ่ายเดียว (เพราะอยู่ในที่เรา และออกเงินสร้างเอง)
จนกระทั่งลุงกับป้าเราไปต่างประเทศ ลุงข้างบ้านก็ย้ายไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง เขาเลยให้พี่ชายกับหลานสาวที่อายุมากกว่าเรามาอยู่แทน ตอนแรกก็คุยกับแม่ดีค่ะ แต่พี่ชายลุงข้างบ้านแกสูบบุหรี่จัดมาก ด้วยความที่รั้วมันเตี้ย ควันเลยลอยมาบ้านเราเต็ม ๆ แม่เราแพ้กลิ่นบุหรี่ เวลาควันลอยเข้ามาก็ไอบ้างจามบ้าง เลยไปบอกให้ข้างบ้านย้ายไปสูบหลังบ้านแทน ตอนแรกก็เหมือนจะหายไป ซักพักก็มาสูบหน้าบ้านใหม่ พูดมาก ๆ เข้าทางนั้นรำคาญก็ขึ้นเสียงว่าก็ให้ไปสูบหลังบ้านแล้วไง แต่แม่เราบอกว่าก็ยังยืนสูบอยู่โต้ง ๆ ปรากฏว่าโมโหกันทั้งสองฝ่าย ทางนั้นก็ไม่สนใจแล้วกุจะสูบ แม่เราก็ด่าฝากไปอยู่เนือง ๆ เลยกลายเป็นว่าไม่ถูกกันไป (เรื่องนี้เราว่าแม่เราเกินไป อาจเพราะเราไม่ค่อยได้กลิ่น แต่แม่จมูกไวเรื่องนี้มาก)
จากนั้นเราก็ใช้ชีวิตด้วยการไม่สนใจกันมานานค่ะ เราไม่ค่อยอยู่บ้านเลยไม่สนิทกับลูกบ้านนี้อยู่แล้ว แม่ก็ชอบบ่นให้ฟังเป็นระยะ ๆ เราเลยกลายเป็นว่าไม่ได้คุยกับเพื่อนบ้านอีกคน ตอนนั้นก็ไม่ได้อะไรค่ะ ไม่สนิทกันก็ช่าง ไม่ทะเลาะกันทุกวันก็พอ บางวันเค้าพาเพื่อนมาตั้งวงเหล้าเสียงดังแม่ก็รำคาญเหมือนกัน แต่ก็บอกว่า "ก็ดี เหมือนมีหมาเฝ้าหน้าบ้าน" เราก็พยายามบอกให้แม่เลี่ยงจะมีเรื่อง แม่เราก็ราชการ บ้านข้าง ๆ ก็ราชการ มีเรื่องกันไปไม่ดีหรอก
แต่ความคิดที่จะปรองดองของเราจบไปตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ
จู่ ๆ วันหนึ่งข้างบ้านก็มีความคิดจะสร้างสิงก่อสร้างขึ้นมาชิดรั้ว เราเห็นตั้งเสาแล้ว ชิดขอบเสาที่ป้าเราสร้างไว้เลย เราว่ามันแปลก ๆ เลยบอกป้าเอาไว้ ป้าก็บอกเดี๋ยวคุยกับลุงเจ้าของบ้านคนเก่าเอง ส่วนแม่เราเริ่มบ่นตั้งแต่ช่างมาขุดรูฝังเสาแล้วค่ะ 5555 จังหวะนั้นเรายุ่ง ๆ เพราะจะพาแม่กับตาไปเที่ยวบ้านป้าที่ต่างประเทศ เลยให้ป้าอีกคนที่เป็นพี่สาวพ่อมาอยู่กับน้องชายที่กำลังเรียนสิงสัปดาห์ ก่อนไปป้าเล่าให้ฟังว่าลูกเขยบ้านข้าง ๆ (แฟนลุงสาวคนสูบบุหรี่จัด) เค้าออกตัวว่าเป็นลูกเขย ทำงานเป็นปลัด รับราชการเหมือนกัน เขามาคุยดี บอกว่าเนี่ยจะทำโรงรถ เราเลยโล่งใจไปหน่อย ถ้าเป็นโรงรถ สร้างหลังคาชิดรั้ว แต่ถ้าทำที่รองน้ำฝนมีทางลงก็คงไม่มีปัญหา แม่เราคงอคติไปเอง
จากนั้นเราก็ไปลั้นลาที่เมืองนอกสองสัปดาห์ค่ะ กลับมานี่โป๊ะเลย ไหนวะโรงรถ?
