สวัสดีครับ ก่อนอื่นก็ต้องขอเกริ่น เรื่องราวไว้ก่อน เพราะเนื้อหานี้ บางคนอาจคิดว่ามันเล็กน้อย ที่ผมไม่คิดว่ามันเล็กน้อย เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่น่าจะใหญ่ในระดับชาติไทยเลยก็เป็นได้ อาจจะยาวสักหน่อย และขัดต่อความรู้ความเข้าใจในแบบเดิมๆ ของคนจำนวนมากนับล้านในประเทศครับ ซึ่งแน่ว่า จะต้องมีคนไม่พอใจผม ก่นด่าผม และอาจถึงขั้นสาบแช่งและอยากฆ่าผมเป็นแน่แท้ครับ เพราะมันอาจทำใหชีวิตของใครๆ ยุ่งยากมากขึ้นนั่นเองครับ แต่ก็นะ ไม่ต่างกับชีวิตจริงผมที่ได้รับรู้จากคนรอบข้างมาเลย ทั้งช่างจริง ช่างปลอม ร้านค้าอาเจ็ก ที่อาจได้รับผลกระทบ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมมันพวกมองโลกในแง่ร้ายอยู่แล้วล่ะครับ
เรื่องราวที่ผมจะเล่าให้ทราบกันนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประเทศเรา ในพื้นที่พื้นถิ่นฐาน ใกล้ตัวผม ซึ่งมันเป็นปัญหาที่ว่า การที่เราใช้ ความรู้ความเข้าใจในแบบผิดๆ มันจะกลายร่างเป็นความถูกต้องไปโดยปริยาย เมื่อผ่านวันเวลาไปนาน
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมนี่แหละอาศัยอยู่ในส่วนหนึ่งของจังหวัดแพร่ ในพื้นที่ที่มีการทำเฟอร์นิเจอร์ไม้กันมากมาย มีคนอุปโลกตัวเองว่าเป็นช่างจำนวนไม่น้อย แต่มักไม่มีความรู้เรื่องช่างเลย และมักเรียก ตั้ง สอน ในการใช้มาตรา ชั่ง ตวง วัด กันอย่างผิดๆ ตั้งตัวเองว่าเป็น "สล่า" (ช่าง) จากการผ่านงานช่างเล็กน้อย อาศัยว่าการครูพักลักจำ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดีงาม ผ่านการสอนความรู้วิชาช่างทางวงเหล้า และมักโมโห โกรธเกรี้ยว ผูกใจเจ็บ เมื่อมีคนโต้แย้ง ซึ่งในความเป็นจริงในบรรดานั้น "สล่า" ที่เป็นตัวจริงนั้น กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ซึ่งสล่าท่านหนึ่งนั้น(แก่มากแล้ว) ยังเคยบอกว่าสล่า สมัยนี้ไม่มีความรู้ ไม่สนใจใคร่รู้หาความรู้ "จะฟังคำสอนพวกขี้เหล้าเมายามากกว่า สอนไม่ได้ ไม่เอาคำ ไม่ซื่อสัตย์" ท่านได้กล่าวไว้ ซึ่งสล่าจริงนั้น หายากมาก ถึงมากที่สุดในปัจุบันนี้แล้วครับ
เนื่องจากที่บ้าน เปิดเป็นร้านขายของ และมีสินค้าวัสดุก่อสร้างด้วย จึงพบว่า คนที่ใช้มาตราวัดแบบผิดๆนั้น มีเยอะมากอย่างไม่น่าเชื่อ คนที่เป็นบุคลากรทางการศึกษา อย่าง ครู ผู้มีประสบการณ์สอนมาจนเกษียนตัวเองออกมา ก็ยังใช้ผิดกันอย่างแพร่หลาย เด็กเล็กที่มาซื้อของตามคำสั่งพ่อแม่ ก็จำและเรียกกันอย่างผิดๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้ครับ
