กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิป หลังจากเป็นผู้อ่านของคนอื่นมาอย่างเมามันในระยะเวลายาวนาน ตอนนี้ ถึงเวลาสมัครสมาชิกเพื่อมาเขียนของตัวเองจริงจังๆเสียทีแล้วล่ะ ขออภัยหากกระทู้นี้เกิดขึ้นช้าไปหน่อย เพราะมัวแต่พิมพ์ใน Microsoft word แล้วค่อยเอามาลงทีเดียว
เริ่มเรื่องกันเลย ทริปนี้ผมเดินทางกันสองคนในวันที่ 19 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา โดยที่ตัวผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรีบไปซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าตั้ง 15 วัน ซึ่งความจริงคุณสามารถไปซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เลย(หากที่นั่งยังเหลือ) การซื้อตั๋วสามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟในเขตกรุงเทพฯทุกสถานี ราคา 120 บาท การเดินทางเที่ยวด้วยรถไฟครั้งนี้ผมเลือกไปเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งผมก็ยังอยากจะไปสวนสนประดิพัทธ์และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์(ต้องรอประมาณเดือนพ.ย.-ธ.ค.) โปรแกรมการท่องเที่ยวด้วยรถไฟสามารถดูได้จากเว็บของการรถไฟหรือจะพิมพ์ค้นหาในกูเกิลดูก็ได้ หากอยากถามรายละเอียดรถไฟนำเที่ยวโทร 1690 ได้เลย (ผมโทรไปสอบถามบ่อย)
การท่องเที่ยวด้วยรถไฟนำเที่ยวครั้งนี้ ต้นทางอยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง และจะไปสุดสายที่น้ำตกไทรโยคน้อย รถไฟจะออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 6.30 น. สามารถขึ้นรถไฟได้ตามสถานีหลักๆ ที่รถไฟวิ่งผ่าน(สายใต้) แต่ผมเลือกมาขึ้นที่สถานีรถไฟบางซื่อเพราะสะดวกในการเดินทางที่สุด แอบมาถึงสถานีรถไฟเร็วไปเลยเดินดูวิวอะไรไปเรื่อย
รถไฟมาถึงที่สถานีบางซื่อเวลา 6.50 น. เราก็รีบขึ้นรถไฟเพราะจอดให้ขึ้นแค่ไม่นาน(ตอนขึ้นต้องอ่านป้ายข้างขบวนให้ดีเพราะจะมีขบวนที่ไปน้ำตกกับสวนสนพ่วงมาด้วยกัน)
เมื่อขึ้นมาถึงเราก็ต้องนั่งตามที่นั่งและคันที่ระบุในตั๋วเพราะจะมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจตั๋ว ในระหว่างทางบนรถไฟเราก็จะเห็นการก่อสร้างข้างทาง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ข้ามไปฝั่งธน เข้านครปฐม
7.55 น. เราเดินทางมาถึงสถานีนครปฐม รถไฟจะจอดที่สถานีนี้ 40 นาที ให้เราลงไปกินข้าวหรือจะไปไหว้พระปฐมเจดีย์ก็ได้ เราสองคนสวมวิญญาณนักเดินเร็วไปพระปฐมเจดีย์ รีบไหว้ รีบทำบุญ เดินดูวิถีชีวิต แล้วเดินหาของกินขึ้นมากินบนรถไฟเพื่อให้มีเวลาเดินเที่ยวมากขึ้น แต่เหมือนจะโดนเล่นตลกนาฬิกาข้อมือที่ใส่ดันมาตายตอนลงไปเดินเที่ยว ยังดีที่เอะใจหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา เท่านั้นแหละรีบวิ่งขึ้นรถไฟแทบไม่ทัน เกือบได้เที่ยวนครปฐมถึงเย็นแล้วไหมล่ะ
