(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)
เจอรีวิวเขาสกเยอะมาก เต็มไปด้วยรูปสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่ก็ยังมีคนอยากไปและถามถึงวิธีไปเยอะเช่นกัน คิดแล้วก็แปลกดี ไม่ค่อยมีคนเขียนแนว How To เท่าไร (สงสัยคิดว่าง่าย เลยมองข้ามไป)
เอาหละ รีวิวนี้ผมจะแชร์ข้อมูลสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน และต้องการไปเขาสกกับเพื่อนๆสักครั้ง
ปล. เที่ยวครั้งนี้ ภาพถ่ายทั้งหมดของผม จะใช้ Samsung NX500 และเลนส์ 16-50 mm ซึ่งทาง Samsung ให้มาทดลองใช้ แต่ด้วยความเป็นแค่นักท่องเที่ยวไม่ใช่ตากล้อง ก็คงพูดถึงกล้องที่ใช้ในมุมนักท่องเที่ยวมากกว่าจะเขียนถึงเชิงลึกและเทคนิค หากใครสนใจข้อมูลเทคนิคก็ลองดูเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ กล้องดิจิตอล Samsung NX500 , กราบขอบพระคุณ Samsung ไว้ ณ ที่นี้ งามๆ
เอาหละ เรามาเริ่มกันที่ เขาสกคือที่ไหน??
เอิ่ม ทำเป็นเล่นไป ประเด็นนี้ ผมกับเพื่อนๆ งง กันเลยทีเดียว เมื่อลุงคนขับรถตู้ ถามว่า “จะไปไหน จะไปเขาสก หรือไปเขื่อนรัชชประภา” ต่อด้วยคำถามว่า “มันที่เดียวกันหรือเปล่า แล้วเขื่อนเชี่ยวหลานล่ะ” งงกันทั้งคันรถครับ!!
จริงๆแล้วเขาสกที่เราเรียก ชื่อเต็มคือ “อุทยานแห่งชาติเขาสก” อยู่ในจังหวัดสุราฎร์ธานี ซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่มาก และที่ที่เราไปนอนแพ ล่องเรือเที่ยวกันนั้น เรียกว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” (ชื่อเดิม) และในหลวงทรงพระราชทานชื่อใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” (แปลว่า แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร) ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเขาสก นั่นเอง
อ่อ ด้วยความที่เขื่อนรัชชประภาเป็นภูเขาหินปูนผุดเป็นแท่งขึ้นมา จึงมีคนตั้งฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” (กุ้ยหลินของจริงอยู่ที่ประเทศจีน)
กุ้ยหลิน ประเทศจีน (ภาพจาก chinatravelca.com)
เทียบกับกุ้ยหลินของจริง คิดว่าเหมือนป่ะครับ? (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)
ต้องมีเวลาเที่ยวเท่าไรถึงจะพอ
พวกเราไปกันที่ 2 วัน 1 คืน โดยเดินทางกัน คืนวันศุกร์ ถึงเขื่อนเช้าวันเสาร์ และกลับบ่ายวันอาทิตย์
ถามว่าลอกทริปไปแบบเราได้ไหม ไปตามได้ครับ แต่เหนื่อยมากกกก เพราะจะมีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 1 วัน 1 คืน, ลืมชีวิต Slow Life แบบจิบกาแฟ นั่งๆนอนๆ อ่านหนังสือ ไปได้เลย เพราะจะได้ทำกิจกรรมกันทั้งวัน ตั้งแต่ นั่งเรือชมวิว เดินป่า ล่องแพ เที่ยวถ้ำปะการัง กินข้าวเที่ยง กินข้าวเย็น โดดน้ำเล่น พายเรือคายัค ถ้าเจอแพที่มีดิสโก้เทค ร้องคาราโอเกะ ก็ยาวๆกันไปทั้งคืนเลยทีเดียว
