สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ก็ใกล้ปิดเทอมแล้วลูกๆ ของเพื่อนๆ ที่อยู่ชั้นม.3 กำลังจะขึ้นม.4 ก็ต่างต้องเลือกสายเรียนในชั้นมัธยมปลาย และเด็กๆ ก็ต่างมีคำถามกันทั้งนั้นว่า
จะเลือกสายอะไรดี
วันนี้พี่มีประสบการณ์การเลือกสายเรียนในตอนมัธยมปลายมาเล่าให้ฟังกันค่ะ เผื่อจะได้เป็นตัวช่วยให้น้องๆ หรือคุณพ่อ-คุณแม่ ที่มีคุณลูกอยู่ในช่วงม.3 กำลังจะขึ้นม.4 ในปีหน้า และยังเลือกไม่ได้ว่าจะให้ลูกเรียนสายไหนดี มาลองฟังประสบการณ์ตรงของพี่กันค่ะ
หลายคนอาจไม่คิดว่าการค้นหาคำตอบของคำถามตอนที่เราอยู่ ม.3 ที่ว่า
“เราจะเรียนสายไหนดี” จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างอาชีพในอนาคตของเรา คนส่วนใหญ่รวมทั้งกระแสรอบด้านจะบอกเราว่าเรียน
สายวิทย์-คณิต สิ สอบเข้าคณะไหนก็ได้ เรียนสาขาไหนก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเช่นนั้นจริงหรือ??? พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านภาวะนี้มา และด้วยความที่มีผลการเรียนดีสามารถผ่านเข้าเรียนสายวิทย์-คณิตได้อย่างแน่นอน จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกเพื่อน ครู ผู้คนรอบข้าง และกระแสสังคมเล็กๆ ของเราในตอนนั้น (ซึ่งยังไม่มี google, pantip, dek-d, facebook, fanpage และอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยเราเปิดโลกเหมือนสมัยนี้) กดดันมาว่าเรียนสายวิทย์สิ เอนท์คณะอะไรก็ได้ แต่เนื่องจากเป็นคนที่ถูกฝึกให้ตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ และหาเหตุผลในการตัดสินใจ จึงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า ทำไมต้องสายวิทย์-คณิต? ความรู้สึกในตอนนั้นคือ วิชาวิทยาศาสตร์มันไม่ใช่เรา เรียนแล้วไม่สนุก ไม่เห็นอยากเรียนเลย ทำไมต้องเรียนด้วย ก็เลยเริ่มต้นหาข้อมูลว่าการเรียนสายวิทย์-คณิตให้ผลต่างกับเรียนสายอื่นอย่างไร ลองนั่งไล่ดูคณะที่ต้องเรียนสายวิทย์-คณิตเท่านั้นจึงจะสอบเข้าได้ก็พบว่าทั้งหมดล้วนไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเป็น เมื่อคำตอบในใจบอกว่าสายวิทย์-คณิต คงไม่ใช่ตัวเรา ในที่สุดจึงตัดสินใจตัดคำว่า “สายวิทย์-คณิต” ออกไปจากชีวิตทันที และพี่ก็เลือกเรียน
สายศิลป์-คำนวณเพราะคิดว่าเป็นตัวเรามากกว่า
ณ วันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากอะไร และหลายคนก็มักจะบอกว่า โชคดีจังที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วการรู้ว่าตัวเองชอบอะไรคงไม่ใช่เพียงเพราะโชคช่วย หากแต่เกิดจากการช่วยตัวเอง
โดยการค้นหาข้อมูล ถามตัวเองว่าตัวเราชอบอะไร ซึ่งเราทุกคนสามารถค้นหาทางที่ใช่ ที่เหมาะกับเราได้ ถ้าเพียงแต่จะกล้ายอมรับกับตัวเอง คิดวิเคราะห์ความต้องการของตัวเอง รวมทั้งศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ
วันนี้น้องๆ ลองเริ่มกันดูนะคะ ลองถามตัวเองว่าอยากเป็นอะไร ชอบอะไร พี่เชื่อว่าลึกๆ แล้วเรามีคำตอบให้กับตัวเองอยู่ เพียงแต่เราอาจจะยังลังเล หรือมีความไม่แน่ใจแทรกเข้ามาทำให้เราลังเลที่จะเชื่อความรู้สึกนั้น แต่ท้ายที่สุดการทำในสิ่งที่เราชอบ เราถนัด มันจะเป็นการทำให้ตัวเราเองมีความสุขที่สุด และไม่ฝืนธรรมชาติที่เราเป็นอยู่เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปล.พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ สำหรับน้องๆ หรือผู้ปกครองที่มีลูกกำลังจะเลือกสายเรียน