โรงรถมีประตูหน้าต่างด้วย แถมยังสร้างเกินขึ้นมาบนรั้วอีก
นาทีนั้นคือไม่ได้โมโหนะคะ งงค่ะ คืองงก่อนทำไมโรงรถ มีประตู มีกำแพง มีหน้าต่าง มีช่องลม มึนอยู่ซักพักก็ถ่ายรูปให้ป้าที่เมืองนอกดู ป้าเค้าก็โทรติดต่อลุงข้างบ้านทันที เค้าบอกว่าจะคุยกับพี่ชายเค้าให้ ปรากฎว่ารอเป็นสัปดาห์ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันหนึ่งตอนเย็น ๆ เพื่อนแม่เรามาบ้าน เห็นข้างบ้านทำห้องมาชิดขนาดนี้ก็ตกใจ เลยถามว่าทำไมเค้าทำแบบนี้ล่ะ คุยกันซักพักลูกสาวข้างบ้านเหมือนจะได้ยิน ก็ทำฟึดฟัด ไปเรียกแฟนเค้ามาคุย เค้าก็บอกว่าก็เนี่ยเค้าเหลือที่ไว้ให้บนรั้วแล้วสามเมตร แม่เรางงเลยสามเมตรบ้าบออะไร สร้างเกินมาบนรั้วชัด ๆ คุยกันไปคุยกันมาไม่รู้เรื่อง ทางลูกเขยปลัดเลยบอกว่าเค้าจะไปดำเนินการเรื่องรังวัด แม่เราก็โอเค ไปทำเรื่องมา แต่หลังจากนั้นก็ไม่คุยกันเลย แม่เราก็เครียด แต่พยายามไม่เจอหน้า เพราะไม่อยากโมโห
หลังจากนั้นประมาณสองสัปดาห์ ไม่มีการทุบแก้ไข มีแต่มาต่อเติมฉาบปูน จนถึงตอนนี้เราคิดละว่า เออ หน้าด้านเนาะ แม่เรารู้ตัวว่าตัวเองใจร้อน และไม่ใช่เจ้าของบ้าน แม่เลยถ่ายรูปบอกป้าไป ป้าก็ไปคุยกับลุงเจ้าของ ก็ได้คำตอบเดิมว่าจะคุยให้ สัปดาหถัดมาส่วนที่เกินมาก็โดนทุบออกค่ะ แต่ก็ทำขึ้นมาเสมอส่วนอื่นของห้อง คือชิดกำแพงเหมือนเดิม - -* แถมยังทำรั้วหน้าตาหน้าเกลียดขึ้นมาบนรั้วเก่าเราด้วย เราก็เอาต้นไม้บัง ๆ ซะ แม่บอกว่าก็ดี ได้ไม่ต้องเห็นหน้ากัน ช่างมันไปละกัน ต่างคนต่างอยู่ ป้าเองก็ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล มันเสียเวลา
แต่ ๆ ๆ ๆ ๆ ......