ครูเกษียนท่านหนึ่ง จะต่อเติมหลังคาโรงรถ มาซื้อสังกะสี 1 หาบ ซึ่ง 1หาบที่ว่านั้น มี 100 ฟุต (ซึ่งเป็นการเอามาตราชั่งไทยไปปนกับมาตราวัดของอังกฤษ และเมื่อนำแผ่นสังกะสีไปชั่งจริงๆแล้ว แผ่นสังกะสีขนาด 10 ฟุต จะหนักประมาณ 3กิโลกรัม 10แผ่น 100ฟุต จะหนักเพียงแค่ ประมาณ 30กิโลกรัม)
เด็กเล็กคนหนึ่ง ถูกพ่อใช้ให้มาซื้อตะปู 1บาท ครึ่งกิโล โดยที่ 1 บาทที่ว่านั้น คือ 1 นิ้วอังกฤษ นั่นเอง (ซึ่งเป็นการเอามาตราชั่งไทย ไปแทนที่มาตราวัดของอังกฤษ)
วัยรุ่นคนหนึ่ง ที่มักจะมาซื้อสกรูจะเรียกสกรูขนาดดังต่อไปนี้ สกรู 1นิ้ว เรียก 1นิ้วถูกต้อง แต่เรียกขนาดต่างๆกันดีงนี้ 1 1/4 ว่า ห้าสลึง, 1 1/2 ว่า หกสลึง , 1 3/4 ว่า แปดสลึง และ 1 7/8 ว่า สิบสลึง (ซึ่งเป็นการเอามาตราชั่งไทย ไปแทนที่มาตราวัดของอังกฤษ โดยใช้บัญญัติไตรยางค์ใดก็ไม่ทราบได้)
มนุษย์ป้าคนหนึ่งไม่ได้แก่มากอายุน้อยกว่าแม่ปีหนึ่งถึงสองปี และได้เรียนสูงกว่าแม่ผมซึ่งจบป.4 ถามซื้อปูนขาวแบ่งขายจากถุง โดยให้ชั่งขาย จะซื้อ 1 เม็ด ซึ่งกว่าจะฟังรู้เรื่อง 10 เม็ด เท่ากับ 1 กิโล โดยแกเถียงว่า ถ้าชั่งน้ำหนัก 10เม็ดเท่ากับ 1กิโล ถ้าเป็นความยาว ก่อนถึงจะเรียกว่า เป็นเมตร งงไหมครับ เป็นเม็ด เป็นเมตร เรียกกิโลเหมือนกัน แล้วยังบอกว่าห้ามเถียง ห้ามอวดรู้ เค้าจบสูงกว่าแม่ผม???
ผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่ง ขายสินค้าเกษตรให้กับนายหน้าที่มารับซื้อพืชผล หาบละ 100กิโลกรัม มานานหลายปี และก็ยังคงบอกลูกบ้านแบบปากต่อปากว่า หาบหนึ่งมี 100 กิโลกรัม เหมือนกับ สังกะสีหาบหนึ่ง มี 100 ฟุตนั่นเอง (1 หาบมี 60 กิโลกรัม ถ้าขายหาบล่ะ 100กิโลกรัม จะเท่ากับว่า ขายและแถมให้นายหน้าในอัตราส่วน ขาย 2 แถม 1.3333 ) ยัง.. ยังไม่รู้ตัวว่า หลอกตัวเองให้นายหน้าอยู่ (ไม่ใช่ว่านายหน้ามาหลอกว่าหาบละร้อย แต่ตัวเองไปขายให้เค้าหาบหนึ่งมี 100 กิโลเอง)
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง ท่านสามารถลงพิ้นที่ เพื่อทดสอบ หาข่าว สอบถาม หาข้อมูลจริงจากปากคนในพื้นที่ได้จริงแน่นอน
แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน??
จากที่ได้กล่าวมาทางด้านบน บางคนอาจบอกว่า ระดับปัญหามันอยู่ที่ระดับภูมิภาค ระดับชุมชนหรือเปล่า?? ไม่ได้ใหญ่ขนาดเท่ากับคนทั้งประเทศนี่หน่า ปัญหาเล็กน้อย ไร้สาระ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็เป็นได้ เพราะทุกวันนี้ ในระดับประเทศ เราเองก็ใช้มาตราวัดอย่างผิดๆกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมาตราวัด นิ้วของระบบอังกฤษ ที่เราย่อยสัดส่วนเรียกไปเองว่า หุน (ซึ่งที่มาของ หุน นี้จะมาอธิบายที่มาที่ไปให้กระจ่างกันในหัวข้อล่างๆครับ)
ถ้าจะพูดถึงสาเหตุจริงๆแล้ว ต้องโทษระบบการศึกษา ที่ไม่มีการสอน การเรียน การให้ความรู้ เรื่องมาตรา ชั่ง ตวง วัด กันอย่างเป็นกิจลักษณะ มีแต่ไปแปะมาตรา เป็นแผ่นๆ ตาม ท้ายสมุดบ้าง โน่น นี่ นั่น บ้าง ไม่มีการสอนการแปลงหน่วยวัด ไม่มีการให้ความรู้ใดๆในที่มาเลย ทั้งๆที่ในความเป็นจริง เราใช้และอยู่มันอยู่แทบจะเป็นชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวเราโดยที่เราไม่ได้ใสใจมันเลย
ในอดีตเมื่อสมัยปู่ ย่า ตา ยาย เราอาจไม่ได้สลักสำคัญอะไร จะทำอะไรสร้างอะไรก็อาศัย การกะ การคาดคะเน เอา ในการสร้างอะไรเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นมาตรฐาน แต่เมื่อมาถึงยุคเรา สมัยนี้ ยุคที่ผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้ว เราใช้ชีวิตตามมารตรฐานมากมาย ความจำเป็นในการใช้การ ชั่ง ตวง วัดที่เที่ยงตรง เป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งสิ่งที่เราจะสร้างต้องการความละเอียดมาก ย่อมต้องใช้การวัดที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น เที่ยงตรงยิ่งขึ้น
ในสมัยนี้เราจะได้ยินคำว่า "เรียนไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ ในชีวิตประจำวัน" นี่อาจเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า การไม่ให้ความสำคัญในการสอนสิ่งที่ถูกต้องเพราะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มันเป็นยังไง แน่ล่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ใช้ความรู้นั้น แต่ก็มีคนอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้ความรู้อันนั้น เมื่อยามปกติ เมื่อยามจำเป็น ข้ออ้างในความที่ไม่ต้องการจะใผ่รู้ ผลลัพธ์มันจะปรากฏในรูปของความผิดเพี้ยนไปอย่างที่ได้เกิ่นนำไปข้างต้นในอนาคต เอาสิครับ เรามาสร้างภาระให้ลูกหลานกัน
ในยามที่เราเปิดประเทศมากขึ้น คุณทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ คุณจะรู้สึกยังไงที่เค้ามองคุณอย่างเหยียดๆ ว่าเอ็งพล่ามอะไร ฉันไม่เข้าใจ มาตราวัดเขาพูดกันเป็นสากลทั่วทั้งโลก มาแต่งมาเติมเอาเองแล้วไปเถียงเขาว่าถูกสิ มันถูกของฉัน
แล้วมันเกี่ยวกับนิ้วและหุนยังไง???
เมื่อวันก่อน ผมได้ลองตั้งกระทู้
http://ppantip.com/topic/34168833 เพื่อลองทดสอบดูว่า คนทั่วไปคิดเห็นยังไง ผลก็ปรากฏออกมาตามที่ได้คาดคะเนไว้ ซึ่งมีคนรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง บางคนเริ่มเอะใจคิด บางคนให้เหตุผลว่ามันถูกต้องแล้ว เป็นปกติดี และถูกต้อง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันผิด และก็ผิด เป็นการมั่วเอามาตราวัดหนึ่ง ไปใส่ไว้ในอีกมาตราวัดหนึ่งอย่างผิดๆซะด้วย โดยที่เราไม่รู้ตัวกันมานาน ซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ หลักสิบปี หรือหลักร้อยปีกันแน่
จนผมคิดว่า อืม คนไทย ช่างเป็นประเทศที่การบิดเบือนมันอยู่ในสายเลือดเราหรือเปล่าวหว่า? เอาความไม่จริงบางส่วนใส่ในความจริงแล้ว เพาะบ่มไปนานๆ กลายเป็นความจริงไปโดยปริยายทั้งนั้น อาศัยการยอมรับกันมานานเป็นเครื่องการันตีหรือเปล่า? เรื่องนี้มันน่าคิดครับ
บ่นมาเยอะล่ะครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องของเรื่องก็คือ ในมาตราวัดความยาวของอังกฤษนั้น หน่วยที่เล็กที่สุดก็คือ นิ้ว(Inch) ใหญ่ที่สุดคือไมลล์ ไม่ได้มีการแบ่งนิ้ว(Inch) ออกเป็นหุน อย่างที่คนจำนวนมากเข้าใจ แต่จะแบ่งตามในรูปเศษส่วน ของนิ้ว(Inch) ส่วนเรื่องของหุนนั้น 10หุน ถึงจะเท่ากับ 1นิ้ว แต่เป็นมาตราวัดความยาวของจีน 10หุน(分หรือ fēn) เท่ากับ 1นิ้ว(寸 หรือ cùn) ซึ่งบางคนอ่านจีนกลางออกอาจะพอรู้บ้างว่าทำไมถึงอ่านอย่างนั้น ผมจะอธิบายในหัวข้อล่างๆต่อไปครับ และสุดท้าย 1นิ้ว ไทย มีค่าเท่ากับ 2.083333 เซ็นติเมตร ซึ่งสั้นกว่าใครในพวกที่ได้กล่าวมาทั้ง 3มาตราวัดของ 3ชาติ คือ ฝรั่ง จีน ไทย
ถ้าไม่เชื่อ ให้คุณลองไปถามชาวต่างขาติ ซึ่งผมแนะนำให้เป็นชาวอังกฤษจะดีทีเดียว โดยให้ถามเค้าแล้วสังเกตุดูหน้าเขา น่าจะพอนึกภาพกันได้ที่เดียวเลยครับ
"Hey!! You 1 inch is Equal 8 hun right??"
"Oh! Why are you don't understand hun . It's 1/8 inch !!!."
โอ้ว....แค่คิดก็..........แล้วล่ะครับ ผมว่าซักวันมันคงมีคนเอาไปพูดแบบนี้จริงๆแน่ ถ้าไม่แก้ไขเสียแต่เนิ่นๆ จนกลายเป็นมุขโจ้กระดับโลกแล้วล่ะก็ คนไทยนี่แหละ ที่จะฮาไม่ออกอยู่ที่เดียว
งั้นคงต้องอธิบายเรื่องของนิ้วอังกฤษแล้วล่ะ มันเป็นยังไง ทำไมทั้งๆที่ยังการแบ่งนิ้วออกเป็นส่วนๆนี่หน่า???
เข้าเรื่องราวตามหลักวิชาการ ตามความเข้าใจของผมแล้วนะครับ ในหัวข้อเรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องของ มาตราวัดความยาวแบบอังกฤษ ซึ่งจะไม่ขอเล่าเรื่องราวว่าได้มายังไงนะครับ เอาเป็นว่าหาอ่านเอาเองล่ะกันครับ ซึ่งเท่าที่เรารู้กันดีว่า การวัดความยาวของอังกฤษนั้น จะมีหน่วนหลายหน่วย เป็น นิ้ว ฟุต หลา ไมลล์ ดังนี้ครับ
12 นิ้ว เท่ากับ 1 ฟุต 12 Inch = 1 Foot
3 ฟุต เท่ากับ 1 หลา 3 Foot = 1 Yard
1760 หลา เท่ากับ 1 ไมล์ 1760 Yard = 1 Mile
ทีนี้ หน่วยที่เล็กที่สุดของอังกฤษ ก็คือนิ้ว แต่เมื่อดูมันจริงๆแล้ว มันก็ยัง หยาบ และใหญ่มาก เวลาใช้งานในส่วนของสิ่งของที่เล็กลงมา จึงใช้วิธีการแบ่งออกให้เล็กลง ซึ่งมักทำการแบ่ง ทีละครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ได้ง่ายต่อการบอกขนาดสิ่งของนั้นๆที่ใช้วัด เช่นว่า
ของสิ่งนี้ มีขนาดเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของนิ้ว
ของสิ่งนี้มีขนาด ครึ่งหนึ่ง ของ ครึ่งหนึ่งของนิ้ว
และเมื่อเอามาเขียนในรูปของตัวเลข ก็จะได้ ครึ่งหนึ่งก็คือ 1/2 หรือ
ครึ่งหนึ่ง ของ ครึ่งหนึ่ง ก็คือ (1/2)/2 หรือก็คือ 1/4 นั่นเอง
หรือถ้าใหญ่กว่าครึ่งล่ะ เช่น เกินกว่าครึ่งมาอีกครึ่งของครึ่งล่ะ ก็จะแบ่งครึงเอาไว้ก่อน แล้วค่อยทำการบวกครึ่งของครึ่งที่เหลือเข้าไป หรือก็คือการแบ่งนิ้วออกเป็น 1/2 + (1/2)/2 หรือก็คือ 1/2 +1/4 หรือก็คือ 2/4 + 1/4 หรือก็คือ 3/4 นั่นเอง
