บางลำพูหลายท่านไม่มีใครที่ไม่รู้จักแน่นอน ใน pantip หลายท่านเคยรีวิวบางลำพู ไม่ว่าที่เที่ยวหรืออาหารอร่อย และที่ชมวิวริมแม่น้ำอันตระการตา แต่อาจจะมีน้อยคนที่รู้จักหรือคิดไว้ว่า มันมีต้นลำพูอายุร้อยกกว่าปีอันเป็นที่มาของชื่อชุมชนแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันนี้มันเป็นความหลังไปแล้ว เผอิญได้พบกับบทความของคุณสมปอง ดวงไสว ซึ่งได้เล่าถึงที่มาครับ เลยเอามาแชร์ให้ดูกันครับ
ภาพในอดีตเมื่อครั้งต้นลำพูร้อยปียังสุขสบายดี (ภาพ : สมปอง ดวงไสว)
...ปี 2540...
ย้อนกลับไปราว 20 ปีก่อน ในเวลานั้นหน่วยงานราชการ บรรดาห้างร้านและธนาคารต่างๆ ในบางลำพูยังสะกดชื่อชุมชนไม่ตรงกัน บ้างก็สะกด “บางลำพู” บ้างก็ “บางลำภู” แม้ชาวชุมชนบางลำพูและครูโรงเรียนวัดสังเวชนำโดย อ.สมปอง ดวงไสว ครูสอนวิชาศิลปะ จะมีความสงสัยว่าชื่อบางลำพูน่าจะมาจากต้นลำพู อีกทั้งคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ในย่านบางลำพูว่าเมื่อก่อนแถวนี้มีต้นลำพูมากมายและเต็มไปด้วยหิ่งห้อยที่คอยส่องแสงยามค่ำคืน แต่ก็ยังไม่พบต้นลำพูแม้สักต้นที่จะช่วยยืนยันข้อสงสัยนี้
และในที่สุด วันที่ 30 สิงหาคม 2540 อาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวัดสังเวชฯ กลุ่มหนึ่งรวมถึงชาวชุมชนบางลำพูก็ได้ออกค้นหาต้นลำพูจนพบโดยอาศัยความช่วยเหลือของผู้นำชุมชนที่อยู่บางลำพูมาตั้งแต่เกิด จึงได้พบต้นลำพูต้นสุดท้ายของบางลำพู ตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา ในบริเวณของสำนักงานกลางโรงงานน้ำตาล กรมโรงงานอุตสาหกรรม (บริเวณสวนสันติชัยปราการในปัจจุบัน) ซึ่งด้านหลังเป็นบ้านพักคนงานบริษัทศรีมหาราชา ริมแม่น้ำมีทั้งต้นชมพู่น้ำ ต้นจิกน้ำ และมีต้นลำพูอยู่ตรงกลาง ต้นลำพูต้นนี้เป็นต้นสุดท้ายของบางลำพูที่ยังหลงเหลืออยู่ และจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้พบว่ามีอายุนับร้อยปี
นับแต่นั้นมา หน่วยงานราชการ บรรดาห้างร้านและธนาคารต่างๆ ที่สะกดชื่อชุมชนไม่ตรงกัน ก็เปลี่ยนมาใช้คำว่า “บางลำพู” แทน “บางลำภู” เพราะเข้าใจตรงกันแล้วว่าชื่อย่านบางลำพูมาจากต้นลำพูนั่นเอง
ก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ต้นและใบยังแข็งแรงสมบูรณ์
...ปี 2542...
หลังจากสาธารณะชนรับรู้ถึงเรื่องราวของต้นลำพูร้อยปีต้นสุดท้ายแห่งบางลำพู ก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เมื่อกรุงเทพมหานครมีโครงการจะพัฒนาสภาพภูมิทัศน์บริเวณป้อมพระสุเมรุ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 โดยได้จัดสร้าง “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเพื่อเป็นการเปิดภูมิทัศน์อันสวยงามของป้อมพระสุเมรุ ในการสร้างสวนสาธารณะครั้งนั้นต้นลำพูจึงมีที่อยู่เป็นสัดเป็นส่วนสวยงาม อยู่เคียงคู่สวนสันติชัยปราการมานับแต่นั้น
“เมื่อตอนที่รัฐบาลได้ถวายพระที่นั่งสันติปราการจำลองแด่ในหลวงในงานสโมสรสันนิบาต พระองค์ทรงทอดพระเนตรและรับสั่งกับสมเด็จพระราชินีว่า บางกอกไม่มีต้นมะกอก บางม่วงไม่มีต้นมะม่วง บางลำพูยังมีต้นลำพูอยู่ ต้นนี้ต้นเก่าแก่” อ.สมปอง ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วเคยกล่าวไว้
...ปี 2554...