เรื่องมันไม่จบแค่นี้ จุดแตกหักมันอยู่ที่นี่ค่ะ "ปูนปริศนาที่ถูกฉาบบนรั้วหลังจากที่สร้างกำแพงปิด"
สร้างลาดมาฝั่งบ้านเราด้วย คุณพระ แม่ยิ้ม รั้วเรากั้นปิดกันหมดแล้ว เธอมาฉาบปูนส่วนนี้ได้ยังไงถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในบ้านฉัน ตอนที่คนในบ้านไม่อยู่ แม่เราหมดความอดทนเดินเอาค้อนก่อสร้างด้ามยาวหนึ่งเมตรไปทุบปูนทิ้งโป้ง ๆ ๆ เราอยู่ในห้องน้ำตกใจเลย นึกว่าใครทำอะไร
สรุปแล้วการบุกรุกเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตรอบนี้ทำให้แม่กับป้าตัดสินใจก่อรั้วค่ะ ตอนนี้คือใจแม่กับป้าไม่อยากไปยุ่ง ไม่อยากข้องเกี่ยว ไม่อยากเห็นหน้า ถ้าขึ้นศาลก็ต้องไปเจอกันอีกหลายหน เราเลยเลือกวิธีสร้างกำแพงสูงแบบไม่ต้องเผาผีกันเลย ถ้าแกสร้างไม่เกรงใจกันแบบนี้ ฉันก็สร้างไม่เกรงใจบ้างแล้วกัน
เพิ่มเติม รั้วหลังบ้านสูง 2.70 เมตร หน้าบ้านสูง 2.50 เมตร ทำในที่ของตัวเองทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้ใครจะว่าว่าเราทำตัวต่ำตมเหมือนข้างบ้าน เราก็ด้านยอมรับแล้วค่ะ อันที่จริงเป็นเราคงฟ้องไปแต่แรก แต่บ้านเป็นของป้า และเขาไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากเสียเวลาเลยปล่อยมาตลอด
แม่ยังบ่น ๆ ว่าเป็นราชการทั้งคู่ แทนที่จะรู้กฎหมาย ทำไมมาทำผิดซะเอง มีเพื่อนบ้านแบบนี้แล้วอย่างเซ็ง แถวบ้านใครเป็นแบบนี้บ้างคะ?
กรรมของคนมีเพื่อนบ้านหน้าด้าน เพื่อนบ้านใครด้านไม่อายกฎหมายทั้งที่ตัวเองเป็นราชการแบบนี้บ้างคะ?
ส่วนบ้านข้าง ๆ เป็นบ้านของเพื่อนลุงที่เป็นสามีของป้า บ้านในโครงการสมัยก่อนจะมีแค่รั้วเหล็กสูงแค่ 1 เมตรกั้นกลางค่ะ แต่ที่ป้าเราอยากให้ทำเป็นรั้วปูน เลยถามบ้านข้าง ๆ ว่าจะขอสร้างรั้วปูน เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร ทางเราเลยสร้างกำแพงปูนขึ้นมาเหนือพื้น 1 เมตร (ลุงข้ามไปสังสรรค์ด้วยบ่อย) โดยออกค่าใช้จ่ายฝ่ายเดียว ลุงบ้านข้าง ๆ ก็ไม่ได้มาตรวจสอบว่ารั้วเกินหรือไม่อย่างไร แต่ป้าเราบอกว่าตอนสร้างตัดสินใจสร้างขึ้นในเขตรั้วตัวเอง ไม่ได้ยื่นไปในที่ของข้างบ้าน ตามความเข้าใจของเรา รั้วจึงน่าจะเป็นสิทธิ์ของบ้านเราฝ่ายเดียว (เพราะอยู่ในที่เรา และออกเงินสร้างเอง)