8.35 น. ออกเดินทางจากสถานีรถไฟนครปฐม เราก็เริ่มจัดการมื้อเช้าที่ซื้อขึ้นมากินบนรถไฟ อร่อยดีนะข้าวเหนียวหมูมื้อนี้
9.00 น. เราเดินทางมาถึงที่ชุมทางหนองปลาดุก ที่สถานีนี้รถไฟจะจอดพักใหญ่เพื่อปลดขบวนหลังออก ที่สถานีนี้ขบวนนำเที่ยวน้ำตกกับนำเที่ยวสวนสนก็จะแยกกันแล้ว และเราจะกลับมาพบกันที่เดินตอนเย็นๆ นะ เมื่อรถออกมาได้สักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเดินพรีออเดอร์ของฝากต่างๆ ซึ่งคุณสามารถไว้และจะได้รับของตอนเย็นเมื่อเดินทางมาถึงชุมทางหนองปลาดุก ของฝากที่แนะนำคือ ขนมหม้อแกง ขนมชั้น ข้าวตัง ขนมบ้าบิ่น ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี เป็ดย่างเกลือเมืองกาญจน์ น้ำตาลสด
10.40 น. เราเดินทางมาถึงที่หยุดรถสถานีแควใหญ่ ที่สถานีนี้รถไฟจะหยุดให้เรามีเวลาเดินถ่ายรูปบนสะพานข้ามแม่น้ำแควประมาณ 20 นาที ขอบอกว่าวิวสวยมาก คนเยอะมาก แต่วันที่เราไปอากาศเป็นใจไม่ร้อน ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะตก
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหนักหน่วงก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางต่อไป เดินทางไปได้อีกสักพักเราก็จะผ่านช่วงไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้คือ “ทางรถไฟสายมรณะ” จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายืนรอชมรถไฟผ่านทางรถไฟสายมรณะบริเวณนี้
วิวสวยมาก ด้านซ้ายของรถไฟเป็นวิวแม่น้ำแควใหญ่ มองลงไปสวยมาก ได้ฉายาว่า “อะเมซอนเมืองไทย”
ส่วนด้านขวาของรถไฟก็จะเป็นหน้าผาหินปูน รถไฟจะแล่นผ่านบริเวณนี้ช้าๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ยื่นมือออกไปแตะหน้าผาแล้วเอามาแตะที่หน้าแล้วจึงอธิษฐานขอพร
เมื่อผ่านบริเวณนี้แล้วก็จะถึงสถานีรถไฟถ้ำกระแซ นักท่องเที่ยวบางส่วนก็จะลงเพื่อเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่อื่น แต่เราสองคนก็ยังมุ่งหน้าต่อไปยังน้ำตกไทรโยคน้อย
13.10 น. ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงน้ำตกไทรโยคน้อยด้วยอาการปวดตูดสุดๆ แต่ก่อนที่จะถึงน้ำตกไทรโยคเพียงสักครู่ รถไฟจะขับช้ามากแทบไม่ขยับ เพราะรถไฟต้องขึ้นเขาชันก่อนถึงหน้าน้ำตกไทรโยค พอรถไฟจอดสนิทผมไม่รีรอรีบลงจากรถไฟยืดเส้นยืดสาย แล้วรีบมุ่งหน้าไปที่น้ำตกทันที ก่อนถึงหน้าน้ำตกก็จะเจอหัวรถจักรไอน้ำจอดทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์
ถึงแล้วน้ำตกไทรโยคน้อย วันนี้คนเยอะ น้ำก็เยอะเพราะฝนตกต่อเนื่องหลายวันน้ำเลยมีสีขุ่นมาก T_T
เราสองคนไม่ได้ลงเล่นน้ำ แต่เดินสำรวจไปเรื่อยๆ เดินดูความสวยงามและการปรับปรุงภูมิทัศน์ของที่นี่ แล้วก็ไปหามื้อเที่ยงทาน