นับสิบปีแล้วที่ชาวชุมชนบางลำพูคุ้นเคยกับต้นลำพูร้อยปีจนเหมือนปู่ย่าตายายญาติสนิท ไม่ว่าจะมาเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือพาเพื่อนฝูงลูกหลานมาพักผ่อนหย่อนใจที่สวนสันติฯ ก็จะเห็นลำพูต้นนี้ยืนตระหง่านอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาจนเป็นภาพชินตา แม้ต้นลำพูนี้จะแปลกกว่าต้นอื่นๆ ตรงที่มีการผลัดใบทุกปี ต่างจากต้นลำพูโดยทั่วไปที่จะไม่ผลัดใบ
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 คนไทยได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ต้นลำพูร้อยปีด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับน้ำ แต่เนื่องจากถูกน้ำท่วมรากอากาศมาเป็นเวลานาน อีกทั้งอายุที่ยืนยาวมาเป็นร้อยปี เนื้อไม้ข้างในผุเป็นโพรง ทำให้ต้นลำพูค่อยๆ เหี่ยวแห้ง ทิ้งใบ ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์พืชมาดูและให้คำแนะนำ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตต้นลำพูไว้ได้
ในที่สุด ต้นลำพูร้อยปีต้นสุดท้ายอันเป็นที่มาของชื่อ “บางลำพู” ก็ถึงแก่อายุขัย ยืนต้นตายริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นถิ่นกำเนิด
ตอต้นลำพู ภาพเมื่อปี 2555
...ปี 2555...
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่การจากไปโดยไม่ได้บอกลากันนั้นน่าเศร้ายิ่งกว่า โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ก.ค. 2555 หน่วยงานของ กทม. ได้มาตัดต้นลำพูที่ยืนต้นตายจนเหลือแต่ตอ และนำไปทิ้งขยะหนองแขมโดยไม่บอกไม่กล่าวให้ประชาคมชาวบางลำพูได้ทราบแม้สักคน
“ต้นไม้ตายก็จริง เรายอมรับได้เพราะเป็นธรรมชาติของต้นไม้ วันหนึ่งก็ต้องตาย อายุก็ไม่น่าเกิน 200 ปีอยู่แล้ว แต่เราไม่คิดว่าเขาจะตัดทิ้ง คิดว่าเขาจะเก็บให้มันยืนต้นอยู่เป็นอนุสรณ์ตรงนี้ได้ วันจะตัดเราก็ไม่รู้ ไม่ได้มีการปรึกษากัน เราล้าหลังเหตุการณ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทัดทานได้เลย ทั้งที่เราเห็นความสำคัญของเขา ใครๆ ก็เห็นความสำคัญของเขา” อ.สมปอง ดวงไสว ได้กล่าวไว้เมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อตอนที่ต้นลำพูถูกตัดทิ้งใหม่ๆ
อ.สมปอง ดวงไสว กับตอต้นลำพูเมื่อครั้งถูกตัดใหม่ๆ
แต่สุดท้ายต้นลำพูร้อยปีก็เหลือแค่ตอ และท่อนไม้ไม่กี่อันที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เก็บไปด้วย อ.สมปองจึงได้เก็บไว้ และหลังจากนั้น ชาวชุมชนบางลำพูก็ได้ร่วมกันจัดงาน “อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของลำพูที่บางลำพู” ขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 55 ณ สวนสันติชัยปราการ เพื่อเป็นการรำลึกถึงต้นลำพูร้อยปี โดยภายในงานวันนั้น มีการนำเอาท่อนไม้ของต้นลำพูที่เหลืออยู่มาจัดแสดง และมีนิทรรศการเกี่ยวกับต้นลำพู อีกทั้งชาวชุมชนบางลำพูและเหล่าจิตอาสายังได้ร่วมกันปลูกต้นลำพูขึ้นใหม่รอบๆ ตอต้นลำพูร้อยปี เพื่อร่วมสืบสานตำนานของบางลำพูผ่านต้นลำพูรุ่นใหม่เหล่านี้
บางลำพู ต้นลำพู
ภาพในอดีตเมื่อครั้งต้นลำพูร้อยปียังสุขสบายดี (ภาพ : สมปอง ดวงไสว)
...ปี 2540...
ย้อนกลับไปราว 20 ปีก่อน ในเวลานั้นหน่วยงานราชการ บรรดาห้างร้านและธนาคารต่างๆ ในบางลำพูยังสะกดชื่อชุมชนไม่ตรงกัน บ้างก็สะกด “บางลำพู” บ้างก็ “บางลำภู” แม้ชาวชุมชนบางลำพูและครูโรงเรียนวัดสังเวชนำโดย อ.สมปอง ดวงไสว ครูสอนวิชาศิลปะ จะมีความสงสัยว่าชื่อบางลำพูน่าจะมาจากต้นลำพู อีกทั้งคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ในย่านบางลำพูว่าเมื่อก่อนแถวนี้มีต้นลำพูมากมายและเต็มไปด้วยหิ่งห้อยที่คอยส่องแสงยามค่ำคืน แต่ก็ยังไม่พบต้นลำพูแม้สักต้นที่จะช่วยยืนยันข้อสงสัยนี้
และในที่สุด วันที่ 30 สิงหาคม 2540 อาจารย์และนักเรียนโรงเรียนวัดสังเวชฯ กลุ่มหนึ่งรวมถึงชาวชุมชนบางลำพูก็ได้ออกค้นหาต้นลำพูจนพบโดยอาศัยความช่วยเหลือของผู้นำชุมชนที่อยู่บางลำพูมาตั้งแต่เกิด จึงได้พบต้นลำพูต้นสุดท้ายของบางลำพู ตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา ในบริเวณของสำนักงานกลางโรงงานน้ำตาล กรมโรงงานอุตสาหกรรม (บริเวณสวนสันติชัยปราการในปัจจุบัน) ซึ่งด้านหลังเป็นบ้านพักคนงานบริษัทศรีมหาราชา ริมแม่น้ำมีทั้งต้นชมพู่น้ำ ต้นจิกน้ำ และมีต้นลำพูอยู่ตรงกลาง ต้นลำพูต้นนี้เป็นต้นสุดท้ายของบางลำพูที่ยังหลงเหลืออยู่ และจากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้พบว่ามีอายุนับร้อยปี
นับแต่นั้นมา หน่วยงานราชการ บรรดาห้างร้านและธนาคารต่างๆ ที่สะกดชื่อชุมชนไม่ตรงกัน ก็เปลี่ยนมาใช้คำว่า “บางลำพู” แทน “บางลำภู” เพราะเข้าใจตรงกันแล้วว่าชื่อย่านบางลำพูมาจากต้นลำพูนั่นเอง
ก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ต้นและใบยังแข็งแรงสมบูรณ์
...ปี 2542...
หลังจากสาธารณะชนรับรู้ถึงเรื่องราวของต้นลำพูร้อยปีต้นสุดท้ายแห่งบางลำพู ก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เมื่อกรุงเทพมหานครมีโครงการจะพัฒนาสภาพภูมิทัศน์บริเวณป้อมพระสุเมรุ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 โดยได้จัดสร้าง “สวนสันติชัยปราการ” สวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเพื่อเป็นการเปิดภูมิทัศน์อันสวยงามของป้อมพระสุเมรุ ในการสร้างสวนสาธารณะครั้งนั้นต้นลำพูจึงมีที่อยู่เป็นสัดเป็นส่วนสวยงาม อยู่เคียงคู่สวนสันติชัยปราการมานับแต่นั้น
“เมื่อตอนที่รัฐบาลได้ถวายพระที่นั่งสันติปราการจำลองแด่ในหลวงในงานสโมสรสันนิบาต พระองค์ทรงทอดพระเนตรและรับสั่งกับสมเด็จพระราชินีว่า บางกอกไม่มีต้นมะกอก บางม่วงไม่มีต้นมะม่วง บางลำพูยังมีต้นลำพูอยู่ ต้นนี้ต้นเก่าแก่” อ.สมปอง ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วเคยกล่าวไว้
...ปี 2554...
นับสิบปีแล้วที่ชาวชุมชนบางลำพูคุ้นเคยกับต้นลำพูร้อยปีจนเหมือนปู่ย่าตายายญาติสนิท ไม่ว่าจะมาเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือพาเพื่อนฝูงลูกหลานมาพักผ่อนหย่อนใจที่สวนสันติฯ ก็จะเห็นลำพูต้นนี้ยืนตระหง่านอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาจนเป็นภาพชินตา แม้ต้นลำพูนี้จะแปลกกว่าต้นอื่นๆ ตรงที่มีการผลัดใบทุกปี ต่างจากต้นลำพูโดยทั่วไปที่จะไม่ผลัดใบ
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 คนไทยได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ต้นลำพูร้อยปีด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับน้ำ แต่เนื่องจากถูกน้ำท่วมรากอากาศมาเป็นเวลานาน อีกทั้งอายุที่ยืนยาวมาเป็นร้อยปี เนื้อไม้ข้างในผุเป็นโพรง ทำให้ต้นลำพูค่อยๆ เหี่ยวแห้ง ทิ้งใบ ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ แม้จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์พืชมาดูและให้คำแนะนำ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตต้นลำพูไว้ได้
ในที่สุด ต้นลำพูร้อยปีต้นสุดท้ายอันเป็นที่มาของชื่อ “บางลำพู” ก็ถึงแก่อายุขัย ยืนต้นตายริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นถิ่นกำเนิด
ตอต้นลำพู ภาพเมื่อปี 2555
...ปี 2555...
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่การจากไปโดยไม่ได้บอกลากันนั้นน่าเศร้ายิ่งกว่า โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ก.ค. 2555 หน่วยงานของ กทม. ได้มาตัดต้นลำพูที่ยืนต้นตายจนเหลือแต่ตอ และนำไปทิ้งขยะหนองแขมโดยไม่บอกไม่กล่าวให้ประชาคมชาวบางลำพูได้ทราบแม้สักคน
“ต้นไม้ตายก็จริง เรายอมรับได้เพราะเป็นธรรมชาติของต้นไม้ วันหนึ่งก็ต้องตาย อายุก็ไม่น่าเกิน 200 ปีอยู่แล้ว แต่เราไม่คิดว่าเขาจะตัดทิ้ง คิดว่าเขาจะเก็บให้มันยืนต้นอยู่เป็นอนุสรณ์ตรงนี้ได้ วันจะตัดเราก็ไม่รู้ ไม่ได้มีการปรึกษากัน เราล้าหลังเหตุการณ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทัดทานได้เลย ทั้งที่เราเห็นความสำคัญของเขา ใครๆ ก็เห็นความสำคัญของเขา” อ.สมปอง ดวงไสว ได้กล่าวไว้เมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อตอนที่ต้นลำพูถูกตัดทิ้งใหม่ๆ
อ.สมปอง ดวงไสว กับตอต้นลำพูเมื่อครั้งถูกตัดใหม่ๆ
แต่สุดท้ายต้นลำพูร้อยปีก็เหลือแค่ตอ และท่อนไม้ไม่กี่อันที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เก็บไปด้วย อ.สมปองจึงได้เก็บไว้ และหลังจากนั้น ชาวชุมชนบางลำพูก็ได้ร่วมกันจัดงาน “อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของลำพูที่บางลำพู” ขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 55 ณ สวนสันติชัยปราการ เพื่อเป็นการรำลึกถึงต้นลำพูร้อยปี โดยภายในงานวันนั้น มีการนำเอาท่อนไม้ของต้นลำพูที่เหลืออยู่มาจัดแสดง และมีนิทรรศการเกี่ยวกับต้นลำพู อีกทั้งชาวชุมชนบางลำพูและเหล่าจิตอาสายังได้ร่วมกันปลูกต้นลำพูขึ้นใหม่รอบๆ ตอต้นลำพูร้อยปี เพื่อร่วมสืบสานตำนานของบางลำพูผ่านต้นลำพูรุ่นใหม่เหล่านี้