ขอเล่ารายละเอียดก่อนนะคะ
เราไปซื้อของที่ห้าง เมื่อซื้อเสร็จแล้วมาพนักงาน บ. ประกันชีวิตมาบอกว่า เอาสลิปไปลงชื่อลุ้นรางวัลได้
เราก็คิดว่าคงเป็นเหมือนทุกห้าง ที่จะมีคูปองจับชิงโชคเวลาซื้อของครบ 500 อะไรทำนองนั้น
เราก็ไปลงชื่อ เสร็จแล้วเค้าก็บอกว่าจะรายงานผลให้ทราบทางข้อความ
แล้วเค้าก็ขออนุญาตแนะนำการออมเงิน พ่วงกับการประกันชีวิต ( คุ้มครองกรณีเสียชีวิตเท่านั้น)
เราก็สนใจถามรายละเอียดต่างๆ โดยสิ่งล่อใจคือ ดอกเบี้ยถึง 5% ต่อปีและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
โดยต้องจ่ายเดือนละประมาณ9000 บาท เวลา 7 ปี
ได้คืนปีละ 5000บาท เป็นเวลา 15 ปี
และเมื่อครบ 15 ปีจะได้เงินต้นคืนทั้งหมดอีก
ฟังแล้วมันน่าสนใจมาก
แต่เราต้องตัดสินใจร่วมกับแฟน เราจึงบอกว่าขอเอกสารกลับไปให้แฟนดูได้มั้ย
เป็นจุดเริ่มต้นที่เรารู้สึกไม่สบายใจ
1. พนักงานปฏิเสธการให้เอกสาร แม้กระทั่งการถ่ายรูปเอกสารแนะนำการออมเงิน บอกว่ามันดีมากและเป็นนโยบายของต้นสังกัด
2. พนักงานพยายามโน้มน้าวให้เราสมัครทำด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้เราปรึกษาแฟน
3. พนักงานคนอื่นพยายามมารุมกดดัน เราจึงบอกพนักงานไปว่าเราต้องกลับไปเอาบัญชี และพาแฟนมาด้วย
เขาจึงจะปล่อยให้เราออกมา แต่ให้เราเซ็นต์เอกสารทิ้งไว้ก่อน
เอกสารที่เราเซ็นต์ไปประกอบด้วย
1. ใบสมัครการทำกรมธรรม์ เขียนรายชื่อผู้รับผลประโยชน์ ที่อยู่ และลงชื่อไว้ทุกตำแหน่ง
2. สำเนาบัตรประชาชนที่เราเซ็นต์สำเนาถูกต้องแล้ว
แต่ในกรณีนี้ เรายังไม่ได้ให้หน้าสมุดบัญชี และยังไม่ได้จ่ายเงินไปแม้แต่บาทเดียว
เรารู้สึกไม่ไว้ใจกับการทำธุรกรรมกับบริษัทแห่งนี้แล้ว ตอนนี้พนักงานโทรตามเราจนสายแทบจะไหม้
เราจึงอยากปรึกษาเพื่อนๆที่มีประสบการณ์ว่า
1. ที่เราลงชื่อไป ถือว่าเป็นการสมัครกรมธรรม์โดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่
2. เอกสารที่เราลงชื่อไปนั้น พนักงานสามารถนำไปใช้เพื่อทำการอื่นๆได้แทนตัวเราหรือไม่ รวมไปถึงการเรียกเก็บเงินตามกรมธรรม์นั้น
3. เพื่อเป็นการป้องกันการนำเอกสารและสำเนาบัตรประชาชนของเราไปใช้ เราควรไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหรือไม่ (หรืออันนี้ดูจริงจังมากเกินไป)
ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆคำตอบนะคะ
หลวมตัวเซ็นต์ชื่อในเอกสารประกันชีวิต แบบนี้จะมีผลในอนาคตมั้ยคะ
เราไปซื้อของที่ห้าง เมื่อซื้อเสร็จแล้วมาพนักงาน บ. ประกันชีวิตมาบอกว่า เอาสลิปไปลงชื่อลุ้นรางวัลได้
เราก็คิดว่าคงเป็นเหมือนทุกห้าง ที่จะมีคูปองจับชิงโชคเวลาซื้อของครบ 500 อะไรทำนองนั้น
เราก็ไปลงชื่อ เสร็จแล้วเค้าก็บอกว่าจะรายงานผลให้ทราบทางข้อความ
แล้วเค้าก็ขออนุญาตแนะนำการออมเงิน พ่วงกับการประกันชีวิต ( คุ้มครองกรณีเสียชีวิตเท่านั้น)
เราก็สนใจถามรายละเอียดต่างๆ โดยสิ่งล่อใจคือ ดอกเบี้ยถึง 5% ต่อปีและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
โดยต้องจ่ายเดือนละประมาณ9000 บาท เวลา 7 ปี
ได้คืนปีละ 5000บาท เป็นเวลา 15 ปี
และเมื่อครบ 15 ปีจะได้เงินต้นคืนทั้งหมดอีก
ฟังแล้วมันน่าสนใจมาก
แต่เราต้องตัดสินใจร่วมกับแฟน เราจึงบอกว่าขอเอกสารกลับไปให้แฟนดูได้มั้ย
เป็นจุดเริ่มต้นที่เรารู้สึกไม่สบายใจ
1. พนักงานปฏิเสธการให้เอกสาร แม้กระทั่งการถ่ายรูปเอกสารแนะนำการออมเงิน บอกว่ามันดีมากและเป็นนโยบายของต้นสังกัด
2. พนักงานพยายามโน้มน้าวให้เราสมัครทำด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้เราปรึกษาแฟน
3. พนักงานคนอื่นพยายามมารุมกดดัน เราจึงบอกพนักงานไปว่าเราต้องกลับไปเอาบัญชี และพาแฟนมาด้วย
เขาจึงจะปล่อยให้เราออกมา แต่ให้เราเซ็นต์เอกสารทิ้งไว้ก่อน
เอกสารที่เราเซ็นต์ไปประกอบด้วย
1. ใบสมัครการทำกรมธรรม์ เขียนรายชื่อผู้รับผลประโยชน์ ที่อยู่ และลงชื่อไว้ทุกตำแหน่ง
2. สำเนาบัตรประชาชนที่เราเซ็นต์สำเนาถูกต้องแล้ว
แต่ในกรณีนี้ เรายังไม่ได้ให้หน้าสมุดบัญชี และยังไม่ได้จ่ายเงินไปแม้แต่บาทเดียว
เรารู้สึกไม่ไว้ใจกับการทำธุรกรรมกับบริษัทแห่งนี้แล้ว ตอนนี้พนักงานโทรตามเราจนสายแทบจะไหม้
เราจึงอยากปรึกษาเพื่อนๆที่มีประสบการณ์ว่า
1. ที่เราลงชื่อไป ถือว่าเป็นการสมัครกรมธรรม์โดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่
2. เอกสารที่เราลงชื่อไปนั้น พนักงานสามารถนำไปใช้เพื่อทำการอื่นๆได้แทนตัวเราหรือไม่ รวมไปถึงการเรียกเก็บเงินตามกรมธรรม์นั้น
3. เพื่อเป็นการป้องกันการนำเอกสารและสำเนาบัตรประชาชนของเราไปใช้ เราควรไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหรือไม่ (หรืออันนี้ดูจริงจังมากเกินไป)
ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆคำตอบนะคะ