อีกเพียงอาทิตย์กว่าๆเราก็จะเข้าสู่ 3 เดือนสุดท้ายของปี 2015 กันแล้ว เมื่อมาดูจากตารางหนังที่จะเข้าฉายในบ้านเรา ก็เรียกได้ว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาแย่งพื้นที่บทตาราง Box Office อีกครั้งหนึ่งหลังจากในช่วงหลังซัมเมอร์ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าค่อนข้างจะเงียบเหงา (ถ้าไม่นับความสุดยอดของ Mission Impossible 5) วันนี้เลยนำโปรแกรมของ 3 เดือนที่เหลือโดยคัดเฉพาะเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจมาให้ทุกท่านได้เลือกกันนะครับ โดยผมจะเลือกเรื่องที่ผมคิดว่าน่าดูที่สุดเพียงเดือนละ 1 เรื่องเท่านั้น
มาถึงเดือนแรกกันเลย สำหรับเดือนตุลาคมหรือเดือนน่านี้เองครับ มีหนังที่น่าสนใจและน่าจะทำเงินในบ้านเราถึง 10 เรื่องด้วยกัน ตาม List ข้างล่างนี้เลย
1. เมย์ไหนไฟแรงเฟร่อ เข้าวันที่ 1 ตุลาคม 2015
2. Hotel Transylvania เข้าวันที่ 1 ตุลาคม 2015
3. The Martian เข้าวันที่ 1 ตุลาคม 2015
4. Sinister 2 เข้าวันที่ 8 ตุลาคม 2015
5. Pan เข้าวันที่ 8 ตุลาคม 2015
6. Sicario เข้าวันที่ 8 ตุลาคม 2015 (Sneak Preview 24 กันยายน – 7 ตุลาคม)
7. Crimson Peak เข้าวันที่ 15 ตุลาคม 2015
8. The Walk เข้าวันที่ 15 ตุลาคม 2015 (Sneak Preview 8 - 14 ตุลาคม)
9. The Last Witch Hunter เข้าวันที่ 22 ตุลาคม 2015
10. Bridge of Spies เข้าวันที่ 22 ตุลาคม 2015
จาก List ภาพยนตร์ทั้ง 10 เรื่องของเดือนตุลาคม หากมองจากชื่อชั้นของผู้กำกับและนักแสดงนำของแต่ละเรื่องแล้ว เรียกได้ว่าค่อนข้างจะเป็นเดือนที่เลือกยากมากๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เหลือตัวเลือกเพียง 2 ตัวเรื่องคือ Crimson Peak และ The Martian เนื่องจากต้องยอมรับว่าผลงานเรื่องที่ผ่านๆมาของ Guillermo del Toro ค่อนข้างจะถูกจริตผมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Hell Boy Duology , Pan's Labyrinth หรือแม้แต่ผลงานล่าสุดอย่าง Pacific Rim ที่ต้องยอมรับว่าผมดูไปไม่ต่ำกว่า 5 รอบแน่นอน และสำหรับ The Martian ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ผมนั่งภาวนาให้ลุง Ridley Scott กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง หลังจากคว่ำสนิทกับไม่ว่าจะกำกับเองหรือแค่ Producer ไม่ว่าจะเป็น Child 44 , Robin Hood และเรื่องที่ทำให้ผมนั่งสบถหลังดูจบไปประมาณ 3 วัน อย่าง Exodus: Gods and King ที่ไม่รู้ว่าตอนกำกับลุงคิดอะไรอยู่
ในท้ายที่สุดแล้วผมก็จำเป็นที่จะต้องเลือกเพียงเรื่องเดียว ซึ่งเรื่องนั้นได้แก่ “The Martian” นั้นเองครับ
