ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อน ผมชื่อแฮรี่ พอตเตอร์ เป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่ในครอบครัวเดอรสลีย์ โดยการเดินทางครั้งนี้เริ่มมาจากการที่มีจดหมายส่งมาถึงผมหลายฉบับ ตอนแรกพวกเดอรสลีย์พยายามทำลายจดหมายนี้ทิ้งครับ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ผมจึงมีโอกาสได้อ่าน และมันเป็นจดหมายเชิญไปเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ครับ เขาบอกว่าผมเป็นพ่อมด เซอร์ไพรส์กันเลยทีเดียวเชียว ถือเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ออกจากบ้านเดอรสลีย์เสียที และเป็นการเปิดโลกใหม่ของผม
(ต้องขออภัยนะครับ ตอนนั้นผมไม่มีกล้องDSLR หรือGoproเจ๋งๆเลย คนถ่ายก็มีแค่ผม เด็กชายอายุสิบเอ็ดกับลูกครึ่งยักษ์เป็นคนถ่าย(กล้องแทบหักคามือเขาเชียวล่ะ) ภาพจึงออกมาดีบ้างไม่ดีบ้างครับ)
นี่แฮกริด เพื่อนร่วมทางของผม เป็นลูกครึ่งยักษ์ครับ คนที่ชื่อศจ.อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ผ.อ.ของฮอกวอตส์ส่งเขามารับครับ ว้าว รู้สึกเป็นคนสำคัญขึ้นมาเลยที่เดียว
ลุงเวอรนอน ผู้นำของบ้านเดอรสลีย์ไม่ออกค่าเรียนผมแม้แต่บาทเดียว ตอนแรกผมเป็นกังวลนะครับ แต่แฮกริดบอกว่าไม่เป็นไร พ่อแม่ของผมทิ้งเงินเอาไว้ให้ผมแล้วก่อนตาย ว้าว! เซอร์ไพรส์รอบที่สอง
แฮกริดพาผมไปถอนเงินที่ธนาคารกริงกอตต์ เขาพาผมนั่งรถไฟฟรี(แฮกริดจ่าย)ไปลอนดอน ตอนแรกผมก็งงนะครับว่ามีที่แบบนี้ในลอนดอนด้วยหรือ เขาพาผมเดินเข้าซอยไปเรื่อยๆแต่ยังไม่เห็นวี่แววของที่ที่จะมีอะไรแบบ'ไม้กายสิทธิ์'ขาย ผมคิดว่านี่ต้องเป็นการล้อเล่นของพวกเดอรสลีย์แน่ๆ!!
เขาพาผมเข้าไปในผับเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีคนไม่รู้จักมาทักทายผม นี่ผมเป็นคนดังแห่งโลกเวทย์มนต์หรือนี่?!
ไม่ทันได้ภูมิใจที่มีคนรู้จัก แฮกริดพาผมมาที่กำแพงเก่าๆหลังร้าน แถวนั้นไม่มีอะไรนอกจากขยะกับวัชพืช นี่ต้องเป็นตลกร้ายแน่ๆ
แฮกริดแตะที่กำแพงเหนือถังขยะสามครั้ง ช่องเล็กๆปรากฎขึ้นบนกำแพง และใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งใหญ่พอสำหรับแฮกริด ว้าว!! นี่เล่นกลหรือเปล่าเนี่ย!
ตอนผมตะลึงอยู่นั้น แฮกริดพาผมเข้าไปในกำแพงนั้นพร้อมบอกผมว่า "ยินดีต้อนรับสู่ตรอกไดแอกอน"
มีทั้งร้านหม้อปรุงยา ร้านขายสัตว์เวทย์ ร้านขายของเวทย์ ฯลฯ มีแต่ร้านที่ผมไม่เคยเห็นทั้งนั้นเลย!!
นี่ครับ ธนาคารกริงกอต จุดมุ่งหมายแรกของเรา
เราเข้าไปในธนาคาร พนักงานที่นี่เป็นก็อบลินใส่เครื่องแบบสีเลือดหมูกับทองครับ
เราสองคนเดินเข้าไปในห้องโถงหินอ่อน มีก็อบลินนับร้อยตนอยู่ข้างใน
แฮกริตพาผมเข้าช่องถอนเงิน เขายื่นกุญแจทองดอกเล็กๆพร้อมจดหมายลับให้พนักงาน ย้ำว่าเป็นจดหมายจากศจ.ดัมเบิลดอร์ เกี่ยวกับอะไรก็ตามในห้อง713
พนง.บอกให้คนที่ชื่อกริ๊บฮุคพาผมลงไปที่เซฟ ผมลองถามแฮกริดดูว่าในห้อง713มีอะไร เขาบอกผมมาว่าเป็นธุระลับสุดยอดของฮอกวอร์ด กริ๊บฮุคพาผมนั่งรถรางลงไปที่เซฟ
เรานั่งรถรางที่มีรางคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตลงมาถึงเซฟของพ่อแม่ผม ในนั้นมีเหรียญทองกองใหญ่ มีเหรียญเงินและทองแดงแซมบ้าง และทั้งหมดนี่เป็นของผม สาบานว่าเกิดมาผมยังไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้เลย แม้จะเป็นเงินสกุลที่ผมไม่รู้จักก็ตาม แต่มันสุดยอดไปเลย ให้ตายสิ!
เมื่อถอนเงินแล้ว ผมและแฮกริดจึงออกมานอกธนาคาร เขาพาผมไปซื้อของจำเป็นสำหรับชั้นปีแรก คือไม้กายสิทธิ์กับนกฮูก แล้วนัดผมว่าให้มาเจอกันในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง นี่ผมยังต้อวอยู่กับครอบครัวนั้นอีกหนึ่งเดือนเลยสินะ
ผมขนของออกจากบ้านหลังนั้นมา ถึงสถานีคิงครอสในเวลาสิบโมงครึ่ง พร้อมคำล้อเลียนจากลุงเวอรนอนว่าที่นี่ไม่มีชานชาลา 9¾ หรอก!!
ผมเจอครอบครัวผมแดงครอบครัวหนึ่ง มีกันอยู่ห้าคน คนหนึ่งน่าจะเป็นแม่ พวกเขามีนกฮูกและกำลังพูดถึงชานชาลา9¾ เย่ ผมมีเพื่อนร่วมทางแล้วครับ!
ผมเดินตามพวกเขา ทะลุเข้ามาในชานชาลา9¾ โดยคำแนะนำของคุณแม่ผมสีแดง
(เก่าสักเล็กหน่อย แต่ผมว่าดูใหม่และสะอาดกว่ารถไฟแถวๆนี้นา)
ผมขึ้นรถไฟ ภายในโบกี้มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเต็มไปหมดเลย (แต่ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่ใส่รูปนะครับ เดี๋ยวจะผิดพรบ.คอมพิวเตอร์)
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง แปลกใจจริงที่มีคนมาทักเรื่องรอยแผลเป็นบนหน้าผม และพวกเขารู้ว่าผมชื่อ
แฮรี่ พอตเตอร์
เด็กชายผมแดงที่คาดว่าอายุน้อยที่สุดในครอบครัวผมแดงเมื่อกี้มานั่งในห้องเดียวกับผม เขาแนะนำตัวว่าเขาคือรอน รอน วีสลีย์ เขาเป็นอีกคนที่ซักไซ้ผมเรื่องรอยแผลเป็นบนหน้า...ผมชักอยากฟ้องร้องบริษัทยาทาแผลเป็นแล้วสิ แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเป็นที่รู้จัก
มีรถเข็นขายขนมผ่านห้องของผม มันเป็นอะไรที่อยากลองเหลือเกิน แต่ครอบครัวเดอรสลีย์ไม่เคยให้เงินผมซือเลย แต่ตอนนี้ผมมีเหรียญทองเต็มกระเป๋าไปหมด ผมจึงเหมาขนมทุกชนิดที่มีอยู่บนรถเข็นนั้น และแบ่งรอนทาน...การมีเงินนี่มันวิเศษจริงๆครับ
ขณะที่รอนกำลังท่องคาถาแปลกๆอยู่นั้น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขัด เธอชื่อ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ มาจากครอบครัวธรรมดาที่ไม่มีใครเป็นพ่อมดแม่มดเลย
เราสามคนกำลังคุยเรื่องโรงเรียนใหม่กันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีเด็กผู้ชายผิวซีดคนหนึ่งได้ยินชื่อผมและเข้ามาชวนผมเป็นเพื่อน ชื่อเดรโก มัลฟอย พร้อมลูกสมุนอ้วนพีอีกสองคนชื่อเครบบ์กับกอยล์...แต่เขาดูถูกรอน ผมจึงปฏิเสธเขาไป ขณะกำลังมีเรื่องกันนั่นเอง มีเสียงประกาศจากรถไฟให้ขนสัมภาระลง
แฮกริดเป็นหัวหน้าขบวนพาเหล่านักเรียนปีหนึ่งสู่ฮอกวอตส์ เขาพาพวกเราเดินผ่านป่ารกทึบ พอพ้นป่านั้น เราก็พบทะเลสาบสีดำสนิทล้อมรอบหนาผาสูง ปราสาทฮอกวอตส์ถูกถ่ายทอดสู่สายตาพวกเรา...ถึงแล้วจุดมุ่งหมาย!!
(แถมภาพถ่ายตอนกลางวัน)
และขอบคุณทุกท่านที่อ่านการเดินทางของผมจนจบนะครับ หวังว่าการเขียนกระทู้ครั้งแรกบนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของมักเกิลนี้จะถูกใจทุกท่านนะครับ ซึ่งนอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว ยังได้เงินกลับมาอีกเพียบ ขอบคุณที่ติดตาม ผมขอตัวไปอ่านหนังสือแล้วครับ พรุ่วนี้ผมมีสอบวิชาปรุงยา ไม่อยากโดนศจ.สเนปว่าอีกครับ บ้ายบาย~~
--------------------------------------------------------
ขอบคุณนะคะที่อ่านความเวิ่นเว้อของเราจนจบ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ เนื่องจากไม่ได้อ่านแฮรี่เล่มแรกมานานพอสมควร เลยเปิดอ่านตอนเขีบนกระทู้เลย อาจมีผิดพลาดบ้าง กระทู้นี้มีแรงบันดาลใจมาจากกระทู้สองหนุ่มภูทับเบิก และกระทู้ล้อเลียน
ขอขอบคุณล็อกอินมิลานน้อยนะคะที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการแต่ง ขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ
เมื่อเด็กชายออกเดินทางจากซอยพรีเว็ตไปยังฮอกวอตส์โดยไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
(ต้องขออภัยนะครับ ตอนนั้นผมไม่มีกล้องDSLR หรือGoproเจ๋งๆเลย คนถ่ายก็มีแค่ผม เด็กชายอายุสิบเอ็ดกับลูกครึ่งยักษ์เป็นคนถ่าย(กล้องแทบหักคามือเขาเชียวล่ะ) ภาพจึงออกมาดีบ้างไม่ดีบ้างครับ)
นี่แฮกริด เพื่อนร่วมทางของผม เป็นลูกครึ่งยักษ์ครับ คนที่ชื่อศจ.อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ผ.อ.ของฮอกวอตส์ส่งเขามารับครับ ว้าว รู้สึกเป็นคนสำคัญขึ้นมาเลยที่เดียว
ลุงเวอรนอน ผู้นำของบ้านเดอรสลีย์ไม่ออกค่าเรียนผมแม้แต่บาทเดียว ตอนแรกผมเป็นกังวลนะครับ แต่แฮกริดบอกว่าไม่เป็นไร พ่อแม่ของผมทิ้งเงินเอาไว้ให้ผมแล้วก่อนตาย ว้าว! เซอร์ไพรส์รอบที่สอง
แฮกริดพาผมไปถอนเงินที่ธนาคารกริงกอตต์ เขาพาผมนั่งรถไฟฟรี(แฮกริดจ่าย)ไปลอนดอน ตอนแรกผมก็งงนะครับว่ามีที่แบบนี้ในลอนดอนด้วยหรือ เขาพาผมเดินเข้าซอยไปเรื่อยๆแต่ยังไม่เห็นวี่แววของที่ที่จะมีอะไรแบบ'ไม้กายสิทธิ์'ขาย ผมคิดว่านี่ต้องเป็นการล้อเล่นของพวกเดอรสลีย์แน่ๆ!!
เขาพาผมเข้าไปในผับเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีคนไม่รู้จักมาทักทายผม นี่ผมเป็นคนดังแห่งโลกเวทย์มนต์หรือนี่?!
ไม่ทันได้ภูมิใจที่มีคนรู้จัก แฮกริดพาผมมาที่กำแพงเก่าๆหลังร้าน แถวนั้นไม่มีอะไรนอกจากขยะกับวัชพืช นี่ต้องเป็นตลกร้ายแน่ๆ
แฮกริดแตะที่กำแพงเหนือถังขยะสามครั้ง ช่องเล็กๆปรากฎขึ้นบนกำแพง และใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งใหญ่พอสำหรับแฮกริด ว้าว!! นี่เล่นกลหรือเปล่าเนี่ย!
ตอนผมตะลึงอยู่นั้น แฮกริดพาผมเข้าไปในกำแพงนั้นพร้อมบอกผมว่า "ยินดีต้อนรับสู่ตรอกไดแอกอน"
มีทั้งร้านหม้อปรุงยา ร้านขายสัตว์เวทย์ ร้านขายของเวทย์ ฯลฯ มีแต่ร้านที่ผมไม่เคยเห็นทั้งนั้นเลย!!
นี่ครับ ธนาคารกริงกอต จุดมุ่งหมายแรกของเรา
เราเข้าไปในธนาคาร พนักงานที่นี่เป็นก็อบลินใส่เครื่องแบบสีเลือดหมูกับทองครับ
เราสองคนเดินเข้าไปในห้องโถงหินอ่อน มีก็อบลินนับร้อยตนอยู่ข้างใน
แฮกริตพาผมเข้าช่องถอนเงิน เขายื่นกุญแจทองดอกเล็กๆพร้อมจดหมายลับให้พนักงาน ย้ำว่าเป็นจดหมายจากศจ.ดัมเบิลดอร์ เกี่ยวกับอะไรก็ตามในห้อง713
พนง.บอกให้คนที่ชื่อกริ๊บฮุคพาผมลงไปที่เซฟ ผมลองถามแฮกริดดูว่าในห้อง713มีอะไร เขาบอกผมมาว่าเป็นธุระลับสุดยอดของฮอกวอร์ด กริ๊บฮุคพาผมนั่งรถรางลงไปที่เซฟ
เรานั่งรถรางที่มีรางคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตลงมาถึงเซฟของพ่อแม่ผม ในนั้นมีเหรียญทองกองใหญ่ มีเหรียญเงินและทองแดงแซมบ้าง และทั้งหมดนี่เป็นของผม สาบานว่าเกิดมาผมยังไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้เลย แม้จะเป็นเงินสกุลที่ผมไม่รู้จักก็ตาม แต่มันสุดยอดไปเลย ให้ตายสิ!
เมื่อถอนเงินแล้ว ผมและแฮกริดจึงออกมานอกธนาคาร เขาพาผมไปซื้อของจำเป็นสำหรับชั้นปีแรก คือไม้กายสิทธิ์กับนกฮูก แล้วนัดผมว่าให้มาเจอกันในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง นี่ผมยังต้อวอยู่กับครอบครัวนั้นอีกหนึ่งเดือนเลยสินะ
ผมขนของออกจากบ้านหลังนั้นมา ถึงสถานีคิงครอสในเวลาสิบโมงครึ่ง พร้อมคำล้อเลียนจากลุงเวอรนอนว่าที่นี่ไม่มีชานชาลา 9¾ หรอก!!
ผมเจอครอบครัวผมแดงครอบครัวหนึ่ง มีกันอยู่ห้าคน คนหนึ่งน่าจะเป็นแม่ พวกเขามีนกฮูกและกำลังพูดถึงชานชาลา9¾ เย่ ผมมีเพื่อนร่วมทางแล้วครับ!
