สวัสดีค่ะ เราจะมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวสิงคโปร์
เที่ยวสิงคโปร์ครั้งนี้ การเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก และขึ้นเครื่องบินครั้งแรกด้วย
คือจริงแล้ว เราว่าจะไม่ไป เพราะแม่บอกว่าเราต้องจ่ายเงินเองทั้งหมด แต่เพื่อนเราก็ชวนเราไปจนได้

เรามีกำหนดการขึ้นเครื่องวันที่ 12สิงหาคม
แต่ก็เป็นต้องเซ็งไปเพราะเรื่อง ระบบเช็คอินของสายการบินล้ม กำหนดการต่างๆเลยต้องเปลี่ยน แล้วก็มีเวลาเที่ยวน้อยลงครึ่งวัน (เสียใจ)
เราขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ใช้เวลาประมาณ2ชม.ในการเดินทางถึงสิงคโปร์ เวลาที่นู้นเร็วกว่าบ้านเรา1ชม.




ถึงแล้วววว สิงคโปรรรรรรร์


และสิ่งที่เราเฟลต่ออีกคือกระเป๋าเราพัง ตรงที่จับของเราหลุด เวลาจะหิ้วทีก็ลำบากสุดๆ เราเกือบร้องไห้เลยแหละ อารมณ์ตอนนั้นติดลบมาก
พี่ที่ไปด้วยกันก็พาเราไปที่Lost and Found พ้นภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงไทย และสำเนียงสิงค์โปร์ใส่กันอยู่ซักพัก เราก็ได้ความว่า เขาไม่รับผิดชอบ ซึ่งเราก็เซ็งไป
ไกด์ท้องถิ่นที่จะมาพาเราเที่ยวก็แนะนำให้เราทำอะไรซักอย่าง(จำไม่ได้) แล้วต้องใช้เวลานาน เราด้วยความที่เกรงใจคนอื่นที่ไปด้วยก็เลย ปล่อยๆไป

เราออกจากสนามบินชางกีเพื่อไปที่ร้านอาหาร ระหว่างทางคือตึก+ต้นไม้ ตึก+ต้นไม้ ตึก+ต้นไม้ ตึก+ต้นไม้ ตึก+ต้นไม้ และตึก+ต้นไม้ เยอะมากกกกกกก เราแทบจะหาบ้านเดี่ยวไม่ได้ ไกด์บอกว่า คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่อยู่ที่แฟรตรัฐบาล เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีพื้นที่น้อย ตึกจึงต้องสูงเพื่อให้ประชาชนได้อยู่ ส่วนต้นไม้เป็นเรื่องของความเชื่อว่ามีต้นไม้เยอะก็คือมีชีวิตเยอะ คือรัฐบาลสิงคโปร์ต้องการเพิ่มจำนวนประชากรในประเทศให้มากขึ้น ต้นไม้เยอะก็คือจำนวนประชากรเยอะนั้นเอง  และที่เราชอบที่สุดคือด้วยความที่ช่วงนั้นเป็นวันชาติของสิงคโปร์(วันชาติชองสิงคโปร์วันที่9สิงหาคม) เราจะเห็นธงชาติสิงคโปร์อยู่ในทุกๆที่ ถ้าดูแฟรตรัฐบาลเขาจะมีธงชาติแขวนไว้ที่ระเบียงห้องทุกห้อง และเท่าที่เราฟังไกด์เล่านะ รัฐบาลสิงคโปร์จะคิดถึงประโยชน์ของประชาชนทุกๆด้าน
ในที่สุดเราก็ได้กินมื้อเย็นนนน มื้อเย็นมื้อแรกในสิงคโปร์ของเราเป็นข้าวมันไก่ ร้านอะไรไม่รู้เราจำไม่ได้ แต่เรารู้แค่ว่าอร่อยมาก แล้วคือไม่ได้อร่อยแค่ข้าวมันไก่นะ อาหารทุกอย่างอร่อยหมด แต่เพราะต้องไปเที่ยวต่อ เราเลยกินได้ไม่อิ่มเท่าไหร่ เสียใจมากกก(นี่ขนาดเรากินข้าว2ถ้วย)
หลังจากกินข้าว เราก็เข้าตัวเมือง(ไกด์บอกว่าถ้าจะเข้าเมืองเหมือนต้องเสียเงินด้วยนะ ถ้าเราจำไม่ผิด) ไปที่ Fountain of Wealth หรือ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง รีบมากเช่นกัน เพราะใกล้ที่จะปิดไม่ให้เข้าแล้ว
ที่นี่เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลยเพราะแทบจะวิ่งเข้าและวิ่งออกไปเที่ยวที่ต่อไป และเราก็กลัวกล้องเปียกด้วย