(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)
(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)
จริงๆ แนะนำให้ไปสัก 3 วัน 2 คืน กำลังดีครับ โดยอีก 1 วันที่เพิ่มมา ให้ล่องเรือลึกเข้าไปในเขื่อนเพื่อชมวิวและส่องสัตว์ จากนั้นเดินป่าปีนเขาเพื่อไปจุดชมวิว มองเขื่อนมาจากมุมสูง
ฤดูกาลไหนที่ควรไปเที่ยว
ผมคิดว่าที่นี่ไปได้ทั้งปีนะ เพราะผมไปครั้งแรกเดือนเมษายน (เมื่อ 5 ปีก่อน) อากาศเย็นๆ มีหมอก และฝนประปราย ซึ่งปีนี้ที่ผมเพิ่งไปมา (ต้นเดือนกันยายน) ก็เหมือนกันเลย อากาศเย็นๆ มีหมอก เจอฝนนิดหน่อย ช่วงเย็น-ค่ำ
ไปมาสองครั้ง อากาศดีทุกครั้ง คิดว่าบรรยากาศคงเป็นแบบนี้ตลอดมั้งนะ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)
สองข้างทางตอนเข้าเขื่อน สวยงามตามท้องเรื่อง (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)
แต่ถ้าอ่านจากเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติ เขาแนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม-เมษายน เพราะช่วงอื่นๆ จะมีฝนตกตลอด
ค่าใช้จ่ายล่ะ?
ถ้าไปแบบมีแค่ค่าเดินทางและค่าทริปเพียวๆเลย สำหรับหารกัน 9 คน ตกคนละ 2,100 บาท เองครับ
แต่ๆๆ ทริปนี้เราไปกันแบบสบายๆ ไม่ได้เน้นถูกที่สุด แต่ขอคุ้มค่า ง่ายๆ เมาปลิ้น ดิ้นกระจาย อิ่มท้องนอนตาหลับ ค่าใช้จ่ายของเราก็เลยเพิ่มเป็นประมาณคนละ 3,600 บาท
ไอ้ที่เพิ่มมาอีก 1,500 บาท เนี่ย เป็นที่มาของทริปเลยว่าทำไมเรียกว่า กินหรู อยู่สบาย
- ขาไป กินข้าวเช้าที่ท่าเรือตรงเขื่อนครับ กระจายรายได้ เสียประมาณคนละ 100 บาท (ราคาแบบนี้แทบทุกร้าน)
- ขาไป แวะซื้อขนม เครื่องดื่มทั่วไป แบบจุใจที่กินได้ 9 คน 2 วัน 1 คืน (ซื้อตาม Lotus Express ก่อนเข้าเขื่อน เลือกขนมแบบ ซื้อ 1 แถม 1)
- ขาไป แวะซื้อเครื่องดื่มสำหรับ มอมคน 9 คนให้มึนได้ ตรงท่าเรือที่เขื่อน (พบว่าราคาเบียร์ยกแพ็ค 24 กระป๋อง เท่ากับร้านข้างนอก ซื้อตรงท่าเรือแหละ ไม่ต้องแบกให้หนัก)
- ขากลับ มื้อเที่ยงกินซีฟู้ดที่ร้านอาเตี่ยซีฟู้ด รอเวอร์ไซด์
- ขากลับ มื้อเย็นกินข้าวต้มโต้รุ่งแถวปราณบุรี (ขออภัย จำชื่อร้านไม่ได้ครับ)
ปล. เรื่องการกิน การดื่ม ก็ตามแต่ตกลงกันในทีมแล้วกันนะครับ 😀
(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)
จะเดินทางไปอย่างไร?
เดินทางโดยรถยนต์ หรือเหมารถตู้ไปกันเอง
จากกรุงเทพฯ ลงใต้โดยใช้ถนนเพชรเกษม) จะผ่านจังหวัดสมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี- ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร แล้วจะถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทางประมาณ 685 กม.