โดยส่วนตัวแล้วต้องบอกว่าแอบเชียร์ให้ลุง Ridley Scott ทำเรื่องนี้ออกมาได้ประทับใจคนดูอีกสักครั้ง เนื่องจากลุงนั้นถือได้ว่าเป็นผู้กำกับในตำนานอีกคนหนึ่งของวงการ ไม่ว่าจะเป็น Alien, Prometheus และหนังในตำนาน Blade Runner โดยตอนนี้ตัวหนังเองได้ออกฉายไปให้คนบางกลุ่มดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคะแนนของ IMDB ที่ออกมาก็อยู่ที่ประมาณ 8.6 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก หากเทียบกับความยอดเยี่ยมของตัวนวนิยายจากผลงานการเขียนโดย แอนดี้ เวียร์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของนักบินอวกาศหนุ่มที่ถูกทิ้งให้ต้องใช้ชีวิตอันโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่บนดาวอังคาร ซึ่งจากจากตัวอย่างทำให้เรามั่นใจได้ว่าอย่างน้อยงานกำกับภาพที่ค่อนข้างจะเป็นจุดเด่นของลุงก็ยังคงรักษามาตราไว้ได้เช่นเดิม
ตัวอย่างของภาพยนตร์ครับ
และภาพบางส่วนจากภาพยนตร์ครับ
และมาต่อกันที่เดือนพฤศจิกายนกันต่อเลยครับ สำหรับเดือนนี้ไม่น่าเชื่อว่ามีภาพยนตร์ในโปรแกรมฉายที่น่าสนใจเพียง 2 เรื่องเท่านั้นคือ
1. Bond 24 : Spectre เข้าวันที่ 5 พฤศจิกายน 2015
2. The Hunger Game : Mockingjay Part 2 เข้าวันที่ 19 พฤศจิกายน 2015
แต่ก็นั้นละครับจากตัวเลือกที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าการที่จะต้องเลือกดูเพียง 1 เรื่องเท่านั้น กลับกายเป็นเรื่องที่ยากไปในทันที เนื่องจากความยอดเยี่ยมของบอนต์ในเวอร์ชั่นของ Daniel Craig ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี้คือการเกิดใหม่อย่างภาคภูมิของซีรีย์สายลับที่กลายเป็นตำนานไปแล้วอย่าง James Bond ซึ่งความยอดเยี่ยมของ Casino Royale ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังสายลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล และ Skyfall ที่กวาดรายได้ไปมากกว่า 1000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาคนี้ถูกจับตามองและคาดหวังว่าต้องดีกว่าหรืออย่างน้อยก็เท่ากับภาคก่อน และสำหรับ The Hunger Game : Mockingjay Part 2 ที่ในที่สุดแล้วก็ได้ถึงเวลาที่จะต้องจบสักทีหลังจากที่บริษัทผู้สร้างพยายามยืดโดยแบ่งภาคสุดท้ายออกเป็นสองส่วน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วต้องบอกว่า The Hunger Game : Mockingjay Part 1 เปรียบเสมือนการนั่งอ่านคำนำหรือคำนิยามของหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีแต่ความเข้มข้น การปลุกเร้า และแกนหลักของเรื่อง แต่ไม่ได้ช่วยทำให้หนังสือน่าจดจำแต่อย่างใด ดังนั้น The Hunger Game : Mockingjay Part 2 จึงถูกคาดหวังจากแฟนๆให้กลับมาเหมือนกับภาค 1 และ 2 อีกครั้งหนึ่ง และปิดฉากของนวนิยายสุดฮิตเล่มนี้ได้อย่างสวยงาม
สุดท้ายแล้วการเลือกของผมก็อาจจะไม่ตรงอย่างที่หลายๆคนคาดไว้ เพราะหนังที่ผมเลือกได้แก่ “Bond 24 : Spectre” นั้นเองครับ