จนกระทั่งลุงกับป้าเราไปต่างประเทศ ลุงข้างบ้านก็ย้ายไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง เขาเลยให้พี่ชายกับหลานสาวที่อายุมากกว่าเรามาอยู่แทน ตอนแรกก็คุยกับแม่ดีค่ะ แต่พี่ชายลุงข้างบ้านแกสูบบุหรี่จัดมาก ด้วยความที่รั้วมันเตี้ย ควันเลยลอยมาบ้านเราเต็ม ๆ แม่เราแพ้กลิ่นบุหรี่ เวลาควันลอยเข้ามาก็ไอบ้างจามบ้าง เลยไปบอกให้ข้างบ้านย้ายไปสูบหลังบ้านแทน ตอนแรกก็เหมือนจะหายไป ซักพักก็มาสูบหน้าบ้านใหม่ พูดมาก ๆ เข้าทางนั้นรำคาญก็ขึ้นเสียงว่าก็ให้ไปสูบหลังบ้านแล้วไง แต่แม่เราบอกว่าก็ยังยืนสูบอยู่โต้ง ๆ ปรากฏว่าโมโหกันทั้งสองฝ่าย ทางนั้นก็ไม่สนใจแล้วกุจะสูบ แม่เราก็ด่าฝากไปอยู่เนือง ๆ เลยกลายเป็นว่าไม่ถูกกันไป (เรื่องนี้เราว่าแม่เราเกินไป อาจเพราะเราไม่ค่อยได้กลิ่น แต่แม่จมูกไวเรื่องนี้มาก)
จากนั้นเราก็ใช้ชีวิตด้วยการไม่สนใจกันมานานค่ะ เราไม่ค่อยอยู่บ้านเลยไม่สนิทกับลูกบ้านนี้อยู่แล้ว แม่ก็ชอบบ่นให้ฟังเป็นระยะ ๆ เราเลยกลายเป็นว่าไม่ได้คุยกับเพื่อนบ้านอีกคน ตอนนั้นก็ไม่ได้อะไรค่ะ ไม่สนิทกันก็ช่าง ไม่ทะเลาะกันทุกวันก็พอ บางวันเค้าพาเพื่อนมาตั้งวงเหล้าเสียงดังแม่ก็รำคาญเหมือนกัน แต่ก็บอกว่า "ก็ดี เหมือนมีหมาเฝ้าหน้าบ้าน" เราก็พยายามบอกให้แม่เลี่ยงจะมีเรื่อง แม่เราก็ราชการ บ้านข้าง ๆ ก็ราชการ มีเรื่องกันไปไม่ดีหรอก
แต่ความคิดที่จะปรองดองของเราจบไปตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ
จู่ ๆ วันหนึ่งข้างบ้านก็มีความคิดจะสร้างสิงก่อสร้างขึ้นมาชิดรั้ว เราเห็นตั้งเสาแล้ว ชิดขอบเสาที่ป้าเราสร้างไว้เลย เราว่ามันแปลก ๆ เลยบอกป้าเอาไว้ ป้าก็บอกเดี๋ยวคุยกับลุงเจ้าของบ้านคนเก่าเอง ส่วนแม่เราเริ่มบ่นตั้งแต่ช่างมาขุดรูฝังเสาแล้วค่ะ 5555 จังหวะนั้นเรายุ่ง ๆ เพราะจะพาแม่กับตาไปเที่ยวบ้านป้าที่ต่างประเทศ เลยให้ป้าอีกคนที่เป็นพี่สาวพ่อมาอยู่กับน้องชายที่กำลังเรียนสิงสัปดาห์ ก่อนไปป้าเล่าให้ฟังว่าลูกเขยบ้านข้าง ๆ (แฟนลุงสาวคนสูบบุหรี่จัด) เค้าออกตัวว่าเป็นลูกเขย ทำงานเป็นปลัด รับราชการเหมือนกัน เขามาคุยดี บอกว่าเนี่ยจะทำโรงรถ เราเลยโล่งใจไปหน่อย ถ้าเป็นโรงรถ สร้างหลังคาชิดรั้ว แต่ถ้าทำที่รองน้ำฝนมีทางลงก็คงไม่มีปัญหา แม่เราคงอคติไปเอง
จากนั้นเราก็ไปลั้นลาที่เมืองนอกสองสัปดาห์ค่ะ กลับมานี่โป๊ะเลย ไหนวะโรงรถ?
