สวัสดีค่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนอาจจะคิดว่ามันเรื่องเล็กและมองข้ามไปได้ แต่สำหรับหนู หนูเป็นคนที่ปกติแล้วให้เวลากับที่บ้านเต็มที่ เลยรู้สึกว่ามันแอบเป็นปัญหา แต่เป็นปัญหาในส่วนของแค่ความรู้สึกเท่านั้นนะคะ
ตอนนี้หนูอยู่ม.6 กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ โดยปกติแล้วหนูเป็นคนติดบ้านมาก แล้วชอบคุยกับแม่เรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตค่ะ
แต่พอช่วงม.5 ขึ้นม.6 ความกดดันในการเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มมาค่ะ หนูเรียนสายศิลป์-คำนวณ ทางเลือกในการเรียนต่อก็เลยไม่มากเท่าสายวิทย์
ตอนช่วงแรกๆหนูปรึกษาแม่ตลอดว่าจะเลือกคณะอะไรดี จนมาจบอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ค่ะ พอจะรู้แล้วใช่ไหมคะว่าเด็กสายคำนวณแบบหนูคงจะสู้เด็กสายภาษาไม่ได้ถ้าหนูไม่พยายามอย่างหนัก
หนูจึงเริ่มลงเรียนพิเศษจนกลายเป็นตารางเต็มทุกวัน(แน่นยิ่งกว่าเด็กสายวิทย์อีกค่ะบอกเลย)
หนูทราบดีค่ะว่าหลายคนอาจคิดว่าการเรียนพิเศษไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่หนูว่า การลงทุนกับการศึกษายังไงก็ไม่มีวันขาดทุนค่ะ (ทุกครั้งที่เรียนเสร็จจะกลับมาทบทวนเสมอค่ะไม่เคยขาด)
คุณแม่กับคุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่ รวมทั้งพี่สาวของหนู พี่หนูจบสายวิทย์มาค่ะ และกำลังศึกษาอยู่ที่วิศวะ จุฬา คือพี่หนูเป็นคนที่เก่งและขยันมากค่ะ
หนูเองก็เอาพี่เป็นแบบอย่างมาตลอด
หนูเรียนและพยายามอย่างหนัก ทั้งอ่านหนังสือและทำความเข้าใจบทเรียน กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่มทุกวัน ไม่เป็นอันกินอันนอนเท่าไหร่ จะมีก็แค่วันอาทิตย์ที่กลับบ้านเร็วและพอจะมีเวลาทำอย่างอื่นบ้าง เช่น เล่นกีฬากับที่บ้าน (หลายคนอาจอยากถามว่าทำไมหนูถึงพิมพ์เล่าได้ยาวขนาดนี้ถ้าไม่มีเวลาจริง คือหนูพิมพ์สะสมมาเรื่อยๆนะคะ และก็เครียดเรื่องนี้จริงๆจนอยากจะขอคำปรึกษาค่ะ)
เนื่องมาจากที่หนูเรียนหนักมากทำให้ไม่มีเวลาจะพูดคุยหรือปรึกษาอะไรกับที่บ้านมากนัก
เวลาที่หนูมีให้กับที่บ้านก็เริ่มลดน้อยลงไปค่ะ จากที่เคยปรึกษาและเล่าเรื่องต่างๆให้แม่ฟัง ก็กลายเป็นพูดน้อยลง คุยน้อยลงแล้วก็เริ่มรู้สึกห่างเหิน
คือที่หนูพยายามและตั้งใจขนาดนี้ บอกตามตรงก็เพื่อพ่อกับแม่ค่ะ อยากให้เขาภูมิใจที่เราติดมหาวิทยาลัยที่เขาฝันจะให้เราเข้าให้ได้สักครั้งในชีวิต
เดี๋ยวนี้พออยากจะปรึกษาอะไรก็กลายเป็นไม่มีเวลาจะคุยกัน (คือประกอบกับแม่กับพ่องานหนักทั้งคู่ พี่ก็เรียนหนัก)
ครอบครัวเราเริ่มห่างเหินค่ะ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้มาก คือทุกอย่างมันบีบคั้น เวลาเหลือน้อยเต็มที
เวลาเหนื่อยหรือท้อบางทีก็บอกใครไม่ได้
มันเครียด กดดัน แล้วก็รู้สึกไม่ดีค่ะที่เหมือนเราไม่มีเวลาให้กับที่บ้าน ให้กับแม่
หนูควรจะทำยังไงดีคะ ตอนนี้รู้สึกเหมือนอมทุกข์อยู่คนเดียว แล้วก็กลัวว่าแม่จะน้อยใจที่หนูไม่ค่อยคุยกับแม่เหมือนเดิม
ปล. ขอบคุณล่วงหน้านะคะสำหรับคำแนะนำ
ทำยังไงดีคะ เรียนหนักจนเริ่มมีเวลาให้ที่บ้านน้อยลง
ตอนนี้หนูอยู่ม.6 กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ โดยปกติแล้วหนูเป็นคนติดบ้านมาก แล้วชอบคุยกับแม่เรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตค่ะ
แต่พอช่วงม.5 ขึ้นม.6 ความกดดันในการเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มมาค่ะ หนูเรียนสายศิลป์-คำนวณ ทางเลือกในการเรียนต่อก็เลยไม่มากเท่าสายวิทย์
ตอนช่วงแรกๆหนูปรึกษาแม่ตลอดว่าจะเลือกคณะอะไรดี จนมาจบอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ค่ะ พอจะรู้แล้วใช่ไหมคะว่าเด็กสายคำนวณแบบหนูคงจะสู้เด็กสายภาษาไม่ได้ถ้าหนูไม่พยายามอย่างหนัก
หนูจึงเริ่มลงเรียนพิเศษจนกลายเป็นตารางเต็มทุกวัน(แน่นยิ่งกว่าเด็กสายวิทย์อีกค่ะบอกเลย)
หนูทราบดีค่ะว่าหลายคนอาจคิดว่าการเรียนพิเศษไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่หนูว่า การลงทุนกับการศึกษายังไงก็ไม่มีวันขาดทุนค่ะ (ทุกครั้งที่เรียนเสร็จจะกลับมาทบทวนเสมอค่ะไม่เคยขาด)
คุณแม่กับคุณพ่อก็สนับสนุนเต็มที่ รวมทั้งพี่สาวของหนู พี่หนูจบสายวิทย์มาค่ะ และกำลังศึกษาอยู่ที่วิศวะ จุฬา คือพี่หนูเป็นคนที่เก่งและขยันมากค่ะ
หนูเองก็เอาพี่เป็นแบบอย่างมาตลอด
หนูเรียนและพยายามอย่างหนัก ทั้งอ่านหนังสือและทำความเข้าใจบทเรียน กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่มทุกวัน ไม่เป็นอันกินอันนอนเท่าไหร่ จะมีก็แค่วันอาทิตย์ที่กลับบ้านเร็วและพอจะมีเวลาทำอย่างอื่นบ้าง เช่น เล่นกีฬากับที่บ้าน (หลายคนอาจอยากถามว่าทำไมหนูถึงพิมพ์เล่าได้ยาวขนาดนี้ถ้าไม่มีเวลาจริง คือหนูพิมพ์สะสมมาเรื่อยๆนะคะ และก็เครียดเรื่องนี้จริงๆจนอยากจะขอคำปรึกษาค่ะ)
เนื่องมาจากที่หนูเรียนหนักมากทำให้ไม่มีเวลาจะพูดคุยหรือปรึกษาอะไรกับที่บ้านมากนัก
เวลาที่หนูมีให้กับที่บ้านก็เริ่มลดน้อยลงไปค่ะ จากที่เคยปรึกษาและเล่าเรื่องต่างๆให้แม่ฟัง ก็กลายเป็นพูดน้อยลง คุยน้อยลงแล้วก็เริ่มรู้สึกห่างเหิน
คือที่หนูพยายามและตั้งใจขนาดนี้ บอกตามตรงก็เพื่อพ่อกับแม่ค่ะ อยากให้เขาภูมิใจที่เราติดมหาวิทยาลัยที่เขาฝันจะให้เราเข้าให้ได้สักครั้งในชีวิต
เดี๋ยวนี้พออยากจะปรึกษาอะไรก็กลายเป็นไม่มีเวลาจะคุยกัน (คือประกอบกับแม่กับพ่องานหนักทั้งคู่ พี่ก็เรียนหนัก)
ครอบครัวเราเริ่มห่างเหินค่ะ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้มาก คือทุกอย่างมันบีบคั้น เวลาเหลือน้อยเต็มที
เวลาเหนื่อยหรือท้อบางทีก็บอกใครไม่ได้
มันเครียด กดดัน แล้วก็รู้สึกไม่ดีค่ะที่เหมือนเราไม่มีเวลาให้กับที่บ้าน ให้กับแม่
หนูควรจะทำยังไงดีคะ ตอนนี้รู้สึกเหมือนอมทุกข์อยู่คนเดียว แล้วก็กลัวว่าแม่จะน้อยใจที่หนูไม่ค่อยคุยกับแม่เหมือนเดิม
ปล. ขอบคุณล่วงหน้านะคะสำหรับคำแนะนำ