ซึ่งถ้ามีเวลาแล้วจัดเต็มมันส์ๆ ผมขอแนะนำให้แวะเที่ยว อัมพวา นอนหัวหินหรือปราณบุรีสักคืน แล้วค่อยไปสุราษฎร์ธานี จะได้ไม่เหนื่อยมากนัก 😀
เดินทางโดยรถไฟ
มีขบวนไปทุกวันครับ (สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีอยู่ในอำเภอพุนพิน) ทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ ใช้เวลาประมาณ 9-11 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1690 หรือ www.railway.co.th
เดินทางโดยรถทัวร์
มีให้เลือกหลายบริษัทและมีหลายช่วงเวลาครับ แต่ที่ผมคิดว่าสะดวกหน่อยคือ ลองหาจาก ThaiRoute.com ซึ่งจะมีให้บริการดังนี้ครับ (จริงๆ มีเยอะกว่านี้ แนะนำให้ตรวจสอบที่ บขส โดยตรง โทร.1490 หรือเว็บไซต์ transport.co.th ครับ)
ศรีสุเทพทัวร์ (VIP32, VIP24)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 07:00, 17:00, 18:30, 19:00, 19:50, 20:00
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): 17:30
บัส เอ็กซ์เพลส (VIP24, ป.1)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 17:00, 19:40
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): —
บางกอกบัสไลน์ (VIP32)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 17:00
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): 19:30
เดินทางโดยเครื่องบิน
ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่สุราษร์ธานี มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งวันและหลายสายการบินให้เลือก ค่อนข้างสะดวกและราคาไม่แพงนัก ผมเลยเอาเวลามาให้ดูกันคร่าวๆ เผื่อสนในครับ (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน)
AirAsia
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 07:00, 09:50, 11:40, 14:30, 19:30
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 08:40, 11:25, 13:20, 16:10, 20:50
Nok Air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 06:10, 09:20, 12:40, 16:25
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 07:50, 11:00, 14:20, 18:10
Thai Smile Air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 08:25, 17:45
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 10:10, 19:30
Thai Lion air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 08:55, 14:00, 15:05, 18:55
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 1:10, 15:50, 17:00, 21:00
การเดินทางจากในเมืองสุราษฎร์ – เขื่อนเชี่ยวหลาน
– นั่งรถตู้ สุราษฎร์- ตาขุน – เขื่อนรัชชประภา ที่ตลาดเกษตร 2 (ประมาณคนละ 150 บาท)
– รถบัส สาย 444 กระบี่-พังงา-ทุ่งมะพร้าว-ปากทางทับละมุ-เขาหลัก-ปากทางน้ำเค็ม-ตะกั่วป่า-อุทยานแห่งชาติเขาสก รถออกจาก บ.ข.ส. กระบี่ (ตลาดเก่า) เวลา 11.30 น. รถออกจากปากทางอุทยานแห่งชาติเขาสก เวลา 09.00 น.
ข้อมูลจาก PaiDuayKan.com
จะเลือกที่พักนอนแพอย่างไรดี
แพที่เชี่ยวหลานมีให้เลือกเยอะมากครับ ส่วนมากจะคล้ายกันคือเป็นเรือนแพไม้ เก่าบ้างใหม่บ้าง ก็ต้องตามดูรีวิวกันไป แต่ที่ดังๆ คนนิยมไปพัก มีตามนี้เลย
(เราเลือกพักที่แพสายชล เพราะมีห้องว่าง และราคาไม่แพง)
แพสายชล
โทร 077-346013, 081-891-6052
http://saicholsouthernthailand.com
แพนางไพร
โทร 077-095025, 077-299318, 077-395139
แพ 500 ไร่ (ดังมาก ดีมาก ตามราคาที่ต้องจ่ายมากเช่นกัน T-T)
โทร 077-953013, 095-4100011, 095-4100022, 095-4100033
http://www.500rai.com
แพภูตะวัน
โทร 081-606-9007
http://www.ratchaprapadam.com
แพไพรวัลย์
โทร 080-6924-247
เฮ้ย! ไปแน่นอน แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร?
