Hmmm India :: ตอนที่ 5 - Varanasi - City of Faith

สวัสดีครับ หลังจากหายไปนานมากเพราะความขี้เกียจ ขอกลับมาเขียนต่อในตอนต่อไปนะครับ ข้อมูลกับเรื่องราวอาจจะไม่แน่นมากนะครับ เพราะเริ่มจะเลือนลาง..

สำหรับคนที่ลืมความหลังไปแล้ว หรือยังไม่เคยอ่านเลย ลองดูจาก link ด้านล่างนี้นะครับผม

Hmmm India :: ประสบการณ์ลุยเดี่ยวเที่ยวอินเดีย Delhi - Agra - Varanasi - Kolkata (ตอนที่ 1 - การเตรียมตัวและแผนการ)
http://ppantip.com/topic/33020136/

Hmmm India :: ตอนที่ 2 - ผจญภัยใน New Delhi (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/33096809

Hmmm India :: ตอนที่ 3 - ผจญภัยใน New Delhi - ระทึกใจจากเดลีสู่อักรา
http://ppantip.com/topic/33156039

Hmmm India :: ตอนที่ 4 - Agra is Taj Mahal, Taj Mahal and Taj Mahal
http://ppantip.com/topic/33293627

การเดินทางในรถไฟจากอักรามาที่วาราณสีนี่ค่อนข้างนานเลย และเป็นการเดินทางโดยการหลับนอนในตู้รถไฟอินเดียเป็นครั้งแรกของผม แต่ก็ถือว่าดีเลยครับ ไม่เลวร้าย ส่วนที่เลวร้ายนี่คือกว่ารถไฟจะมาครับ..





กว่ารถไฟจะมาถึงก็ดีเลย์ไปร่วมสามชั่วโมงได้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือสถานีที่ผมขึ้น Agra Junction มันเป็นสถานีเล็ก มันก็จะเงียบๆ มืดๆ ไม่มีป้ายไฟบอกข้อมูลเท่าไหร่ (สถานีใหญ่ต้องเป็นที่ Agra Cantt) ก็นั่งรอไปกังวลไปว่ารถไฟมันจะยังมาแน่รึเปล่า มันจะดีเลย์แบบเป็นสิบชั่วโมงเหมือนที่เคยอ่านมามั้ย ผมก็คอยเดินกลับไปกลับมาคอยไปถามที่นายสถานีว่ามันจะมาถึงกี่โมง ทีนี้รอนานๆ ก็เริ่มปวดฉี่ ก็ลองเดินไปที่ห้องน้ำของสถานีดู สุดบรรยายครับ.. คือไม่รู้จะมีไว้ทำไม ทุบทิ้งเถอะ.. เลยต้องเดินออกมาหาที่ฉี่ India Style ก็ตามกำแพงนี่แหล่ะครับ..

รอนานมากกก จนสุดท้ายรถไฟก็มา ขึ้นไปรถก็เงียบๆ แล้วครับ เพราะดึกแล้ว คนเขาก็นอนกันหมด อ้อ ลืมบอก รถไฟตู้นอนที่ผมใช้ เป็นแบบ AC2 นะครับ คือแต่ละด้านจะมีเตียง 2 ชั้น ถ้าเป็น AC3 จะมีเตียง 3 ชั้นที่หันหน้าเข้าหากัน ส่วนอีกฝั่งก็ยังเป็น 2 ชั้น มีอีกแบบที่แพงสุดคือ AC First Class อันนั้นแต่ละห้องจะมี 4 เตียง ฝั่งละ 2 ชั้น และปิดประตูมิดชิด แต่จะแพงกว่าและเหมือนจะมีน้อยในแต่ละขบวนครับ แบบสุดท้ายคือ Sleeper Class ซึ่งก็เป็นตู้พัดลมที่มีเตียงดึงลงมานอนได้เหมือนกัน แต่คงจะ hardcore เกินไปที่จะใช้เดินทางข้ามคืนสำหรับนักเดินทางทั่วๆ ไปนะผมว่า

พอขึ้นมาผมก็เดินหาเลขที่นั่งผม ก็เจอว่ามีเด็กนอนอยู่แล้ว ตอนแรกก็เริ่มคิดว่าซวยละ.. แต่แล้วก็มีลุงที่นอนเตียงฝั่งตรงข้าม เขาบอกว่าให้ผมไปนอนอีกที่ได้มั้ย เขาขอสลับเพราะเขามาเป็นครอบครัว ผมเดินไปดูที่อีกเตียงที่อยู่อีกฝั่งก็ดูดี อยู่ชั้นบน เลยบอกเขาว่าโอเช ไม่มีปัญหาอะไร จะได้ไม่ต้องไปนอนรวมกับเขาด้วย