เราข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามน้ำตกเพื่อฝากท้อง เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ราคา 40 บาท รสชาติถือว่าโอเค หลังจากอาหารคาวก็ต้องมีอาหารหวานล้างปาก ไฮไลท์ของที่นี่เลย “โรตีมะพร้าวอ่อน” ราคา 35 บาทไทย มาสองครั้งที่แล้วพลาด ครั้งนี้เลยไม่ขอพลาดอีกแล้ว โอ้โห อร่อยอะ มีเนื้อมะพร้าวอ่อนนุ่มๆในโรตีด้วย
หลังจากนั้นเราทั้งคู่เดินขึ้นด้านบนของน้ำตก เพื่อที่จะไปยังต้นน้ำตกไทรโยค โดยนั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปยังต้นน้ำตก ระยะทาง 2 กม. ค่าเสียหายไป-กลับคนละ 20 บาท ทางไปต้นน้ำตกนี้แอดเวนเจอร์มาก เป็นหลุมเป็นบ่อ เละบ้างเรียบบ้าง แต่สนุกมากกับการนั่งพ่วงข้าง นั่งไปได้ไม่นานก็ถึงต้นน้ำตก
เราสองคนนั่งเล่นสักพัก แล้วก็เดินถ่ายรูป เอาขาจุ่มน้ำบ้าง ขอบอกปลาที่นี่โหดมาก ลงไปยืนในน้ำนี่ตอดขากันใหญ่เลย เมื่อเดินเล่นพอสมควรก็โทรเรียกรถพ่วงข้างให้มารับกลับไปข้างล่าง เพื่อไปขึ้นรถไฟกลับ
15.00 น. รถไฟก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงสถานีรถไฟท่ากิเลน รถไฟจะจอดให้เราทำธุระส่วนตัว 10 นาทีเราสองคนไม่รีรอลงรถไฟ ไม่ได้ไปทำธุระนะ ไปถ่ายรูปกัน 555
17.30 น. รถไฟจอดที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี เพื่อให้ลงไปเที่ยวสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณ 300 เมตร สามารถนั่งรถสองแถวไปได้ ราคา 10 บาท แต่ผมเลือกที่จะเดินมากกว่าเพราะไม่ไกล เราเดินด้วยความเร็วแสงไม่นานก็ถึงสุสานทหารสัมพันธมิตรเป็นคู่แรก เก็บภาพบรรยากาศนิดหน่อยและรีบเดินกลับไปขึ้นรถไฟ(เค้าไม่อยากนอนค้างที่กาญจนบุรี)
17.50 น. โบกมืออำลากาญจนบุรีจริงๆจังๆเสียที แล้วเราจะมาพบกันใหม่ทริปหน้า แต่การเดินทางของเรายังไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เพราะจุดหมายของเรายังอีกยาวไกล
19.30 น. หลังจากระบมรวดร้าวจากการเดินทางไกล เราก็มาถึงชุมทางหนองปลาดุกเพื่อมาต่อขบวนกับขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสน เมื่อรถไฟออกจากสถานีได้สักพัก เจ้าหน้าที่ก็จะเดินแจกของฝากที่เราพรีออเดอร์ไว้เมื่อตอนเช้า มีบางคนแอบหิว กินใหญ่เลย ไม่ได้ถามว่าอร่อยไหม แต่ดูจากการที่เกลี้ยงกล่องคงไม่หิวก็อร่อย 55
21.00 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟบางซื่อ ถือเป็นการปิดทริปในครั้งนี้
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่สนุกและประทับใจมากๆ เหนื่อยกับการเดินทาง แต่การได้เปิดประสบการณ์และการได้เห็นวิวข้างทางที่สวยงามมันทำให้หายเหนื่อย คุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้ ลองออกจากบ้านไปนั่งรถไฟเที่ยวกันเถอะ!
ขอบคุณผู้ร่วมทริปที่ไปด้วยกันทุกท่านในครั้งนี้ที่สร้างช่วงเวลาดีๆให้แก่ผม และก็ขออนุญาตบุคคลในภาพทุกท่านนำมาเสนอในที่นี้ ไม่ได้มีเจตนาอันใดทำให้เสียหาย เพียงแค่มาเผยแพร่และสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนเท่านั้น
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้ากาญจนบุรีต้นเดือนตุลาคม แล้วจะมารีวิวให้ได้อ่านอีกนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
*การเดินทางครั้งนี้เราบันทึกภาพด้วยกล้องจากมือถือ LENOVO-P70 และกล้อง Action camera 1080p Wi-fi
[CR] ไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อยกับรถไฟนำเที่ยวกันเถอะ(ม้วนเดียวจบ)
เริ่มเรื่องกันเลย ทริปนี้ผมเดินทางกันสองคนในวันที่ 19 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา โดยที่ตัวผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรีบไปซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าตั้ง 15 วัน ซึ่งความจริงคุณสามารถไปซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เลย(หากที่นั่งยังเหลือ) การซื้อตั๋วสามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟในเขตกรุงเทพฯทุกสถานี ราคา 120 บาท การเดินทางเที่ยวด้วยรถไฟครั้งนี้ผมเลือกไปเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งผมก็ยังอยากจะไปสวนสนประดิพัทธ์และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์(ต้องรอประมาณเดือนพ.ย.-ธ.ค.) โปรแกรมการท่องเที่ยวด้วยรถไฟสามารถดูได้จากเว็บของการรถไฟหรือจะพิมพ์ค้นหาในกูเกิลดูก็ได้ หากอยากถามรายละเอียดรถไฟนำเที่ยวโทร 1690 ได้เลย (ผมโทรไปสอบถามบ่อย)
การท่องเที่ยวด้วยรถไฟนำเที่ยวครั้งนี้ ต้นทางอยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง และจะไปสุดสายที่น้ำตกไทรโยคน้อย รถไฟจะออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 6.30 น. สามารถขึ้นรถไฟได้ตามสถานีหลักๆ ที่รถไฟวิ่งผ่าน(สายใต้) แต่ผมเลือกมาขึ้นที่สถานีรถไฟบางซื่อเพราะสะดวกในการเดินทางที่สุด แอบมาถึงสถานีรถไฟเร็วไปเลยเดินดูวิวอะไรไปเรื่อย
รถไฟมาถึงที่สถานีบางซื่อเวลา 6.50 น. เราก็รีบขึ้นรถไฟเพราะจอดให้ขึ้นแค่ไม่นาน(ตอนขึ้นต้องอ่านป้ายข้างขบวนให้ดีเพราะจะมีขบวนที่ไปน้ำตกกับสวนสนพ่วงมาด้วยกัน)
เมื่อขึ้นมาถึงเราก็ต้องนั่งตามที่นั่งและคันที่ระบุในตั๋วเพราะจะมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจตั๋ว ในระหว่างทางบนรถไฟเราก็จะเห็นการก่อสร้างข้างทาง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ข้ามไปฝั่งธน เข้านครปฐม
7.55 น. เราเดินทางมาถึงสถานีนครปฐม รถไฟจะจอดที่สถานีนี้ 40 นาที ให้เราลงไปกินข้าวหรือจะไปไหว้พระปฐมเจดีย์ก็ได้ เราสองคนสวมวิญญาณนักเดินเร็วไปพระปฐมเจดีย์ รีบไหว้ รีบทำบุญ เดินดูวิถีชีวิต แล้วเดินหาของกินขึ้นมากินบนรถไฟเพื่อให้มีเวลาเดินเที่ยวมากขึ้น แต่เหมือนจะโดนเล่นตลกนาฬิกาข้อมือที่ใส่ดันมาตายตอนลงไปเดินเที่ยว ยังดีที่เอะใจหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา เท่านั้นแหละรีบวิ่งขึ้นรถไฟแทบไม่ทัน เกือบได้เที่ยวนครปฐมถึงเย็นแล้วไหมล่ะ