โอเคๆ อันนี้ เหมือนไปเที่ยวสถานที่ทั่วไปเลยครับ 2 วัน 1 คืน แต่สิ่งที่ต้องเตรียมไปเพิ่มพิเศษหน่อย คงมีดังนี้
- หมวกและแว่นตากันแดด ตอนที่นั่งเรือเล่น
- ผ้าขาวม้า หรือผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ๆ หรือผ้าเช็ดตัว เพราะตอนนั่งเรือน้ำจะกระเด็นครับ
- ชุดสำหรับเล่นน้ำ สัก 1 ชุดก็พอ เล่นแล้วก็ตาก ตื่นมาใส่ชุดเดิมเล่นได้ใหม่ เพราะเป็นน้ำจืดใสๆ ไม่เหม็น ไม่ติดขี้เกลือ ไม่เหนียว เหมือนทะเล
- กล้องถ่ายรูป ดีๆสักตัว ถ้ากันน้ำได้ก็จะยิ่งดีมาก ถ้ากันไม่ได้ก็หาซองกันน้ำใส่ซะนะ
- สุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ เพื่อนร่วมทาง ยิ่งมาก ยิ่งมันส์ (ถ้าไปคนเดียว ผมคิดว่ามันจะเหงาๆ เปลี่ยวๆมากครับ สำหรับที่นั่น)
- ยาทากันยุง กลางคืนตอนกินข้าว มีนิดหน่อย ไม่เยอะมาก
[SR] เขาสก สองวันก็มันส์ได้ กินหรูอยู่สบาย ไม่ต้องง้อทัวร์ (คู่มือพาเที่ยว)
(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)
เจอรีวิวเขาสกเยอะมาก เต็มไปด้วยรูปสวยๆ ทั้งนั้นเลย แต่ก็ยังมีคนอยากไปและถามถึงวิธีไปเยอะเช่นกัน คิดแล้วก็แปลกดี ไม่ค่อยมีคนเขียนแนว How To เท่าไร (สงสัยคิดว่าง่าย เลยมองข้ามไป)
เอาหละ รีวิวนี้ผมจะแชร์ข้อมูลสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน และต้องการไปเขาสกกับเพื่อนๆสักครั้ง
ปล. เที่ยวครั้งนี้ ภาพถ่ายทั้งหมดของผม จะใช้ Samsung NX500 และเลนส์ 16-50 mm ซึ่งทาง Samsung ให้มาทดลองใช้ แต่ด้วยความเป็นแค่นักท่องเที่ยวไม่ใช่ตากล้อง ก็คงพูดถึงกล้องที่ใช้ในมุมนักท่องเที่ยวมากกว่าจะเขียนถึงเชิงลึกและเทคนิค หากใครสนใจข้อมูลเทคนิคก็ลองดูเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ กล้องดิจิตอล Samsung NX500 , กราบขอบพระคุณ Samsung ไว้ ณ ที่นี้ งามๆ
เอาหละ เรามาเริ่มกันที่ เขาสกคือที่ไหน??
เอิ่ม ทำเป็นเล่นไป ประเด็นนี้ ผมกับเพื่อนๆ งง กันเลยทีเดียว เมื่อลุงคนขับรถตู้ ถามว่า “จะไปไหน จะไปเขาสก หรือไปเขื่อนรัชชประภา” ต่อด้วยคำถามว่า “มันที่เดียวกันหรือเปล่า แล้วเขื่อนเชี่ยวหลานล่ะ” งงกันทั้งคันรถครับ!!