ปีนขึ้นไปก็จัดแจงที่นอน สำหรับรถไฟนอนนี้ ทางรถไฟเขาจะให้ซองเครื่องใช้เป็นแพคที่มีผ้าเช็ดหน้า ผ้าห่ม และหมอนใบเล็กๆ อีกสองใบมาให้ ความสะอาดก็ดูใช้ได้นะครับ ภายในรถไฟก็สบายและเงียบดี เพราะรถไฟที่เป็นตู้แอร์นี่ คนที่โดยสารก็จะมีสตางค์อยู่ซักหน่อย ไม่เหมือนตู้พัดลมที่จะอีกอารมณ์นึง ส่วนห้องน้ำ ก็พอใช้ได้ครับ



ผมก็นอนอ่านหนังสือ ดูหนัง แล้วก็หลับยาวไปตลอดทาง นอนหลับสบายใช้ได้เลยครับ เสียอย่างเดียวเตียงด้านบนจะไม่มีหน้าต่างให้ ก็เลยไม่เห็นวิวข้างนอก แต่มันดึกแล้วก็คงไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่อยู่ดี



พอเช้า เริ่มสว่าง ก็เริ่มรอแล้วว่าเมื่อไหร่จะถึง แล้วก็เริ่มเข้าใจว่า รถไฟที่ดีเลย์กันเยอะๆ นี่ เพราะมันเข้าไปที่สถานีไม่ได้ เนื่องจากขบวนก่อนหน้ายังไม่ออกไป มันก็เลยติดต่อเนื่องกันไปเรื่อย ของผมนี่เห็นรถไฟชะลอไม่เขยื้อนเป็นชั่วโมงๆ นี่จริงๆ คือถึงวาราณสีแล้ว แต่เข้าสถานีไม่ได้

ในที่สุดก็ถึงครับ ที่นี่เป็นสถานีใหญ่ ออกไปก็คนเพียบล่ะครับ เดินมาชวนให้ไปขึ้นแท๊กซี่บ้าง rickshaw บ้าง ผมก็เดินไปเรื่อย เพื่อจะไปหา prepaid rickshaw เพราะกลัวโดนพวกนี้หลอก เดินไปก็เจอตรงที่เป็น prepaid แต่ที่เป็น motor rickshaw นี่แพงเกินงบ ผมเลยเลือกที่จะไปกับ rickshaw ที่เป็นแบบคนปั่นเอา ข้อดีอีกอย่างของการใช้ rickshaw แบบนี้คือ เขาจะพาเข้าไปได้ใกล้กว่าครับ ถนนในวาราณสีในส่วนที่เข้าไปใกล้ๆ แม่น้ำนี่ รถ หรือ auto rickshaw จะเข้าไปไม่ได้ ต้องเดินเอา แต่ถ้าเป็น rickshaw แบบใช้คนขี่ ยังพอเข้าไปได้ใกล้หน่อย ข้อเสียก็คงเป็นช้าหน่อย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากครับ ประหยัดไปเกือบครึ่ง





แต่สิ่งที่ทำให้อึ้งคือ สภาพการจราจรในวาราณสีครับ รถเยอะ ติดแบบไม่รู้จะเรียกว่ายังไง รถเบียดเสียดแน่นมาก เสียงแตรก็อื้ออึง รถติดบ้านเรานี่เด็กๆ ไปเลยครับ วัวกับขยะก็เป็นของคู่เมืองที่มีให้เห็นตลอดทาง..



พอลงจาก rickshaw ก็ต้องเดินต่อเข้าไปหาที่พัก และถ้าคุณงงไม่แน่ใจเส้นทาง ไม่ต้องกลัวครับ คุณจะมีเพื่อนอยู่ทั่วเมือง.. เดินไปเดี๋ยวก็มีคนมาทักมาถาม ผมก็เจอคนนึง ถามว่าพักที่ไหน แล้วก็พาเดินไป สุดท้ายก็เฉลยว่าขอให้ไปดูร้านผ้าของเขาหน่อย ผมก็ปฏิเสธไปบอกเหนื่อย อยากเข้าที่พักก่อน แต่เขาก็มารยาทดีนะครับ ไม่ได้ต่อว่าอะไร ก็บอกว่ามีเวลาก็ขอให้แวะไปหน่อย

ทีนี้ก็เริ่มเป็นตรอกเขาวงกตของวาราณสีแล้วครับ ผมก็เดินๆ ตามที่เขาบอกไว้ว่าให้ไปทางไหนต่อ เดินๆ ไปก็มีคนนึง สภาพก็เหมือนคนขอทาน ก็พยายามเดินนำผม บอกทางผม ผมก็พยายามเดินหลบแล้วหลบอีก เขาก็เดินตามสลับวิ่งนำเพื่อช่วยเหลือ งงกับเส้นทางอยู่เหมือนกัน ต้องคอยดูป้ายลูกศรของโรงแรมที่อยู่บนกำแพงตามทางไปเรื่อยๆ ต้องคอยหลบอีตาคนนี้อีก สุดท้ายก็มาถึงด้วยกันกับขอทานคนนี้.. ผมก็ไม่ได้ให้เงินอะไร แต่เขาก็ยังเข้ามาขอเงินกับที่โรงแรมนี้ด้วย คงทำเหมือนว่าเป็นคนพาผมมาพักที่นี่..