8.35 น. ออกเดินทางจากสถานีรถไฟนครปฐม เราก็เริ่มจัดการมื้อเช้าที่ซื้อขึ้นมากินบนรถไฟ อร่อยดีนะข้าวเหนียวหมูมื้อนี้
9.00 น. เราเดินทางมาถึงที่ชุมทางหนองปลาดุก ที่สถานีนี้รถไฟจะจอดพักใหญ่เพื่อปลดขบวนหลังออก ที่สถานีนี้ขบวนนำเที่ยวน้ำตกกับนำเที่ยวสวนสนก็จะแยกกันแล้ว และเราจะกลับมาพบกันที่เดินตอนเย็นๆ นะ เมื่อรถออกมาได้สักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเดินพรีออเดอร์ของฝากต่างๆ ซึ่งคุณสามารถไว้และจะได้รับของตอนเย็นเมื่อเดินทางมาถึงชุมทางหนองปลาดุก ของฝากที่แนะนำคือ ขนมหม้อแกง ขนมชั้น ข้าวตัง ขนมบ้าบิ่น ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี เป็ดย่างเกลือเมืองกาญจน์ น้ำตาลสด
10.40 น. เราเดินทางมาถึงที่หยุดรถสถานีแควใหญ่ ที่สถานีนี้รถไฟจะหยุดให้เรามีเวลาเดินถ่ายรูปบนสะพานข้ามแม่น้ำแควประมาณ 20 นาที ขอบอกว่าวิวสวยมาก คนเยอะมาก แต่วันที่เราไปอากาศเป็นใจไม่ร้อน ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนจะตก
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหนักหน่วงก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางต่อไป เดินทางไปได้อีกสักพักเราก็จะผ่านช่วงไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้คือ “ทางรถไฟสายมรณะ” จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายืนรอชมรถไฟผ่านทางรถไฟสายมรณะบริเวณนี้
วิวสวยมาก ด้านซ้ายของรถไฟเป็นวิวแม่น้ำแควใหญ่ มองลงไปสวยมาก ได้ฉายาว่า “อะเมซอนเมืองไทย”
ส่วนด้านขวาของรถไฟก็จะเป็นหน้าผาหินปูน รถไฟจะแล่นผ่านบริเวณนี้ช้าๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ยื่นมือออกไปแตะหน้าผาแล้วเอามาแตะที่หน้าแล้วจึงอธิษฐานขอพร
เมื่อผ่านบริเวณนี้แล้วก็จะถึงสถานีรถไฟถ้ำกระแซ นักท่องเที่ยวบางส่วนก็จะลงเพื่อเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่อื่น แต่เราสองคนก็ยังมุ่งหน้าต่อไปยังน้ำตกไทรโยคน้อย
13.10 น. ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงน้ำตกไทรโยคน้อยด้วยอาการปวดตูดสุดๆ แต่ก่อนที่จะถึงน้ำตกไทรโยคเพียงสักครู่ รถไฟจะขับช้ามากแทบไม่ขยับ เพราะรถไฟต้องขึ้นเขาชันก่อนถึงหน้าน้ำตกไทรโยค พอรถไฟจอดสนิทผมไม่รีรอรีบลงจากรถไฟยืดเส้นยืดสาย แล้วรีบมุ่งหน้าไปที่น้ำตกทันที ก่อนถึงหน้าน้ำตกก็จะเจอหัวรถจักรไอน้ำจอดทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์
ถึงแล้วน้ำตกไทรโยคน้อย วันนี้คนเยอะ น้ำก็เยอะเพราะฝนตกต่อเนื่องหลายวันน้ำเลยมีสีขุ่นมาก T_T
เราสองคนไม่ได้ลงเล่นน้ำ แต่เดินสำรวจไปเรื่อยๆ เดินดูความสวยงามและการปรับปรุงภูมิทัศน์ของที่นี่ แล้วก็ไปหามื้อเที่ยงทาน
เราข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามน้ำตกเพื่อฝากท้อง เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น ราคา 40 บาท รสชาติถือว่าโอเค หลังจากอาหารคาวก็ต้องมีอาหารหวานล้างปาก ไฮไลท์ของที่นี่เลย “โรตีมะพร้าวอ่อน” ราคา 35 บาทไทย มาสองครั้งที่แล้วพลาด ครั้งนี้เลยไม่ขอพลาดอีกแล้ว โอ้โห อร่อยอะ มีเนื้อมะพร้าวอ่อนนุ่มๆในโรตีด้วย