ผมเดินตามพวกเขา ทะลุเข้ามาในชานชาลา9¾ โดยคำแนะนำของคุณแม่ผมสีแดง
(เก่าสักเล็กหน่อย แต่ผมว่าดูใหม่และสะอาดกว่ารถไฟแถวๆนี้นา)
ผมขึ้นรถไฟ ภายในโบกี้มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเต็มไปหมดเลย (แต่ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่ใส่รูปนะครับ เดี๋ยวจะผิดพรบ.คอมพิวเตอร์)
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง แปลกใจจริงที่มีคนมาทักเรื่องรอยแผลเป็นบนหน้าผม และพวกเขารู้ว่าผมชื่อ แฮรี่ พอตเตอร์
เด็กชายผมแดงที่คาดว่าอายุน้อยที่สุดในครอบครัวผมแดงเมื่อกี้มานั่งในห้องเดียวกับผม เขาแนะนำตัวว่าเขาคือรอน รอน วีสลีย์ เขาเป็นอีกคนที่ซักไซ้ผมเรื่องรอยแผลเป็นบนหน้า...ผมชักอยากฟ้องร้องบริษัทยาทาแผลเป็นแล้วสิ แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเป็นที่รู้จัก
มีรถเข็นขายขนมผ่านห้องของผม มันเป็นอะไรที่อยากลองเหลือเกิน แต่ครอบครัวเดอรสลีย์ไม่เคยให้เงินผมซือเลย แต่ตอนนี้ผมมีเหรียญทองเต็มกระเป๋าไปหมด ผมจึงเหมาขนมทุกชนิดที่มีอยู่บนรถเข็นนั้น และแบ่งรอนทาน...การมีเงินนี่มันวิเศษจริงๆครับ
ขณะที่รอนกำลังท่องคาถาแปลกๆอยู่นั้น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขัด เธอชื่อ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ มาจากครอบครัวธรรมดาที่ไม่มีใครเป็นพ่อมดแม่มดเลย
เราสามคนกำลังคุยเรื่องโรงเรียนใหม่กันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมีเด็กผู้ชายผิวซีดคนหนึ่งได้ยินชื่อผมและเข้ามาชวนผมเป็นเพื่อน ชื่อเดรโก มัลฟอย พร้อมลูกสมุนอ้วนพีอีกสองคนชื่อเครบบ์กับกอยล์...แต่เขาดูถูกรอน ผมจึงปฏิเสธเขาไป ขณะกำลังมีเรื่องกันนั่นเอง มีเสียงประกาศจากรถไฟให้ขนสัมภาระลง
แฮกริดเป็นหัวหน้าขบวนพาเหล่านักเรียนปีหนึ่งสู่ฮอกวอตส์ เขาพาพวกเราเดินผ่านป่ารกทึบ พอพ้นป่านั้น เราก็พบทะเลสาบสีดำสนิทล้อมรอบหนาผาสูง ปราสาทฮอกวอตส์ถูกถ่ายทอดสู่สายตาพวกเรา...ถึงแล้วจุดมุ่งหมาย!!
(แถมภาพถ่ายตอนกลางวัน)
และขอบคุณทุกท่านที่อ่านการเดินทางของผมจนจบนะครับ หวังว่าการเขียนกระทู้ครั้งแรกบนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คของมักเกิลนี้จะถูกใจทุกท่านนะครับ ซึ่งนอกจากจะไม่เสียเงินแล้ว ยังได้เงินกลับมาอีกเพียบ ขอบคุณที่ติดตาม ผมขอตัวไปอ่านหนังสือแล้วครับ พรุ่วนี้ผมมีสอบวิชาปรุงยา ไม่อยากโดนศจ.สเนปว่าอีกครับ บ้ายบาย~~
--------------------------------------------------------
ขอบคุณนะคะที่อ่านความเวิ่นเว้อของเราจนจบ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ เนื่องจากไม่ได้อ่านแฮรี่เล่มแรกมานานพอสมควร เลยเปิดอ่านตอนเขีบนกระทู้เลย อาจมีผิดพลาดบ้าง กระทู้นี้มีแรงบันดาลใจมาจากกระทู้สองหนุ่มภูทับเบิก และกระทู้ล้อเลียน
ขอขอบคุณล็อกอินมิลานน้อยนะคะที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการแต่ง ขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