ขอให้เลือกได้ตามที่ตัวเองถนัดและตรงใจเราจริงๆค่ะ
แชร์ประสบการณ์ในการเลือกสายเรียนค่ะ "ทำไมต้องสายวิทย์-คณิต"
วันนี้พี่มีประสบการณ์การเลือกสายเรียนในตอนมัธยมปลายมาเล่าให้ฟังกันค่ะ เผื่อจะได้เป็นตัวช่วยให้น้องๆ หรือคุณพ่อ-คุณแม่ ที่มีคุณลูกอยู่ในช่วงม.3 กำลังจะขึ้นม.4 ในปีหน้า และยังเลือกไม่ได้ว่าจะให้ลูกเรียนสายไหนดี มาลองฟังประสบการณ์ตรงของพี่กันค่ะ
หลายคนอาจไม่คิดว่าการค้นหาคำตอบของคำถามตอนที่เราอยู่ ม.3 ที่ว่า “เราจะเรียนสายไหนดี” จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างอาชีพในอนาคตของเรา คนส่วนใหญ่รวมทั้งกระแสรอบด้านจะบอกเราว่าเรียน สายวิทย์-คณิต สิ สอบเข้าคณะไหนก็ได้ เรียนสาขาไหนก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเช่นนั้นจริงหรือ??? พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านภาวะนี้มา และด้วยความที่มีผลการเรียนดีสามารถผ่านเข้าเรียนสายวิทย์-คณิตได้อย่างแน่นอน จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกเพื่อน ครู ผู้คนรอบข้าง และกระแสสังคมเล็กๆ ของเราในตอนนั้น (ซึ่งยังไม่มี google, pantip, dek-d, facebook, fanpage และอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยเราเปิดโลกเหมือนสมัยนี้) กดดันมาว่าเรียนสายวิทย์สิ เอนท์คณะอะไรก็ได้ แต่เนื่องจากเป็นคนที่ถูกฝึกให้ตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ และหาเหตุผลในการตัดสินใจ จึงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า ทำไมต้องสายวิทย์-คณิต? ความรู้สึกในตอนนั้นคือ วิชาวิทยาศาสตร์มันไม่ใช่เรา เรียนแล้วไม่สนุก ไม่เห็นอยากเรียนเลย ทำไมต้องเรียนด้วย ก็เลยเริ่มต้นหาข้อมูลว่าการเรียนสายวิทย์-คณิตให้ผลต่างกับเรียนสายอื่นอย่างไร ลองนั่งไล่ดูคณะที่ต้องเรียนสายวิทย์-คณิตเท่านั้นจึงจะสอบเข้าได้ก็พบว่าทั้งหมดล้วนไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเป็น เมื่อคำตอบในใจบอกว่าสายวิทย์-คณิต คงไม่ใช่ตัวเรา ในที่สุดจึงตัดสินใจตัดคำว่า “สายวิทย์-คณิต” ออกไปจากชีวิตทันที และพี่ก็เลือกเรียนสายศิลป์-คำนวณเพราะคิดว่าเป็นตัวเรามากกว่า
ณ วันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากอะไร และหลายคนก็มักจะบอกว่า โชคดีจังที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วการรู้ว่าตัวเองชอบอะไรคงไม่ใช่เพียงเพราะโชคช่วย หากแต่เกิดจากการช่วยตัวเอง โดยการค้นหาข้อมูล ถามตัวเองว่าตัวเราชอบอะไร ซึ่งเราทุกคนสามารถค้นหาทางที่ใช่ ที่เหมาะกับเราได้ ถ้าเพียงแต่จะกล้ายอมรับกับตัวเอง คิดวิเคราะห์ความต้องการของตัวเอง รวมทั้งศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ
วันนี้น้องๆ ลองเริ่มกันดูนะคะ ลองถามตัวเองว่าอยากเป็นอะไร ชอบอะไร พี่เชื่อว่าลึกๆ แล้วเรามีคำตอบให้กับตัวเองอยู่ เพียงแต่เราอาจจะยังลังเล หรือมีความไม่แน่ใจแทรกเข้ามาทำให้เราลังเลที่จะเชื่อความรู้สึกนั้น แต่ท้ายที่สุดการทำในสิ่งที่เราชอบ เราถนัด มันจะเป็นการทำให้ตัวเราเองมีความสุขที่สุด และไม่ฝืนธรรมชาติที่เราเป็นอยู่เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้