ต่อมาเราไปที่Merlion 1ใน2สถานที่ที่เรารู้จักในสิงคโปร์


ด้านหน้าของMerlion เป็นMarina Bay
และที่สำคัญคือวิวด้านหลังที่เป็นMarina Bay Sands นั่นคือประเด็นในการมาสิงคโปร์ครั้งนี้ของเราาาา


เราไม่ได้จะมาเล่นการพนันหรืออย่างไร เราจะมาถ่ายรูปปปปปป
คือคนที่เราชอบ เขาไปเที่ยวสิงคโปร์ เราเลยได้แรงบันดาลใจในการที่จะต้องไปเที่ยวสิงคโปร์และไปถ่ายรูปในที่เดียวกันให้ได้ ฮ่าๆๆๆๆ


เรานั่งรถวนMarina Bayเพื่อจะไปที่ตึกMarina Bay Sands
เราก็ไปดูการแสดงWonder Full – Light & Water ที่Marina Bay Sands เป็นการโชว์น้ำพุ ซึ่งคนเยอะมากกก แล้วเราคือเป็นผู้หญิงที่สูงแค่153ซม.เท่านั้น จึงค่อนข้างลำบากในการจะดูการแสดง เราเลยได้แต่ถ่ายรูปบริเวณรอบๆ แต่เท่าที่เราเห็นนะ คือเขาฉายแสงมาจากด้านบนของตัวตึก เท่าที่เราเห็นคือเด็กวิ่งเล่น แค่นั้นจริงๆ ฮือออออ
บริเวณที่เราดูการแสดง ตึกสูงเยอะมากกกก


หลังจากการแสดงจบ เราก็ไปนั่งเรือรอบMarina Bay แล้วก็ฟังประวัติของการสร้างอ่าวนี่ขึ้นมา (มีเทปบรรยายเป็นภาษาไทยนะ)

ได้เวลาเข้าโรงแรม เราพักที่Aqueen Hotel Lavender ห้องพักสะอาดดีมาก แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย แต่แนะนำพักที่นี่จริงๆคือดี
และด้วยความเคยชินเราเปิดทีวี แล้วเราก็พบรายการต่างๆที่เราฟังไม่รู้เรื่อง
เราไม่ได้ซื้อซิมที่นี่เพราะเราไม่ค่อยติดSocial Networkเท่าไหร่ แต่เราใช้WiFiของโรงแรมซึ่งสัญญาณดีมาก เราเลยได้โอกาสส่งข่าวให้พ่อกับแม่ และเพื่อนๆ แล้วนอนอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อย เป็นอันจบทริปสำหรับวันแรก


ตื่นเช้ามาวันที่2 อากาศตอนเช้าวันนั้นไม่ค่อยร้อนนะ เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมประมาณ7โมงครึ่ง อาหารมันออกจะจืดๆเลี่ยนๆ ซึ่งเราไม่ชอบ เราเลยได้กินแต่พวกซีเรียล ไม่ก็ขนมปังปิ้ง แล้วก็น้ำเปล่าค่อนข้างมีกลิ่น เราเลยเลี่ยงไปกินนมแทน