ที่พักที่นี่ที่ผมเลือกก็เพราะเขามีร้านอาหารที่อยู่บนชั้นดาดฟ้า ชมวิวแม่น้ำคงคาได้ และดูจากรีวิวใน tripadvisor แล้วค่อนข้างดี โดยผมจองแบบคืนแรกเป็นห้องธรรมดา คืนที่สองเป็นห้องที่ดีหน่อยเห็นวิวแม่น้ำ โดยตอนแรกนึกว่าคืนที่สองจะได้ห้องที่มีระเบียงติดแม่น้ำเลย แต่ปรากฏว่าเป็นห้องที่เห็นแค่วิวนิดเดียว เสียดายเหมือนกัน ไม่งั้นนอนห้องปกติก็ได้ เสียเพิ่มอีกตั้งเยอะเพราะอยากได้ที่นั่งริมระเบียง และจริงๆ แล้วที่โรงแรมก็มีมุมนั่งเล่นให้อยู่แล้ว ที่เห็นวิวแม่น้ำ แต่ที่พักโดยรวมดีเลยนะครับ แนะนำ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้











หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุด ผมก็ไปนั่งกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้าชมวิวก่อนเลย อ้อ ข้อเสียนิดนึงคือร้านอาหารที่นี่เป็น Vegetarian นะครับ ก็ได้แต่กินอะไรที่เป็นชีสๆ ผักๆ ไปแทน ส่วนใหญ่ผมก็ฝากท้องที่ร้านนี้แหล่ะครับ เพราะไม่แพง สะดวก และดูสะอาดสะอ้านดี





พอกินเสร็จก็ออกไปเดินเล่นดูวิวริมแม่น้ำ ต้องยอมรับว่าอินเดียนี่เป็นประเทศที่ถ่ายรูปสนุกจริงๆ มีสีสัน ผู้คน และอะไรที่น่าสนใจให้เก็บภาพมาเยอะมาก แต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์คนละแบบ โดยเฉพาะที่นี่ สีสัน ผู้คน ถ่ายเพลินมากครับ













ริมแม่น้ำเขาจะแบ่งเป็นท่าน้ำหลายๆ ท่า จริงๆ ก็ติดๆ กันแหล่ะครับ แต่เขาจะมีชื่อของแต่ละท่าอยู่ คำว่าท่าน้ำที่นี่ก็คือ Ghat ตามกำแพงก็มักจะมีชื่อ Ghat บอกอยู่





เดินเล่นไปเรื่อยก็เริ่มออกตามหาร้านชื่อดัง Blue Lassi ครับ เดินไปตามตรอกซอกซอยเดิม งงๆ แต่ก็พอหาป้ายและถามคนข้างทางได้ เดินไปพอใกล้ๆ ถึงก็เห็นคนหาบอะไรมาซักอย่าง เป็นศพที่เขากำลังจะเอาไปเผานั่นเองครับ.. แต่ห่อผ้ามาอย่างดีเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะน่ากลัวอะไรครับ ร้าน Blue Lassi อยู่ในโซนที่ใกล้กับ Ghat ที่เผาศพ นั่งอยู่ที่ร้านก็จะเห็นมีศพผ่านมาเป็นเรื่อยๆ อย่างงี้แหล่ะครับ

แล้วก็มาถึงที่ร้าน คนก็เยอะเลยครับ นักท่องเที่ยวทั้งนั้น ทั้งยุโรปเอเชีย ร้านมืดๆ ไฟสีฟ้าๆ อย่างกับเป็นเธค..









แต่คนขายนิสัยดีเป็นกันเองมากครับ ขอถ่ายรูปได้ ที่ร้านมี wifi ให้เล่นอีก



lassi ที่ผมกินเป็น strawberry กับ ส้ม ก็อร่อยดีนะครับ ดูที่ทำก็สะอาดดี ไม่ค่อยน่ากลัว

กินเสร็จก็เริ่มค่ำละ ผมก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อจะไปดูพิธีบูชาไฟที่เขาจะมีทุกคืนเวลาทุ่มนึง รู้สึกเขาจะมีอยู่สองที่ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ อันนึงจะใหญ่กว่าอีกอัน ผมก็เดินดูไปมา คนเยอะมากเลยครับ มีทั้งที่ออกไปดูอยู่บนเรือด้วย พิธีประมาณหนึ่งชั่วโมง พอจบผมก็กลับห้องไปนอนแล้วครับ

สำหรับวันพรุ่งนี้ ก็จะเป็นโปรแกรมออกไปล่องเรือในแม่น้ำคงคาตอนเช้ามืด ดูวิวริมฝั่งน้ำ กิจกรรมยามเช้าของผู้คน และดูพระอาทิตย์ขึ้น ผมก็ได้นัดแนะกับเจ้าของเรือที่เจอหน้าโรงแรม ว่าจะออกไปตอนประมาณตีห้าครึ่ง ก็นัดแนะตกลงราคากัน ดูท่าทางก็โอเค (แต่สุดท้ายไอ้คนนี้แหล่ะครับ ทำแสบ..)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่