จริงๆแล้วเขาสกที่เราเรียก ชื่อเต็มคือ “อุทยานแห่งชาติเขาสก” อยู่ในจังหวัดสุราฎร์ธานี ซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่มาก และที่ที่เราไปนอนแพ ล่องเรือเที่ยวกันนั้น เรียกว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” (ชื่อเดิม) และในหลวงทรงพระราชทานชื่อใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” (แปลว่า แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร) ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเขาสก นั่นเอง
อ่อ ด้วยความที่เขื่อนรัชชประภาเป็นภูเขาหินปูนผุดเป็นแท่งขึ้นมา จึงมีคนตั้งฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” (กุ้ยหลินของจริงอยู่ที่ประเทศจีน)
กุ้ยหลิน ประเทศจีน (ภาพจาก chinatravelca.com)
เทียบกับกุ้ยหลินของจริง คิดว่าเหมือนป่ะครับ? (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)
ต้องมีเวลาเที่ยวเท่าไรถึงจะพอ
พวกเราไปกันที่ 2 วัน 1 คืน โดยเดินทางกัน คืนวันศุกร์ ถึงเขื่อนเช้าวันเสาร์ และกลับบ่ายวันอาทิตย์
ถามว่าลอกทริปไปแบบเราได้ไหม ไปตามได้ครับ แต่เหนื่อยมากกกก เพราะจะมีเวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 1 วัน 1 คืน, ลืมชีวิต Slow Life แบบจิบกาแฟ นั่งๆนอนๆ อ่านหนังสือ ไปได้เลย เพราะจะได้ทำกิจกรรมกันทั้งวัน ตั้งแต่ นั่งเรือชมวิว เดินป่า ล่องแพ เที่ยวถ้ำปะการัง กินข้าวเที่ยง กินข้าวเย็น โดดน้ำเล่น พายเรือคายัค ถ้าเจอแพที่มีดิสโก้เทค ร้องคาราโอเกะ ก็ยาวๆกันไปทั้งคืนเลยทีเดียว
(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)
(ขอบคุณรูปภาพจาก Boy คร้าบ)
จริงๆ แนะนำให้ไปสัก 3 วัน 2 คืน กำลังดีครับ โดยอีก 1 วันที่เพิ่มมา ให้ล่องเรือลึกเข้าไปในเขื่อนเพื่อชมวิวและส่องสัตว์ จากนั้นเดินป่าปีนเขาเพื่อไปจุดชมวิว มองเขื่อนมาจากมุมสูง
ฤดูกาลไหนที่ควรไปเที่ยว
ผมคิดว่าที่นี่ไปได้ทั้งปีนะ เพราะผมไปครั้งแรกเดือนเมษายน (เมื่อ 5 ปีก่อน) อากาศเย็นๆ มีหมอก และฝนประปราย ซึ่งปีนี้ที่ผมเพิ่งไปมา (ต้นเดือนกันยายน) ก็เหมือนกันเลย อากาศเย็นๆ มีหมอก เจอฝนนิดหน่อย ช่วงเย็น-ค่ำ
ไปมาสองครั้ง อากาศดีทุกครั้ง คิดว่าบรรยากาศคงเป็นแบบนี้ตลอดมั้งนะ (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)
สองข้างทางตอนเข้าเขื่อน สวยงามตามท้องเรื่อง (ถ่ายโดย Samsung NX500 + ปรับสีให้เหมือนกล้องฟิล์มแบบ Hipster ชิคๆคูลๆ)
แต่ถ้าอ่านจากเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติ เขาแนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม-เมษายน เพราะช่วงอื่นๆ จะมีฝนตกตลอด
ค่าใช้จ่ายล่ะ?