หลังจากนั้นเราทั้งคู่เดินขึ้นด้านบนของน้ำตก เพื่อที่จะไปยังต้นน้ำตกไทรโยค โดยนั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปยังต้นน้ำตก ระยะทาง 2 กม. ค่าเสียหายไป-กลับคนละ 20 บาท ทางไปต้นน้ำตกนี้แอดเวนเจอร์มาก เป็นหลุมเป็นบ่อ เละบ้างเรียบบ้าง แต่สนุกมากกับการนั่งพ่วงข้าง นั่งไปได้ไม่นานก็ถึงต้นน้ำตก
เราสองคนนั่งเล่นสักพัก แล้วก็เดินถ่ายรูป เอาขาจุ่มน้ำบ้าง ขอบอกปลาที่นี่โหดมาก ลงไปยืนในน้ำนี่ตอดขากันใหญ่เลย เมื่อเดินเล่นพอสมควรก็โทรเรียกรถพ่วงข้างให้มารับกลับไปข้างล่าง เพื่อไปขึ้นรถไฟกลับ
15.00 น. รถไฟก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงสถานีรถไฟท่ากิเลน รถไฟจะจอดให้เราทำธุระส่วนตัว 10 นาทีเราสองคนไม่รีรอลงรถไฟ ไม่ได้ไปทำธุระนะ ไปถ่ายรูปกัน 555
17.30 น. รถไฟจอดที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี เพื่อให้ลงไปเที่ยวสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณ 300 เมตร สามารถนั่งรถสองแถวไปได้ ราคา 10 บาท แต่ผมเลือกที่จะเดินมากกว่าเพราะไม่ไกล เราเดินด้วยความเร็วแสงไม่นานก็ถึงสุสานทหารสัมพันธมิตรเป็นคู่แรก เก็บภาพบรรยากาศนิดหน่อยและรีบเดินกลับไปขึ้นรถไฟ(เค้าไม่อยากนอนค้างที่กาญจนบุรี)
17.50 น. โบกมืออำลากาญจนบุรีจริงๆจังๆเสียที แล้วเราจะมาพบกันใหม่ทริปหน้า แต่การเดินทางของเรายังไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เพราะจุดหมายของเรายังอีกยาวไกล
19.30 น. หลังจากระบมรวดร้าวจากการเดินทางไกล เราก็มาถึงชุมทางหนองปลาดุกเพื่อมาต่อขบวนกับขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสน เมื่อรถไฟออกจากสถานีได้สักพัก เจ้าหน้าที่ก็จะเดินแจกของฝากที่เราพรีออเดอร์ไว้เมื่อตอนเช้า มีบางคนแอบหิว กินใหญ่เลย ไม่ได้ถามว่าอร่อยไหม แต่ดูจากการที่เกลี้ยงกล่องคงไม่หิวก็อร่อย 55
21.00 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟบางซื่อ ถือเป็นการปิดทริปในครั้งนี้
ทริปนี้เป็นอีกทริปที่สนุกและประทับใจมากๆ เหนื่อยกับการเดินทาง แต่การได้เปิดประสบการณ์และการได้เห็นวิวข้างทางที่สวยงามมันทำให้หายเหนื่อย คุ้มค่ากับการเดินทางครั้งนี้ ลองออกจากบ้านไปนั่งรถไฟเที่ยวกันเถอะ!
ขอบคุณผู้ร่วมทริปที่ไปด้วยกันทุกท่านในครั้งนี้ที่สร้างช่วงเวลาดีๆให้แก่ผม และก็ขออนุญาตบุคคลในภาพทุกท่านนำมาเสนอในที่นี้ ไม่ได้มีเจตนาอันใดทำให้เสียหาย เพียงแค่มาเผยแพร่และสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนเท่านั้น
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้ากาญจนบุรีต้นเดือนตุลาคม แล้วจะมารีวิวให้ได้อ่านอีกนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ จะปรับปรุงให้ดีขึ้น
*การเดินทางครั้งนี้เราบันทึกภาพด้วยกล้องจากมือถือ LENOVO-P70 และกล้อง Action camera 1080p Wi-fi
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น