เป็นยังไงครับ อ่านดูแล้ว อยากได้ยาลม ยาดม ยาหม่องบ้างไหม
******************************************************************************************
คั่นเวลา ทำโพลกันเล่นๆครับ
*** ปิดโหวต วันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2558 เวลา 13:36:38 น.
[บทความ]จะเป็นอย่างไร? หากผมบ้าพอที่จะบอกคนไทยว่า ใน1Inch ไม่มีหุน ,10หุน เท่ากับ 1นิ้ว และ 1นิ้วเท่ากับ 2.083 cm
เรื่องราวที่ผมจะเล่าให้ทราบกันนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประเทศเรา ในพื้นที่พื้นถิ่นฐาน ใกล้ตัวผม ซึ่งมันเป็นปัญหาที่ว่า การที่เราใช้ ความรู้ความเข้าใจในแบบผิดๆ มันจะกลายร่างเป็นความถูกต้องไปโดยปริยาย เมื่อผ่านวันเวลาไปนาน
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมนี่แหละอาศัยอยู่ในส่วนหนึ่งของจังหวัดแพร่ ในพื้นที่ที่มีการทำเฟอร์นิเจอร์ไม้กันมากมาย มีคนอุปโลกตัวเองว่าเป็นช่างจำนวนไม่น้อย แต่มักไม่มีความรู้เรื่องช่างเลย และมักเรียก ตั้ง สอน ในการใช้มาตรา ชั่ง ตวง วัด กันอย่างผิดๆ ตั้งตัวเองว่าเป็น "สล่า" (ช่าง) จากการผ่านงานช่างเล็กน้อย อาศัยว่าการครูพักลักจำ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดีงาม ผ่านการสอนความรู้วิชาช่างทางวงเหล้า และมักโมโห โกรธเกรี้ยว ผูกใจเจ็บ เมื่อมีคนโต้แย้ง ซึ่งในความเป็นจริงในบรรดานั้น "สล่า" ที่เป็นตัวจริงนั้น กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ซึ่งสล่าท่านหนึ่งนั้น(แก่มากแล้ว) ยังเคยบอกว่าสล่า สมัยนี้ไม่มีความรู้ ไม่สนใจใคร่รู้หาความรู้ "จะฟังคำสอนพวกขี้เหล้าเมายามากกว่า สอนไม่ได้ ไม่เอาคำ ไม่ซื่อสัตย์" ท่านได้กล่าวไว้ ซึ่งสล่าจริงนั้น หายากมาก ถึงมากที่สุดในปัจุบันนี้แล้วครับ
เนื่องจากที่บ้าน เปิดเป็นร้านขายของ และมีสินค้าวัสดุก่อสร้างด้วย จึงพบว่า คนที่ใช้มาตราวัดแบบผิดๆนั้น มีเยอะมากอย่างไม่น่าเชื่อ คนที่เป็นบุคลากรทางการศึกษา อย่าง ครู ผู้มีประสบการณ์สอนมาจนเกษียนตัวเองออกมา ก็ยังใช้ผิดกันอย่างแพร่หลาย เด็กเล็กที่มาซื้อของตามคำสั่งพ่อแม่ ก็จำและเรียกกันอย่างผิดๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้ครับ
ครูเกษียนท่านหนึ่ง จะต่อเติมหลังคาโรงรถ มาซื้อสังกะสี 1 หาบ ซึ่ง 1หาบที่ว่านั้น มี 100 ฟุต (ซึ่งเป็นการเอามาตราชั่งไทยไปปนกับมาตราวัดของอังกฤษ และเมื่อนำแผ่นสังกะสีไปชั่งจริงๆแล้ว แผ่นสังกะสีขนาด 10 ฟุต จะหนักประมาณ 3กิโลกรัม 10แผ่น 100ฟุต จะหนักเพียงแค่ ประมาณ 30กิโลกรัม)
เด็กเล็กคนหนึ่ง ถูกพ่อใช้ให้มาซื้อตะปู 1บาท ครึ่งกิโล โดยที่ 1 บาทที่ว่านั้น คือ 1 นิ้วอังกฤษ นั่นเอง (ซึ่งเป็นการเอามาตราชั่งไทย ไปแทนที่มาตราวัดของอังกฤษ)
วัยรุ่นคนหนึ่ง ที่มักจะมาซื้อสกรูจะเรียกสกรูขนาดดังต่อไปนี้ สกรู 1นิ้ว เรียก 1นิ้วถูกต้อง แต่เรียกขนาดต่างๆกันดีงนี้ 1 1/4 ว่า ห้าสลึง, 1 1/2 ว่า หกสลึง , 1 3/4 ว่า แปดสลึง และ 1 7/8 ว่า สิบสลึง (ซึ่งเป็นการเอามาตราชั่งไทย ไปแทนที่มาตราวัดของอังกฤษ โดยใช้บัญญัติไตรยางค์ใดก็ไม่ทราบได้)
มนุษย์ป้าคนหนึ่งไม่ได้แก่มากอายุน้อยกว่าแม่ปีหนึ่งถึงสองปี และได้เรียนสูงกว่าแม่ผมซึ่งจบป.4 ถามซื้อปูนขาวแบ่งขายจากถุง โดยให้ชั่งขาย จะซื้อ 1 เม็ด ซึ่งกว่าจะฟังรู้เรื่อง 10 เม็ด เท่ากับ 1 กิโล โดยแกเถียงว่า ถ้าชั่งน้ำหนัก 10เม็ดเท่ากับ 1กิโล ถ้าเป็นความยาว ก่อนถึงจะเรียกว่า เป็นเมตร งงไหมครับ เป็นเม็ด เป็นเมตร เรียกกิโลเหมือนกัน แล้วยังบอกว่าห้ามเถียง ห้ามอวดรู้ เค้าจบสูงกว่าแม่ผม???
ผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่ง ขายสินค้าเกษตรให้กับนายหน้าที่มารับซื้อพืชผล หาบละ 100กิโลกรัม มานานหลายปี และก็ยังคงบอกลูกบ้านแบบปากต่อปากว่า หาบหนึ่งมี 100 กิโลกรัม เหมือนกับ สังกะสีหาบหนึ่ง มี 100 ฟุตนั่นเอง (1 หาบมี 60 กิโลกรัม ถ้าขายหาบล่ะ 100กิโลกรัม จะเท่ากับว่า ขายและแถมให้นายหน้าในอัตราส่วน ขาย 2 แถม 1.3333 ) ยัง.. ยังไม่รู้ตัวว่า หลอกตัวเองให้นายหน้าอยู่ (ไม่ใช่ว่านายหน้ามาหลอกว่าหาบละร้อย แต่ตัวเองไปขายให้เค้าหาบหนึ่งมี 100 กิโลเอง)
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง ท่านสามารถลงพิ้นที่ เพื่อทดสอบ หาข่าว สอบถาม หาข้อมูลจริงจากปากคนในพื้นที่ได้จริงแน่นอน
แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน??
จากที่ได้กล่าวมาทางด้านบน บางคนอาจบอกว่า ระดับปัญหามันอยู่ที่ระดับภูมิภาค ระดับชุมชนหรือเปล่า?? ไม่ได้ใหญ่ขนาดเท่ากับคนทั้งประเทศนี่หน่า ปัญหาเล็กน้อย ไร้สาระ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็เป็นได้ เพราะทุกวันนี้ ในระดับประเทศ เราเองก็ใช้มาตราวัดอย่างผิดๆกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมาตราวัด นิ้วของระบบอังกฤษ ที่เราย่อยสัดส่วนเรียกไปเองว่า หุน (ซึ่งที่มาของ หุน นี้จะมาอธิบายที่มาที่ไปให้กระจ่างกันในหัวข้อล่างๆครับ)
ถ้าจะพูดถึงสาเหตุจริงๆแล้ว ต้องโทษระบบการศึกษา ที่ไม่มีการสอน การเรียน การให้ความรู้ เรื่องมาตรา ชั่ง ตวง วัด กันอย่างเป็นกิจลักษณะ มีแต่ไปแปะมาตรา เป็นแผ่นๆ ตาม ท้ายสมุดบ้าง โน่น นี่ นั่น บ้าง ไม่มีการสอนการแปลงหน่วยวัด ไม่มีการให้ความรู้ใดๆในที่มาเลย ทั้งๆที่ในความเป็นจริง เราใช้และอยู่มันอยู่แทบจะเป็นชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวเราโดยที่เราไม่ได้ใสใจมันเลย
ในอดีตเมื่อสมัยปู่ ย่า ตา ยาย เราอาจไม่ได้สลักสำคัญอะไร จะทำอะไรสร้างอะไรก็อาศัย การกะ การคาดคะเน เอา ในการสร้างอะไรเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นมาตรฐาน แต่เมื่อมาถึงยุคเรา สมัยนี้ ยุคที่ผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้ว เราใช้ชีวิตตามมารตรฐานมากมาย ความจำเป็นในการใช้การ ชั่ง ตวง วัดที่เที่ยงตรง เป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งสิ่งที่เราจะสร้างต้องการความละเอียดมาก ย่อมต้องใช้การวัดที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น เที่ยงตรงยิ่งขึ้น
ในสมัยนี้เราจะได้ยินคำว่า "เรียนไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ ในชีวิตประจำวัน" นี่อาจเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า การไม่ให้ความสำคัญในการสอนสิ่งที่ถูกต้องเพราะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มันเป็นยังไง แน่ล่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ใช้ความรู้นั้น แต่ก็มีคนอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้ความรู้อันนั้น เมื่อยามปกติ เมื่อยามจำเป็น ข้ออ้างในความที่ไม่ต้องการจะใผ่รู้ ผลลัพธ์มันจะปรากฏในรูปของความผิดเพี้ยนไปอย่างที่ได้เกิ่นนำไปข้างต้นในอนาคต เอาสิครับ เรามาสร้างภาระให้ลูกหลานกัน
ในยามที่เราเปิดประเทศมากขึ้น คุณทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ คุณจะรู้สึกยังไงที่เค้ามองคุณอย่างเหยียดๆ ว่าเอ็งพล่ามอะไร ฉันไม่เข้าใจ มาตราวัดเขาพูดกันเป็นสากลทั่วทั้งโลก มาแต่งมาเติมเอาเองแล้วไปเถียงเขาว่าถูกสิ มันถูกของฉัน
แล้วมันเกี่ยวกับนิ้วและหุนยังไง???
เมื่อวันก่อน ผมได้ลองตั้งกระทู้ http://ppantip.com/topic/34168833 เพื่อลองทดสอบดูว่า คนทั่วไปคิดเห็นยังไง ผลก็ปรากฏออกมาตามที่ได้คาดคะเนไว้ ซึ่งมีคนรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง บางคนเริ่มเอะใจคิด บางคนให้เหตุผลว่ามันถูกต้องแล้ว เป็นปกติดี และถูกต้อง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันผิด และก็ผิด เป็นการมั่วเอามาตราวัดหนึ่ง ไปใส่ไว้ในอีกมาตราวัดหนึ่งอย่างผิดๆซะด้วย โดยที่เราไม่รู้ตัวกันมานาน ซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ หลักสิบปี หรือหลักร้อยปีกันแน่
จนผมคิดว่า อืม คนไทย ช่างเป็นประเทศที่การบิดเบือนมันอยู่ในสายเลือดเราหรือเปล่าวหว่า? เอาความไม่จริงบางส่วนใส่ในความจริงแล้ว เพาะบ่มไปนานๆ กลายเป็นความจริงไปโดยปริยายทั้งนั้น อาศัยการยอมรับกันมานานเป็นเครื่องการันตีหรือเปล่า? เรื่องนี้มันน่าคิดครับ
บ่นมาเยอะล่ะครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องของเรื่องก็คือ ในมาตราวัดความยาวของอังกฤษนั้น หน่วยที่เล็กที่สุดก็คือ นิ้ว(Inch) ใหญ่ที่สุดคือไมลล์ ไม่ได้มีการแบ่งนิ้ว(Inch) ออกเป็นหุน อย่างที่คนจำนวนมากเข้าใจ แต่จะแบ่งตามในรูปเศษส่วน ของนิ้ว(Inch) ส่วนเรื่องของหุนนั้น 10หุน ถึงจะเท่ากับ 1นิ้ว แต่เป็นมาตราวัดความยาวของจีน 10หุน(分หรือ fēn) เท่ากับ 1นิ้ว(寸 หรือ cùn) ซึ่งบางคนอ่านจีนกลางออกอาจะพอรู้บ้างว่าทำไมถึงอ่านอย่างนั้น ผมจะอธิบายในหัวข้อล่างๆต่อไปครับ และสุดท้าย 1นิ้ว ไทย มีค่าเท่ากับ 2.083333 เซ็นติเมตร ซึ่งสั้นกว่าใครในพวกที่ได้กล่าวมาทั้ง 3มาตราวัดของ 3ชาติ คือ ฝรั่ง จีน ไทย
ถ้าไม่เชื่อ ให้คุณลองไปถามชาวต่างขาติ ซึ่งผมแนะนำให้เป็นชาวอังกฤษจะดีทีเดียว โดยให้ถามเค้าแล้วสังเกตุดูหน้าเขา น่าจะพอนึกภาพกันได้ที่เดียวเลยครับ
"Hey!! You 1 inch is Equal 8 hun right??"