แม้โปสเตอร์แรกที่ออกมาจะมีกลิ่นอายของ James Bond เวอร์ชั่น Sean Connery แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากหลายคนว่า การจัดแสงเงารวมไปถึงองค์ประกอบค่อนข้างเชยและไร้เสน่ห์ไปสักหน่อย ซึ่งอดให้ชวนคิดไม่ได้ว่าตัวหนังที่ออกมาจะแย่เหมือนโปสเตอร์หรือเปล่า แต่เมื่อมองจากตัวอย่างที่ถูกปล่อยออกมาทั้ง 2 เวอร์ชั่น ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจได้ว่า ตัวหนังจะอัดแน่นไปด้วยฉากแอ๊คชั่นที่น่าตื่นตาและการแสดงที่ยอดเยี่ยมจาก Daniel Craig , Ralph Fiennes และสุดยอดนักแสดงที่มีรางวัลออสการ์การันตีอย่าง Christoph Waltz แน่นอน นอกเหนือจากนั้น สาวบอนด์คนใหม่อย่าง Léa Seydoux ก็ดูจะอีกหนึ่งสาวบอนด์ที่น่าจะถูกจดจำไปอีกนานจากการแสดงสีหน้าท่าทางที่สุดแสนจะมีเสน่ห์ของเธอ จากข้อความที่ผมกล่าวมาเหมือนผมจะสื่อว่า Spectre จะเป็นหนังที่ไม่น่าจะมีจุดบกพร่องเลย ซึ่งจริงๆสิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุดในเรื่องนี้คือ การแสดงของยอดนักมวยปล้ำอย่าง Dave Bautista ซึ่งต้องกล่าวตรงๆว่าจากหลายเรื่องที่ผ่านมาสำหรับผม เขาสอบตกแบบไม่มีชิ้นดี ไม่ว่าจะเป็น The Man with the Iron Fists , Riddick หรือแม้แต่หนังสุดฮิตในปี 2014 อย่าง Guardians of the Galaxy ซึ่ง Dave แสดงออกมาได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า ก้อนหิน และ ท่อนไม้ มากๆซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Dave จะไม่ทำแบบนั้นอีกใน Spectre
และสำหรับตัวอย่างครับ
พร้อมภาพบางส่วนภาพยนตร์ครับ
และมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2015 กันแล้วนะครับ สำหรับเดือนนี้ก็มีตั้งแต่อะนิเมชั่นน่ารักมุ๊งมิ๊งไปจนถึงหนังระดับตำนานกันเลยทีเดียว ซึ่งรายชื่อและวันเข้าฉายดังนี้ครับ
1. The Good Dinosaur เข้าวันที่ 3 ธันวาคม 2015
2. In the Heart of the Sea เข้าวันที่ 3 ธันวาคม 2015
3. Star War The Force Awakens เข้าวันที่ 17 ธันวาคม 2015
4. Point Break เข้าวันที่ 24 ธันวาคม 2015
จากสองเดือนที่ผ่านมากหลายๆท่านอาจจะต้องคิดว่า ผมจะต้องยก 2 เรื่องจากใน List นี้มาเปรียบเทียบและบอกว่ามันยากเพียงไรที่ผมจะเลือกระหว่าง 2 ตัวเลือกนั้น แต่ท่านคิดผิดครับ!!! เพราะสิ่งที่ผมเลือกและจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจได้นั้น มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือ Star War The Force Awakens นั้นเองครับ
ซึ่งผมมั่นใจว่าหลายๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก็น่าจะรู้สึกอย่างเดียวผม ในตอนแรกที่การสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกประกาศออกมาและผู้กำกับคือ J.J. Abrams นั้นก็ทำให้มั่นใจได้แล้วว่าหนังเรื่องจะต้องออกมาประทับคนดูอย่างแน่นอน หากดูมาตรฐานของ J.J. Abrams จาก Star Trek Duology แล้วก็จะพบว่า ความสามารถของผู้กำกับคนนี้ทำให้ผมอดนึกเปรียบเทียบกับอีกหนึ่งสุดยอดผู้กำกับอย่าง Steven Spielberg เสียไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเล่าเรื่องของตัวหนัง ที่ทำออกมาได้สนุก เข้าใจง่าย ดูได้ทุกเพศทุกวัย และควรค่าแก่การนำมาดูซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกทั้งการกำกับภาพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ J.J. Abrams อย่างการใช้ flare lens ที่พร้อมจะสาดแสงเข้าหน้าผู้ชมให้หูตาแตกกันเลยทีเดียว มันยิ่งช่วยให้ผมเฝ้ารอที่จะชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างนับวันนับคืนกันเลยทีเดียว