ช่วงเช้าเราไปทดลองเรียนที่โรงเรียนในสิงคโปร์เป็นโรงเรียนเล็กๆนะ ระดับชั้นนึงมีไม่กี่ห้องเอง แล้วแต่ละห้องก็ไม่เกิน20คนอะ เราไปอยู่ที่โรงเรียนครึ่งวัน เราได้เรียน2วิชา บอกเลยว่าเราไม่โอเค คือเรื่องฟังเราก็พอถูๆไถๆได้(เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษนะ) แต่ที่เราไม่ชอบคือเราไม่ชอบสังคมที่นู้นอะ เราว่าเขาเหมือนไม่สนใจกัน(หรือเพราะเราไปเรียนด้วยก็ไม่รู้นะ)




จริงแล้วเราวางแผนว่าจะไปกินBak Kut Teh(จองไว้แล้ว) แต่กรุ๊ปเวียดนามที่จองก่อนเราเขามาช้า ถ้าเราจะกินจริงๆเราก็ต้องรอกรุ๊ปเวียดนามมาก่อน แต่เราก็อยากไปเที่ยวต่อ เราเลยตัดสินใจยังไม่กิน แล้วค่อยกลับมากินเป็นอาหารเย็นที่นี่


เราข้ามมาที่เกาะSentosa แล้วก็มาถึงอีก1สถานที่ที่เรารู้จักในสิงคโปร์ นั้นก็คืออออออ Universal
แต่เรามีเวลาอยู่ที่นี่ประมาณ3ชั่วโมง(น้อยมากกกกก สำหรับเราที่มีUniversalเป็นหนึ่งเหตุผลหลักๆในการไปเที่ยวครั้งนี้)



เราไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไรเลย ตอนแรกเราไปต่อแถวTranformer แล้วเหมือนจะมีปัญหาอะไรซักอย่างอะ เราเลยออกมา เราเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง แล้วเราก็ไปต่อแถวรถไฟเหาะ(เราไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร)คือเราตั้งใจมากที่จะเล่นอันนี้อะ และก่อนที่จะได้เล่น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการฝากกระเป๋า เราให้เพื่อนเข้าไปต่อแถวก่อนแล้วเราออกมาเอาของฝากล็อคเกอร์ แล้วเราจองล็อคเกอร์ไม่เป็นนนน เราก็ไม่ค่อยกล้าใช้ภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ก็เลยลองทำเองก่อนแต่ก็ไปไม่รอด เลยต้องขอความช่วยเหลือจากพนักงานที่ดูแลเรื่องล็อคเกอร์ช่วย และนั้นคือเราต้องใช้ภาษาอังกฤษ เอาจริงๆคือสนุกมากที่แบบเราต้องสื่อสารให้รู้เรื่องอะ ว่าเราต้องการอะไร เราบอกไว้เลยนะ ว่าใครที่ยังไม่กล้าใช้ภาษาอังกฤษอะ ลองเถอะ มันคือการท้าทายตัวเอง แล้วความจริงมันก็ไม่ยากเกินความสามารถเราหรอก จากเราที่ไม่กล้าเรายังติดใจเลย มาเล่าต่อละกัน พอเราจัดการเรื่องล็อคเกอร์เสร็จเราก็ไปหาเพื่อน แต่คือแถวยังยาวมากอยู่เลย เรากับเพื่อนเลยตัดใจกับการที่จะเล่นเครื่องเล่นทุกอย่าง และเราก็ตัดสินใจที่จะเดินซื้อของกัน และสิ่งที่ทำให้เราจะบ้าก็คือ เราเอามาแค่กระเป๋าเงิน กล้องกับโทรศัพท์ของเราอยู่กับเพื่อนอีกคนที่เดินแยกกัน เราก็เลยได้แต่เดินดูของไปเรื่อยๆ คือเราคิดไว้แล้วว่าเราจะไม่ซื้ออะไรที่นี่ แต่เราจะมาถ่ายรูป แล้วคือไม่มีกล้องงงงงง อยากร้องไห้มากกกกกก
เดินดูของได้เกือบชั่วโมง สิ่งที่เกิดขึ้นคือฝนตกจ้าาาา แต่ก็นะ ฟ้าหลังฝนมักงดงามเสมอ เราเจอเพื่อนคนที่เราฝากของไว้แล้ววว เราก็ไปกล้องจากเพื่อนแล้วก็เดินถ่ายรูปอย่างสบายใจ