ถ้าไปแบบมีแค่ค่าเดินทางและค่าทริปเพียวๆเลย สำหรับหารกัน 9 คน ตกคนละ 2,100 บาท เองครับ
แต่ๆๆ ทริปนี้เราไปกันแบบสบายๆ ไม่ได้เน้นถูกที่สุด แต่ขอคุ้มค่า ง่ายๆ เมาปลิ้น ดิ้นกระจาย อิ่มท้องนอนตาหลับ ค่าใช้จ่ายของเราก็เลยเพิ่มเป็นประมาณคนละ 3,600 บาท
ไอ้ที่เพิ่มมาอีก 1,500 บาท เนี่ย เป็นที่มาของทริปเลยว่าทำไมเรียกว่า กินหรู อยู่สบาย
- ขาไป กินข้าวเช้าที่ท่าเรือตรงเขื่อนครับ กระจายรายได้ เสียประมาณคนละ 100 บาท (ราคาแบบนี้แทบทุกร้าน)
- ขาไป แวะซื้อขนม เครื่องดื่มทั่วไป แบบจุใจที่กินได้ 9 คน 2 วัน 1 คืน (ซื้อตาม Lotus Express ก่อนเข้าเขื่อน เลือกขนมแบบ ซื้อ 1 แถม 1)
- ขาไป แวะซื้อเครื่องดื่มสำหรับ มอมคน 9 คนให้มึนได้ ตรงท่าเรือที่เขื่อน (พบว่าราคาเบียร์ยกแพ็ค 24 กระป๋อง เท่ากับร้านข้างนอก ซื้อตรงท่าเรือแหละ ไม่ต้องแบกให้หนัก)
- ขากลับ มื้อเที่ยงกินซีฟู้ดที่ร้านอาเตี่ยซีฟู้ด รอเวอร์ไซด์
- ขากลับ มื้อเย็นกินข้าวต้มโต้รุ่งแถวปราณบุรี (ขออภัย จำชื่อร้านไม่ได้ครับ)
ปล. เรื่องการกิน การดื่ม ก็ตามแต่ตกลงกันในทีมแล้วกันนะครับ 😀
(ขอบคุณรูปภาพจาก Jai คร้าบ)
จะเดินทางไปอย่างไร?
เดินทางโดยรถยนต์ หรือเหมารถตู้ไปกันเอง
จากกรุงเทพฯ ลงใต้โดยใช้ถนนเพชรเกษม) จะผ่านจังหวัดสมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี- ประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร แล้วจะถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทางประมาณ 685 กม.
ซึ่งถ้ามีเวลาแล้วจัดเต็มมันส์ๆ ผมขอแนะนำให้แวะเที่ยว อัมพวา นอนหัวหินหรือปราณบุรีสักคืน แล้วค่อยไปสุราษฎร์ธานี จะได้ไม่เหนื่อยมากนัก 😀
เดินทางโดยรถไฟ
มีขบวนไปทุกวันครับ (สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีอยู่ในอำเภอพุนพิน) ทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ ใช้เวลาประมาณ 9-11 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1690 หรือ www.railway.co.th
เดินทางโดยรถทัวร์
มีให้เลือกหลายบริษัทและมีหลายช่วงเวลาครับ แต่ที่ผมคิดว่าสะดวกหน่อยคือ ลองหาจาก ThaiRoute.com ซึ่งจะมีให้บริการดังนี้ครับ (จริงๆ มีเยอะกว่านี้ แนะนำให้ตรวจสอบที่ บขส โดยตรง โทร.1490 หรือเว็บไซต์ transport.co.th ครับ)
ศรีสุเทพทัวร์ (VIP32, VIP24)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 07:00, 17:00, 18:30, 19:00, 19:50, 20:00
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): 17:30
บัส เอ็กซ์เพลส (VIP24, ป.1)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 17:00, 19:40
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): —
บางกอกบัสไลน์ (VIP32)
กรุงเทพฯ (สายใต้) – สุราษฎร์ธานี: 17:00
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ (สายใต้): 19:30
เดินทางโดยเครื่องบิน
ผมก็เพิ่งรู้ว่าที่สุราษร์ธานี มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งวันและหลายสายการบินให้เลือก ค่อนข้างสะดวกและราคาไม่แพงนัก ผมเลยเอาเวลามาให้ดูกันคร่าวๆ เผื่อสนในครับ (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน)