สำหรับตัวอย่างที่ออกมาให้เราได้ชมกันนั้น ผมเชื่อว่าแค่ประโยคสั้นๆที่ว่า “ชิวอี้ เราถึงบ้านแล้ว” ก็น่าจะทำให้แฟนบอยกรีดร้องอย่างสุดเสียงได้แล้ว และเมื่อพูดถึงในฉากอื่นๆ ยิ่งทำให้เราคิดถึงวันเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นยาน X-Wing , ดาบเลเซอร์ , R2D2 และสุดยอดยานในตำนานอย่าง Millennium Falcon ซึ่งสิ่งที่ผมคิดว่าเราอาจจะเซอร์ไพร์ในภาคนี้คือเราอาจได้เห็นเจไดที่เป็นผู้หญิงก็เป็นไปได้ หากนับจากวันนี้ก็เหลือไม่ถึง 100 วันแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่าผมจะจองตั๋ววันแรกได้ทันเท่านั้นเอง
ตัวอย่างอีกเช่นเคยครับ
รูปบางส่วนอีกเหมือนกันครับ
ภาพยนตร์ 3 เรื่อง กับ 3 เดือนสุดท้ายของปี
มาถึงเดือนแรกกันเลย สำหรับเดือนตุลาคมหรือเดือนน่านี้เองครับ มีหนังที่น่าสนใจและน่าจะทำเงินในบ้านเราถึง 10 เรื่องด้วยกัน ตาม List ข้างล่างนี้เลย
1. เมย์ไหนไฟแรงเฟร่อ เข้าวันที่ 1 ตุลาคม 2015
2. Hotel Transylvania เข้าวันที่ 1 ตุลาคม 2015
3. The Martian เข้าวันที่ 1 ตุลาคม 2015
4. Sinister 2 เข้าวันที่ 8 ตุลาคม 2015
5. Pan เข้าวันที่ 8 ตุลาคม 2015
6. Sicario เข้าวันที่ 8 ตุลาคม 2015 (Sneak Preview 24 กันยายน – 7 ตุลาคม)
7. Crimson Peak เข้าวันที่ 15 ตุลาคม 2015
8. The Walk เข้าวันที่ 15 ตุลาคม 2015 (Sneak Preview 8 - 14 ตุลาคม)
9. The Last Witch Hunter เข้าวันที่ 22 ตุลาคม 2015
10. Bridge of Spies เข้าวันที่ 22 ตุลาคม 2015
จาก List ภาพยนตร์ทั้ง 10 เรื่องของเดือนตุลาคม หากมองจากชื่อชั้นของผู้กำกับและนักแสดงนำของแต่ละเรื่องแล้ว เรียกได้ว่าค่อนข้างจะเป็นเดือนที่เลือกยากมากๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เหลือตัวเลือกเพียง 2 ตัวเรื่องคือ Crimson Peak และ The Martian เนื่องจากต้องยอมรับว่าผลงานเรื่องที่ผ่านๆมาของ Guillermo del Toro ค่อนข้างจะถูกจริตผมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Hell Boy Duology , Pan's Labyrinth หรือแม้แต่ผลงานล่าสุดอย่าง Pacific Rim ที่ต้องยอมรับว่าผมดูไปไม่ต่ำกว่า 5 รอบแน่นอน และสำหรับ The Martian ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ผมนั่งภาวนาให้ลุง Ridley Scott กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง หลังจากคว่ำสนิทกับไม่ว่าจะกำกับเองหรือแค่ Producer ไม่ว่าจะเป็น Child 44 , Robin Hood และเรื่องที่ทำให้ผมนั่งสบถหลังดูจบไปประมาณ 3 วัน อย่าง Exodus: Gods and King ที่ไม่รู้ว่าตอนกำกับลุงคิดอะไรอยู่