ถ้ายาแนว เพื่อป้องกัน น้ำซึมลงข้างล่าง
คงใช้ไม่ได้ทั้งสองอย่างครับ

ควรดูที่สาเหตุหลักว่า น้ำซึมจากตรงไหน
ซึ่งยากมาก อาจต้องกระเทาะกระเบื้องหลายแห่ง

หรือ แนวแตกตามท่อน้ำดี ท่อน้ำทิ้ง
การใช้ Lanko 603 นั้น อย่างน้อย ต้องมีระยะยาแนว 5 มิลขึ้นไป
และพื้นผิวต้องไม่ชื้น หากชื้นต้องเป่าด้วยลมร้อน หรือรอให้แห้ง 3 - 5 วัน
จากนั้น ทาด้วยน้ำยารองพื้น  LANKO 608 PU/PS PRIMER  สำหรับพื้นผิวที่มีลักษณะพรุน เสียก่อน
เพื่อให้น้ำยา ไหลไปตามแนวร่อง และรูพรุนที่มีอยู่ พอน้ำยาแห้งแล้ว จึงใช้ 603 อัดลงไปตามแนวแยก

ปกติ น้ำที่ซึมลงด้านล่าง มักจะซึม ตรงแนวท่อน้ำทิ้ง หรือ แนวแตกของท่อน้ำดี
จากนั้น น้ำจะไหลไปตามรอยพรุน รอยแยก อาจอ้อมผนังไปอีกฝากหนึ่งก็ได้ (ผมเคยเจอ)
เช่นน้ำรั่วจากใต้อ่างล้างหน้า แต่ไปแสดงอาการของน้ำซึมที่ใต้ฐานชักโครก
แบบนี้ หาเป็นวันก็ไม่เจอ  ประสบการณ์ ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าเจอน้ำซึม
ให้หาที่จุดน้ำดีก่อน ทั้งสองสามจุด เช่น ใต้อ่าง น้ำดีเข้าชักโครก และน้ำดีจ่ายฝักบัวครับ
โดยไม่สนว่า รอยน้ำซึมอยู่ที่ไหน พอหาสามสี่จุดไม่เจอแล้ว จึงค่อยเลาะกระเบื้องจากจุดที่เห็นว่าซึมครับ

ถ้าทำวิธีนี้ 90 % มักจะเจอที่ส่วนจ่ายน้ำดี ที่ข้างผนังครับ

กรณีซึมลงด้านล่าง มักจะเป็นที่ ข้างท่อน้ำทิ้ง หรือข้างท่อชักโครกครับ
ลองหาดูก่อน ว่าซึมจากอะไร แล้วค่อยซ่อมครับ

ลำพังการนาแนว มักจะเอาไม่อยู่