โรงรถมีประตูหน้าต่างด้วย แถมยังสร้างเกินขึ้นมาบนรั้วอีก
นาทีนั้นคือไม่ได้โมโหนะคะ งงค่ะ คืองงก่อนทำไมโรงรถ มีประตู มีกำแพง มีหน้าต่าง มีช่องลม มึนอยู่ซักพักก็ถ่ายรูปให้ป้าที่เมืองนอกดู ป้าเค้าก็โทรติดต่อลุงข้างบ้านทันที เค้าบอกว่าจะคุยกับพี่ชายเค้าให้ ปรากฎว่ารอเป็นสัปดาห์ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันหนึ่งตอนเย็น ๆ เพื่อนแม่เรามาบ้าน เห็นข้างบ้านทำห้องมาชิดขนาดนี้ก็ตกใจ เลยถามว่าทำไมเค้าทำแบบนี้ล่ะ คุยกันซักพักลูกสาวข้างบ้านเหมือนจะได้ยิน ก็ทำฟึดฟัด ไปเรียกแฟนเค้ามาคุย เค้าก็บอกว่าก็เนี่ยเค้าเหลือที่ไว้ให้บนรั้วแล้วสามเมตร แม่เรางงเลยสามเมตรบ้าบออะไร สร้างเกินมาบนรั้วชัด ๆ คุยกันไปคุยกันมาไม่รู้เรื่อง ทางลูกเขยปลัดเลยบอกว่าเค้าจะไปดำเนินการเรื่องรังวัด แม่เราก็โอเค ไปทำเรื่องมา แต่หลังจากนั้นก็ไม่คุยกันเลย แม่เราก็เครียด แต่พยายามไม่เจอหน้า เพราะไม่อยากโมโห
หลังจากนั้นประมาณสองสัปดาห์ ไม่มีการทุบแก้ไข มีแต่มาต่อเติมฉาบปูน จนถึงตอนนี้เราคิดละว่า เออ หน้าด้านเนาะ แม่เรารู้ตัวว่าตัวเองใจร้อน และไม่ใช่เจ้าของบ้าน แม่เลยถ่ายรูปบอกป้าไป ป้าก็ไปคุยกับลุงเจ้าของ ก็ได้คำตอบเดิมว่าจะคุยให้ สัปดาหถัดมาส่วนที่เกินมาก็โดนทุบออกค่ะ แต่ก็ทำขึ้นมาเสมอส่วนอื่นของห้อง คือชิดกำแพงเหมือนเดิม - -* แถมยังทำรั้วหน้าตาหน้าเกลียดขึ้นมาบนรั้วเก่าเราด้วย เราก็เอาต้นไม้บัง ๆ ซะ แม่บอกว่าก็ดี ได้ไม่ต้องเห็นหน้ากัน ช่างมันไปละกัน ต่างคนต่างอยู่ ป้าเองก็ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล มันเสียเวลา
แต่ ๆ ๆ ๆ ๆ ......
เรื่องมันไม่จบแค่นี้ จุดแตกหักมันอยู่ที่นี่ค่ะ "ปูนปริศนาที่ถูกฉาบบนรั้วหลังจากที่สร้างกำแพงปิด"
สร้างลาดมาฝั่งบ้านเราด้วย คุณพระ แม่ยิ้ม รั้วเรากั้นปิดกันหมดแล้ว เธอมาฉาบปูนส่วนนี้ได้ยังไงถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในบ้านฉัน ตอนที่คนในบ้านไม่อยู่ แม่เราหมดความอดทนเดินเอาค้อนก่อสร้างด้ามยาวหนึ่งเมตรไปทุบปูนทิ้งโป้ง ๆ ๆ เราอยู่ในห้องน้ำตกใจเลย นึกว่าใครทำอะไร
สรุปแล้วการบุกรุกเข้ามาในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตรอบนี้ทำให้แม่กับป้าตัดสินใจก่อรั้วค่ะ ตอนนี้คือใจแม่กับป้าไม่อยากไปยุ่ง ไม่อยากข้องเกี่ยว ไม่อยากเห็นหน้า ถ้าขึ้นศาลก็ต้องไปเจอกันอีกหลายหน เราเลยเลือกวิธีสร้างกำแพงสูงแบบไม่ต้องเผาผีกันเลย ถ้าแกสร้างไม่เกรงใจกันแบบนี้ ฉันก็สร้างไม่เกรงใจบ้างแล้วกัน
เพิ่มเติม รั้วหลังบ้านสูง 2.70 เมตร หน้าบ้านสูง 2.50 เมตร ทำในที่ของตัวเองทั้งหมด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้ใครจะว่าว่าเราทำตัวต่ำตมเหมือนข้างบ้าน เราก็ด้านยอมรับแล้วค่ะ อันที่จริงเป็นเราคงฟ้องไปแต่แรก แต่บ้านเป็นของป้า และเขาไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากเสียเวลาเลยปล่อยมาตลอด
แม่ยังบ่น ๆ ว่าเป็นราชการทั้งคู่ แทนที่จะรู้กฎหมาย ทำไมมาทำผิดซะเอง มีเพื่อนบ้านแบบนี้แล้วอย่างเซ็ง แถวบ้านใครเป็นแบบนี้บ้างคะ?