ใครเห็นฟอร์มเชลซีปีนี้ก็ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชลซี โดยเฉพาะแฟนๆสาวกสิงห์บลูที่ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นและเมื่อไหร่จะเห็นฟอร์มทีมรักกลับมา ขณะที่แฟนทีมอื่นก็ขอให้อยู่ในฟอร์มนี้นานๆ จนจบฤดูกาล

     พรีเมียร์ลีกผ่านมาแล้ว 5 นัด เชลซีมีแค่ 4 คะแนน อยู่ห่างจากโซนท้ายตารางอันดับเดียวเท่านั้น เสียประตูทุกนัด และเสียประตูรวมแล้วถึง 12 ประตู ใช่แล้วครับเชลซีที่รักเสียประตูทุกนัดยังไม่พอ ยังเสียประตูนัดละ 2 ประตูขึ้นไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นฟอร์มที่ห่วยแตกที่สุดในรอบหลายปีก็ไม่ผิด ถึงขนาดที่ว่า เอวีบี ที่ทำทีมได้แย่ที่สุดในบรรดาโคชของเสี่ยหมี แล้ว มูรินโญ่ทำทีมปีนี้ได้แย่ยิ่งกว่าใครๆ ที่น่าตกใจก็เพราะฟอร์มแย่ที่สุดนี้ดันมาเกิดในยุคของ “เดอะสเปเชียลวันรีเทิร์น”

     ปัญหาของเชลซีถูกมองไปที่ผลงานของแผงกองหลังชุดเดิมของแชมป์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา  ประเด็นเรื่องของอายุของกองหลังเริ่มกลับมาพูดถึงอีกครั้ง ความจริงปัญหาของแผงหลังไม่ได้พึ่งเริ่มมี แต่มีมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วโดยเฉพาะครึ่งหลังของฤดูกาล จะเห็นได้อย่างชัดเจนเวลาที่ทีมสิงห์บูลต้องเจอกับทีมที่มีกองหน้าหรือปีกที่มีความเร็ว ความคล่องตัว แต่มันแย่ยิ่งกว่าที่ปัญหาจากปีที่แล้วไม่ได้รับการแก้ไขจนเวลาล่วงเลยเข้ามาในฤดูกาลใหม่ และชัดเจนยิ่งขึ้นกับผลงานที่ออกมาใน 5 เกมแรก

     เทอรี่ อิวาโนวิช คือ 2 ผู้เล่นหลักในแนวรับ ที่อายุทะลุ 30 ไปแล้ว ขณะที่เคฮิลอายุ 29 (จะ 30 ธันวาคมปีนี้) ฤดูกาลที่แล้วถึงเชลซีจะเป็นแชมป์ แต่ทุกนัดที่มูรินโญ่จับเอา เทอรี่ และเคฮิล ยืนคู่กัน ทำเอาแฟนบอลสิงห์บูลต้องลุ้นหนักแทบทุกนัด เพราะทั้งคู่ไม่ได้มีความเร็ว ส่วนอิวาโนวิชนี้ต้องยอมรับเลยว่าอายุพาเอาทุกอย่างไปจากเขาจริงๆ ฤดูกาลที่แล้วอาจจะมีปัญหาในการประกบปีกในบางนัด แต่ก็ได้เกมบุกที่ช่วยให้ทีมความแชมป์มาได้ แต่มาฤดูกาลนี้กองหลังเซอร์เบียกลายเป็นจุดอ่อนของทีม โดยเฉพาะนัดในลีกล่าสุดที่แพ้ เอฟเวอร์ตัน เรียกได้ว่าคืนนั้นอิวาโนวิช เจอเนย์สมิธ ตามหลอกหลอนถึงในฝันเป็นแน่แท้

     ต่างจากปีแรกของการกลับมาของเดอะสเปเชียลวัน มูรินโญ่รู้ดีว่าการที่จะทำทีมที่จบฤดูกาลแล้วตามหลังแชมป์ 4 คะแนนนั้น ต้องแก้ตรงจุดไหนของทีมเพื่อคว้าแชมป์ในปีที่สอง การปิดดีล เชส ฟาเบรกัส และดีเอโก้ คอสต้า ที่รวดเร็วคือคำตอบ ทำให้เชลซีมีเวลาเตรียมทีมก่อนพรีเมียร์ลีกเปิด

     ขณะที่ฤดูกาลนี้ทีมสิงห์บูลเหมือนอย่างกับคนละทีม การเตรียมทีมที่ล่าช้า ตั้งแต่การตัดสินใจมาเล่นกับทีมไทยแลนด์ออลสตาร์ และซิดนีย์ เอฟซี อันนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากเห็นเชลซีมาเล่นในบ้านเราตัวเป็นๆ แต่ทีมที่กรำศึกหนักมาตลอดทั้งปีแทบไม่มีวันพัก ผมว่าสมควรที่จะได้พัก แถมเชลซีเองเป็นทีมที่มีนักเตะใช้หมุนเวียนกันน้อยมากๆ (เดชะบุญที่ฤดูกาลที่แล้วไม่ค่อยมีนักเตะเจ็บพร้อมกัน ไม่งั้นงานเข้าแน่) แถมโปรแกรมพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้มีการเลื่อนเปิดเร็วขึ้น นั้นหมายความว่าเชลซีต้องเตรียมวางแผนรับมือกับการป้องกันแชมป์ให้รวดเร็วขึ้นเช่นกัน จุดที่พลาดต่อมาคือการไปเล่นทัวร์นาเมนต์ทีอเมริกา ความไม่พร้อมของทีมกับผลงานปรีซีซันเป็นเครื่องสะท้อนอย่างชัดเจน มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของทีมงานของเชลซีที่จัดโปรแกรมสุดโหดตั้งแต่เยือนเมืองไทย ทำให้มีเวลาพักน้อยลง ก่อนไปอเมริกา แถมยังไม่พอต้องมาเล่นนัดทัวร์นาเมนต์ตกค้างกับ ฟิออเรนติน่า หลังจากความพ่ายแพ้ครั้งแรกของมูรินโญ่กับอาร์เซนอล เพียงแค่ 3 วัน แถมมีเวลาให้พักสำหรับนัดเปิดฤดูกาลแค่ 2 วันเท่านั้น!! (ไม่รู้ว่าทีมงานเอาอะไรคิด โชคดีที่ไม่ต้องนั่งเครื่องไปเล่นให้พวกไอ่กันดูอีกรอบ)

     ขณะที่เวลากระชั้นชิดเข้ามา เรื่องของการซื้อขายนักเตะกลับล่าช้า เชลซีเสียปีกสำรองชั้นดีอย่าง อังเดร ชูร์เล่ ไปเมื่อกลางฤดูกาลที่แล้ว และการเข้ามาทดแทนของกัวดราโด้ มันไม่ใช่คำตอบที่ถูก แน่นอนเชลซีต้องการปีกใหม่ แต่กว่าสาวกสิงห์บูลจะได้เฮรับข่าวดีกับการมาของ เปโดร คือหลังจากที่โดนคู่แข่งสำคัญอย่างแมนซิตี้สอนบอลไป 3-0 ไปแล้ว แถมเปโดร คือคนที่ใช่หรือเปล่ายังตอบไม่ได้ด้วย เพราะหลังจากเปิดตัวได้อลังการ แต่นัดต่อมาที่แพ้ทั้ง คริสตัล พาเลซ และเอฟเวอร์ตัน เปโดรยังไม่ได้โชว์ของออกมามากพอที่จะบอกได้ว่านี่คือจิกซอของการป้องกันแชมป์

     ส่วนกองหน้าการจากไปของดร็อกบา อาจจะไม่กระทบต่อผลงานของทีมมากนัก แต่การเข้ามาของฟัลเกาสิครับที่กระทบ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การยืมตัว แต่ผลงานของฟัลเกากับแมนยู มันเกินความว่าห่วยไปแล้วด้วยซ้ำ แน่นอนทีมเปลี่ยนฟอร์มนักเตะก็เปลี่ยนได้ แต่นั้นใช้ไม่ได้กับฟัลเกาที่จะหวังให้ลงสนามมาแล้วเปลี่ยนเกม เหมือนสมัยที่เชลซียังมีซาลอมง กาลู หรืออเนลก้า แถมตรงนี้แอบน่าผิดหวังที่ไม่ได้เห็นนักเตะกองหน้าเด็กฟอร์มดีอย่าง ปาทริค แบมฟอร์ด ที่น่าจะดันให้มาแทนที่เป็นกองหน้าเบอร์ 3 แทนดร็อกบา

     และที่เป็นปัญหาสุดๆ อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้าคือกองหลัง เริ่มจากการเสียฟิลิเป้ หลุยส์ กว่าเราจะได้บาบา ราห์มาน ก็คือเกมที่แพ้แมนซิตี้ไปแล้ว แถมไม่สามารถจบดีล จอห์น สโตนส์ ได้ซักที กว่าเชลซีจะย้ายหันไปหา ปาปี้ ฌิโลโบฌี ก็คือวันสุดท้ายของตลาดปิดแล้ว ซึ่งนักเตะใหม่ที่เข้ามาต่างต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่เมื่อเกมพรีเมียร์ลีกเริ่มไปแล้ว ทุกนัดที่ยิ่งปล่อยให้ผ่านไป มันไม่สามารถเอามาเป็นนัดทดลองเพื่อให้นักเตะใหม่เหล่านี้ปรับตัว หรือปรับแผนได้เลย ยิ่งเชลซีออกสตาร์ทแพ้ติดๆ กันแบบนี้แล้ว ยิ่งไม่มีเวลาให้มาทดลองอีกแล้ว การซื้อของเชลซีฤดุกาลนี้จึงไม่ต่างจากการซื้อช่วงมกราคม เพราะนักเตะใหม่ที่ลงไปเล่นแล้วไม่ทำให้เกมดีขึ้น หรือเล่นไม่ออก มันคือการเอาฆ้อนมาตอกหน้าคนซื้อทันทีว่าซื้อพลาด และทุกนัดที่เหลือถ้ายังอยากลุ้นแชมป์คือแพ้ไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งถ้าแมนซิตี้ยังไม่สะดุด

     อีกสาเหตุที่เชลซีฟอร์มไม่ดีนอกจากการวางแผนอุ่นเครื่องและการซื้อตัวแล้ว คือการจบสกอร์ ที่เริ่มส่อแววเห็นปัญหาตั้งแต่เริ่มปีใหม่มา เชลซียิงได้น้อยลงไปอย่างมาก รูปเกมที่เหมือนโดนทีมคู่แข่งแก้และรับมือมาได้แล้ว กลับไม่ได้รับการแก้ไขในฤดูกาลนี้ เขลซีของมูรินโญ่ ยังคงเล่นเหมือนเดิม มีมิติของเกมบุกที่น้อยลงไป และจะแย่ลงไปอีกถ้า อาซา เล่นไม่ออก ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าคู่แข่งทุกทีมในพรีเมียร์จัดเกมรับมาชนเชลซีได้เป็นอย่างดี เห็นได้จาก 5 เกมแรก ตั้งแต่บีบเชส ฟาเบรกัส ให้ออกบอลได้ลำบากเวลาเข้าเขตแดนของตัวเอง พยายามจับตายอาซา มีเข้าประกบ 2 คนเสมอ  ปล่อยให้คอสต้าทะเลาะกับต้นหญ้าไปเดียวก็ได้ใบเหลืองเงียบไปเอง ตรงนี้ต้องยอมรับเลยว่าการขาดออสก้าไป ทำให้มิติในเกมรุกมันน้อยลงไปเยอะทีเดียว

     นี่ยังไม่นับปัญหาภายในทีมที่มูรินโญ่ออกมาจวกตั้งแต่ ทีมงานจัดซื้อนักเตะ ยันหมอประจำทีม ที่เหลือตอนนี้คือวัดมันสมองของชายหน้าเครียด ว่าทรัพยากรเท่าที่มีอยู่นี้จะผสมยังไงให้ฟอร์มกลับมาเหมือนเดิม พร้อมทั้งวัดใจเสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช ว่าจะให้โอกาสยาวนานแค่ไหนกับฟอร์มแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เชือดทิ้งซะหลายคน ซึ่งในวันเสาร์นี้เชลซีต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของคู่แข่งร่วมกรุง ที่สิงห์บูลดันไปขายกำแพงเมืองลอนดอนให้ไปแล้วอย่าง อาเซนอล บอกได้เลยครับถ้าแพ้อย่าว่าแต่ลุ้นแชมป์เลย โควตาไปยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเผลอๆ จะไม่ได้ด้วย แค่นี้น้ำตาของเหล่าสาวกก็เต็มเป้าตาเตรียมไหลแล้ว

ปล. ปีเตอร์ เช็ก กฎการยิงประตูทีมเก่ายังใช้ได้นะนาย ขึ้นมาบุกด้วย