"Oh! Why are you don't understand hun . It's 1/8 inch !!!."
โอ้ว....แค่คิดก็..........แล้วล่ะครับ ผมว่าซักวันมันคงมีคนเอาไปพูดแบบนี้จริงๆแน่ ถ้าไม่แก้ไขเสียแต่เนิ่นๆ จนกลายเป็นมุขโจ้กระดับโลกแล้วล่ะก็ คนไทยนี่แหละ ที่จะฮาไม่ออกอยู่ที่เดียว
งั้นคงต้องอธิบายเรื่องของนิ้วอังกฤษแล้วล่ะ มันเป็นยังไง ทำไมทั้งๆที่ยังการแบ่งนิ้วออกเป็นส่วนๆนี่หน่า???
เข้าเรื่องราวตามหลักวิชาการ ตามความเข้าใจของผมแล้วนะครับ ในหัวข้อเรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องของ มาตราวัดความยาวแบบอังกฤษ ซึ่งจะไม่ขอเล่าเรื่องราวว่าได้มายังไงนะครับ เอาเป็นว่าหาอ่านเอาเองล่ะกันครับ ซึ่งเท่าที่เรารู้กันดีว่า การวัดความยาวของอังกฤษนั้น จะมีหน่วนหลายหน่วย เป็น นิ้ว ฟุต หลา ไมลล์ ดังนี้ครับ
12 นิ้ว เท่ากับ 1 ฟุต 12 Inch = 1 Foot
3 ฟุต เท่ากับ 1 หลา 3 Foot = 1 Yard
1760 หลา เท่ากับ 1 ไมล์ 1760 Yard = 1 Mile
ทีนี้ หน่วยที่เล็กที่สุดของอังกฤษ ก็คือนิ้ว แต่เมื่อดูมันจริงๆแล้ว มันก็ยัง หยาบ และใหญ่มาก เวลาใช้งานในส่วนของสิ่งของที่เล็กลงมา จึงใช้วิธีการแบ่งออกให้เล็กลง ซึ่งมักทำการแบ่ง ทีละครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ได้ง่ายต่อการบอกขนาดสิ่งของนั้นๆที่ใช้วัด เช่นว่า
ของสิ่งนี้ มีขนาดเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของนิ้ว
ของสิ่งนี้มีขนาด ครึ่งหนึ่ง ของ ครึ่งหนึ่งของนิ้ว
และเมื่อเอามาเขียนในรูปของตัวเลข ก็จะได้ ครึ่งหนึ่งก็คือ 1/2 หรือ
ครึ่งหนึ่ง ของ ครึ่งหนึ่ง ก็คือ (1/2)/2 หรือก็คือ 1/4 นั่นเอง
หรือถ้าใหญ่กว่าครึ่งล่ะ เช่น เกินกว่าครึ่งมาอีกครึ่งของครึ่งล่ะ ก็จะแบ่งครึงเอาไว้ก่อน แล้วค่อยทำการบวกครึ่งของครึ่งที่เหลือเข้าไป หรือก็คือการแบ่งนิ้วออกเป็น 1/2 + (1/2)/2 หรือก็คือ 1/2 +1/4 หรือก็คือ 2/4 + 1/4 หรือก็คือ 3/4 นั่นเอง
เป็นยังไงครับ อ่านดูแล้ว อยากได้ยาลม ยาดม ยาหม่องบ้างไหม
******************************************************************************************
คั่นเวลา ทำโพลกันเล่นๆครับ