ข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์เพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่าผู้แต่งและร้องเป็นคนแรก คือ "สังข์ทอง สีใส" ศิลปินชื่อดังในอดีตก่อนจะมีคนนำมาร้องต่อ ทีมข่าวติดต่อสัมภาษณ์คุณยาว อยุธยาเพื่อสอบถามถึงข้อเท็จเกี่ยวกับเพลงดังกล่าว รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญกฏหมายลิขสิทธิ์ ว่าตามกฏหมายลิขสิทธิ์เพลงควรมีลักษณะใด
คุณยาว อยุธยา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นต้นฉบับที่แน่ชัด เนื่องจากในปีพ.ศ. 2539 "คุณโอบะ เสียงเหน่อ" อดีตสมาชิกในคณะ นำมาจากคณะลิเกคณะหนึ่งขณะไปชมการแสดง และคำว่า "หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว" เป็นคำที่วัยรุ่นในสมัยนั้นพูดกันติดปากอยู่แล้ว แต่สมาชิกในคณะของตนร่วมกันดัดแปลงเพลงที่โอบะเสนอนำมาใช้เป็นเพลงเปิดการแสดงโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ "แจ๊ส ชวนชื่น" นำมาดัดแปลง และที่เป็นข่าวมานี้ตนไม่ได้เป็นคนออกมาเรียกร้อง แต่โลกออนไลน์เป็นคนขุดคุ้ยขึ้นมาเอง และตนไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพียงแต่อยากให้แจ๊สมาขอว่าจะนำไปแต่งเพลงด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไร
เมื่อทีมข่าวติดต่อคุณไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญกฏหมายลิขสิทธิ์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงในกรณีนี้ว่าข้อปฏิบัติและดำเนินการเป็นอย่างไร โดยคุณไพบูลย์ เผยว่า ในหนึ่งเพลงจะมีงานลิขสิทธิ์และมีส่วนของสิทธินักแสดง อย่างเพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ลิขสิทธิ์แบ่งส่วนได้คือ 1.ผู้แต่งคำร้อง 2.ผู้แต่งทำนอง 3.ผู้เรียบเรียงเสียงประสาน 4.ผู้เป็นเจ้าของค่ายเพลงที่นำคำร้อง ทำนอง และเสียงประสานมารวมกัน และ5.สิทธินักแสดง หรือเจ้าของเสียงร้องในแต่ละเพลง
ซึ่งกฏลิขสิทธิ์เพลงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศส่วนใหญ่ลงนามในอนุสัญญาเบิร์น (Berne Convention) เหมือนกันหมดคือ หากผู้ใดประสงค์ที่จะนำผลงานผู้อื่นไปใช้ ควรขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกครั้ง เพราะนอกจากงานที่สร้างมาโดยไม่ได้ขออนุญาตจะไม่มีลิขสิทธิ์แล้ว ยังถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
ส่วนกรณีเพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ที่กำลังเป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้ คุณไพบูลย์ เผยว่า "เจ้าของสิทธิ์ที่แท้จริง กรณีไม่ได้เซ็นต์กับค่ายเพลงหรือไม่ได้โอนให้ใคร ก็คือคุณสังข์ทอง ซึ่งก็คือตลอดชีวิตของเขา ตอนปัจจุบันคือเขาเสียชีวิตไปแล้ว เสียชีวิตไปประมาณกลางปี 2520 คือต้องบวกไปอีก 50 ปีนับตั้งแต่วันเขาเสียชีวิตลิขสิทธิ์จะเป็นของทายาท แต่กรณีที่เขาเองเป็นคนที่มีการเซ็นต์คำร้อง ทำนอง กับโอนสิทธิ์ในเสียงของตัวเองออกไปให้กับค่ายเทปเพลง ค่ายเทปเพลงนั้นจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเพลงหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว"
คุณไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ต้องดูหลักฐานที่มีว่าตอนที่เพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ออกมา ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง เพราะถ้าหาก "สังข์ทอง สีใส" เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง ทั้งคุณยาว อยุธยา และคุณ "แจ๊ส ชวนชื่น" ก็ไม่มีสิทธิ์ในผลงานชิ้นนี้ แถมยังเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
ทั้งนี้คุณไพบูลย์ ยังแนะนำว่า หลังจากผู้แต่งเพลงหรือมุกตลกสร้างสรรค์ผลงานเสร็จ ควรนำผลงานไปทำการจดลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญหาทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกือบเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต ซึ่งคุณไพบูลย์ ระบุว่า มุกตลกที่มีโครงสร้างชัดเจนหรือมีที่มาสามารถจดลิขสิทธิ์ได้
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442831428 
นักกม.ชี้ "ยาว-แจ๊ส" ไม่ได้ถือลิขสิทธิ์เพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" แต่เป็นของต้นฉบับ
คุณยาว อยุธยา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ไม่ทราบว่าใครเป็นต้นฉบับที่แน่ชัด เนื่องจากในปีพ.ศ. 2539 "คุณโอบะ เสียงเหน่อ" อดีตสมาชิกในคณะ นำมาจากคณะลิเกคณะหนึ่งขณะไปชมการแสดง และคำว่า "หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว" เป็นคำที่วัยรุ่นในสมัยนั้นพูดกันติดปากอยู่แล้ว แต่สมาชิกในคณะของตนร่วมกันดัดแปลงเพลงที่โอบะเสนอนำมาใช้เป็นเพลงเปิดการแสดงโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ "แจ๊ส ชวนชื่น" นำมาดัดแปลง และที่เป็นข่าวมานี้ตนไม่ได้เป็นคนออกมาเรียกร้อง แต่โลกออนไลน์เป็นคนขุดคุ้ยขึ้นมาเอง และตนไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพียงแต่อยากให้แจ๊สมาขอว่าจะนำไปแต่งเพลงด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไร
เมื่อทีมข่าวติดต่อคุณไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญกฏหมายลิขสิทธิ์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงในกรณีนี้ว่าข้อปฏิบัติและดำเนินการเป็นอย่างไร โดยคุณไพบูลย์ เผยว่า ในหนึ่งเพลงจะมีงานลิขสิทธิ์และมีส่วนของสิทธินักแสดง อย่างเพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ลิขสิทธิ์แบ่งส่วนได้คือ 1.ผู้แต่งคำร้อง 2.ผู้แต่งทำนอง 3.ผู้เรียบเรียงเสียงประสาน 4.ผู้เป็นเจ้าของค่ายเพลงที่นำคำร้อง ทำนอง และเสียงประสานมารวมกัน และ5.สิทธินักแสดง หรือเจ้าของเสียงร้องในแต่ละเพลง
ซึ่งกฏลิขสิทธิ์เพลงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศส่วนใหญ่ลงนามในอนุสัญญาเบิร์น (Berne Convention) เหมือนกันหมดคือ หากผู้ใดประสงค์ที่จะนำผลงานผู้อื่นไปใช้ ควรขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกครั้ง เพราะนอกจากงานที่สร้างมาโดยไม่ได้ขออนุญาตจะไม่มีลิขสิทธิ์แล้ว ยังถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
ส่วนกรณีเพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ที่กำลังเป็นข้อถกเถียงอยู่ในขณะนี้ คุณไพบูลย์ เผยว่า "เจ้าของสิทธิ์ที่แท้จริง กรณีไม่ได้เซ็นต์กับค่ายเพลงหรือไม่ได้โอนให้ใคร ก็คือคุณสังข์ทอง ซึ่งก็คือตลอดชีวิตของเขา ตอนปัจจุบันคือเขาเสียชีวิตไปแล้ว เสียชีวิตไปประมาณกลางปี 2520 คือต้องบวกไปอีก 50 ปีนับตั้งแต่วันเขาเสียชีวิตลิขสิทธิ์จะเป็นของทายาท แต่กรณีที่เขาเองเป็นคนที่มีการเซ็นต์คำร้อง ทำนอง กับโอนสิทธิ์ในเสียงของตัวเองออกไปให้กับค่ายเทปเพลง ค่ายเทปเพลงนั้นจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเพลงหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว"
คุณไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ต้องดูหลักฐานที่มีว่าตอนที่เพลง "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ออกมา ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง เพราะถ้าหาก "สังข์ทอง สีใส" เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง ทั้งคุณยาว อยุธยา และคุณ "แจ๊ส ชวนชื่น" ก็ไม่มีสิทธิ์ในผลงานชิ้นนี้ แถมยังเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
ทั้งนี้คุณไพบูลย์ ยังแนะนำว่า หลังจากผู้แต่งเพลงหรือมุกตลกสร้างสรรค์ผลงานเสร็จ ควรนำผลงานไปทำการจดลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญหาทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกือบเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต ซึ่งคุณไพบูลย์ ระบุว่า มุกตลกที่มีโครงสร้างชัดเจนหรือมีที่มาสามารถจดลิขสิทธิ์ได้
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442831428