AirAsia
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 07:00, 09:50, 11:40, 14:30, 19:30
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 08:40, 11:25, 13:20, 16:10, 20:50
Nok Air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 06:10, 09:20, 12:40, 16:25
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 07:50, 11:00, 14:20, 18:10
Thai Smile Air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 08:25, 17:45
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 10:10, 19:30
Thai Lion air
กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี: 08:55, 14:00, 15:05, 18:55
สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพฯ: 1:10, 15:50, 17:00, 21:00
การเดินทางจากในเมืองสุราษฎร์ – เขื่อนเชี่ยวหลาน
– นั่งรถตู้ สุราษฎร์- ตาขุน – เขื่อนรัชชประภา ที่ตลาดเกษตร 2 (ประมาณคนละ 150 บาท)
– รถบัส สาย 444 กระบี่-พังงา-ทุ่งมะพร้าว-ปากทางทับละมุ-เขาหลัก-ปากทางน้ำเค็ม-ตะกั่วป่า-อุทยานแห่งชาติเขาสก รถออกจาก บ.ข.ส. กระบี่ (ตลาดเก่า) เวลา 11.30 น. รถออกจากปากทางอุทยานแห่งชาติเขาสก เวลา 09.00 น.
ข้อมูลจาก PaiDuayKan.com
จะเลือกที่พักนอนแพอย่างไรดี
แพที่เชี่ยวหลานมีให้เลือกเยอะมากครับ ส่วนมากจะคล้ายกันคือเป็นเรือนแพไม้ เก่าบ้างใหม่บ้าง ก็ต้องตามดูรีวิวกันไป แต่ที่ดังๆ คนนิยมไปพัก มีตามนี้เลย
(เราเลือกพักที่แพสายชล เพราะมีห้องว่าง และราคาไม่แพง)
แพสายชล
โทร 077-346013, 081-891-6052
http://saicholsouthernthailand.com
แพนางไพร
โทร 077-095025, 077-299318, 077-395139
แพ 500 ไร่ (ดังมาก ดีมาก ตามราคาที่ต้องจ่ายมากเช่นกัน T-T)
โทร 077-953013, 095-4100011, 095-4100022, 095-4100033
http://www.500rai.com
แพภูตะวัน
โทร 081-606-9007
http://www.ratchaprapadam.com
แพไพรวัลย์
โทร 080-6924-247
เฮ้ย! ไปแน่นอน แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร?
โอเคๆ อันนี้ เหมือนไปเที่ยวสถานที่ทั่วไปเลยครับ 2 วัน 1 คืน แต่สิ่งที่ต้องเตรียมไปเพิ่มพิเศษหน่อย คงมีดังนี้
- หมวกและแว่นตากันแดด ตอนที่นั่งเรือเล่น
- ผ้าขาวม้า หรือผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ๆ หรือผ้าเช็ดตัว เพราะตอนนั่งเรือน้ำจะกระเด็นครับ
- ชุดสำหรับเล่นน้ำ สัก 1 ชุดก็พอ เล่นแล้วก็ตาก ตื่นมาใส่ชุดเดิมเล่นได้ใหม่ เพราะเป็นน้ำจืดใสๆ ไม่เหม็น ไม่ติดขี้เกลือ ไม่เหนียว เหมือนทะเล
- กล้องถ่ายรูป ดีๆสักตัว ถ้ากันน้ำได้ก็จะยิ่งดีมาก ถ้ากันไม่ได้ก็หาซองกันน้ำใส่ซะนะ
- สุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ เพื่อนร่วมทาง ยิ่งมาก ยิ่งมันส์ (ถ้าไปคนเดียว ผมคิดว่ามันจะเหงาๆ เปลี่ยวๆมากครับ สำหรับที่นั่น)
- ยาทากันยุง กลางคืนตอนกินข้าว มีนิดหน่อย ไม่เยอะมาก