สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
อธิบายง่ายๆ ตามที่ผมเข้าใจนะ จากที่ได้ใช้จอ gsync มาประมาณเดือนนึงได้
- vsync (เทคโนโลยีเก่า) คือการควบคุม frame rate ของการ์ดจอให้พอดีกับ refresh rate ของจอภาพ
- gsync (เทคโนโลยีใหม่) คือการควบคุม refresh rate ของจอภาพให้พอดีกับ frame rate ของการ์ดจอ
เช่น ใช้จอภาพ refresh rate 60hz แต่การ์ดจอประมวลผลได้ 80fps ถ้าเปิด vsync ระบบก็จะกด fps ของการ์ดจอจาก 80 ลงมาที่ 60fps ไม่ให้เกินนี้ เพราะถ้าเกินจะเกิด tearing หรือภาพขาดเวลาหมุนมุมกล้องเร็วๆ ผลคือการ์ดจอถูกกดการทำงาน และในบางจุดที่การ์ดจอทำงานหนักจน fps ต่ำกว่า 60 (เช่น ฉากระเบิด เอฟเฟคเยอะๆ หรือตัวละครเยอะๆ) vsync ก็จะกดเฟรมเรตลงมาที่ครึ่งนึงของ 60 คือ 30 เพื่อให้พอดีกับจอแบบไม่เหลือเศษ ตรงนี้ก็จะรู้สึกเลยว่าภาพขาดความลื่นไหล เพราะเฟรมเรตหล่นลงมาเป็นเท่าตัวจาก 60 มา 30 แล้วก็กลับขึ้นไป 60 ใหม่เมื่อผ่านฉากนั้นไป
ในทางตรงข้าม ถ้าใช้ gsync จะไม่กดการทำงานของการ์ดจอ จอ 60hz ถ้าการ์ดจอปล่อยได้ 80fps ก็จะแสดงผลที่ 80fps โดยไม่เกิด tearing เพราะจอที่มีระบบ gsync จะปรับการแสดงผลให้สอดคล้องกับ frame rate ทำให้ภาพไม่ฉีก ในฉากระเบิดเยอะๆ พอ fps ตกลงมา สมมติที่ 55fps ระบบ gsync ก็จะแสดง 55fps เหมือนเดิม ไม่กดลงมาที่ 30fps เหมือน vsync ทำให้ไม่รู้สึกว่าขาดความลื่นไหลมากนักครับ
vsync ต้องเปิดในตัวเกมหรือ force จาก driver การ์ดจอ คือทำงานในระดับ software ส่วน gsync นั้นสำคัญที่รุ่นของการ์ดจอและจอภาพต้องรองรับด้วย เพราะมันทำงานในระดับ hardware
ถ้าถามว่าคุ้มไหม กับราคาที่จ่ายไปในการซื้อจอ gsync ผมบอกเลยว่าถ้าไม่ได้เล่นเกมหนักๆ ก็ไม่คุ้มครับ เพราะมันแพงมากเป็นเท่าตัวเลย และใช้ประโยชน์อย่างจริงๆ จังๆ แค่ในเกมที่มีภาพเคลื่อนไหวหรือหมุนมุมกล้องเร็วๆ เท่านั้น ผมใช้เล่น BF4 นี่ลื่นขึ้นเยอะ แต่บอกตามตรงก็เสียดายเงินเหมือนกัน คือมันก็ดีอะนะ แต่ไม่ได้สุดยอดถึงกับต้องร้องอู้หู+น้ำตาไหลพราก แค่มันแก้ความรำคาญใจเล็กๆ น้อยๆ สมัยใช้ vsync ก็เท่านั้น
- vsync (เทคโนโลยีเก่า) คือการควบคุม frame rate ของการ์ดจอให้พอดีกับ refresh rate ของจอภาพ
- gsync (เทคโนโลยีใหม่) คือการควบคุม refresh rate ของจอภาพให้พอดีกับ frame rate ของการ์ดจอ
เช่น ใช้จอภาพ refresh rate 60hz แต่การ์ดจอประมวลผลได้ 80fps ถ้าเปิด vsync ระบบก็จะกด fps ของการ์ดจอจาก 80 ลงมาที่ 60fps ไม่ให้เกินนี้ เพราะถ้าเกินจะเกิด tearing หรือภาพขาดเวลาหมุนมุมกล้องเร็วๆ ผลคือการ์ดจอถูกกดการทำงาน และในบางจุดที่การ์ดจอทำงานหนักจน fps ต่ำกว่า 60 (เช่น ฉากระเบิด เอฟเฟคเยอะๆ หรือตัวละครเยอะๆ) vsync ก็จะกดเฟรมเรตลงมาที่ครึ่งนึงของ 60 คือ 30 เพื่อให้พอดีกับจอแบบไม่เหลือเศษ ตรงนี้ก็จะรู้สึกเลยว่าภาพขาดความลื่นไหล เพราะเฟรมเรตหล่นลงมาเป็นเท่าตัวจาก 60 มา 30 แล้วก็กลับขึ้นไป 60 ใหม่เมื่อผ่านฉากนั้นไป
ในทางตรงข้าม ถ้าใช้ gsync จะไม่กดการทำงานของการ์ดจอ จอ 60hz ถ้าการ์ดจอปล่อยได้ 80fps ก็จะแสดงผลที่ 80fps โดยไม่เกิด tearing เพราะจอที่มีระบบ gsync จะปรับการแสดงผลให้สอดคล้องกับ frame rate ทำให้ภาพไม่ฉีก ในฉากระเบิดเยอะๆ พอ fps ตกลงมา สมมติที่ 55fps ระบบ gsync ก็จะแสดง 55fps เหมือนเดิม ไม่กดลงมาที่ 30fps เหมือน vsync ทำให้ไม่รู้สึกว่าขาดความลื่นไหลมากนักครับ
vsync ต้องเปิดในตัวเกมหรือ force จาก driver การ์ดจอ คือทำงานในระดับ software ส่วน gsync นั้นสำคัญที่รุ่นของการ์ดจอและจอภาพต้องรองรับด้วย เพราะมันทำงานในระดับ hardware
ถ้าถามว่าคุ้มไหม กับราคาที่จ่ายไปในการซื้อจอ gsync ผมบอกเลยว่าถ้าไม่ได้เล่นเกมหนักๆ ก็ไม่คุ้มครับ เพราะมันแพงมากเป็นเท่าตัวเลย และใช้ประโยชน์อย่างจริงๆ จังๆ แค่ในเกมที่มีภาพเคลื่อนไหวหรือหมุนมุมกล้องเร็วๆ เท่านั้น ผมใช้เล่น BF4 นี่ลื่นขึ้นเยอะ แต่บอกตามตรงก็เสียดายเงินเหมือนกัน คือมันก็ดีอะนะ แต่ไม่ได้สุดยอดถึงกับต้องร้องอู้หู+น้ำตาไหลพราก แค่มันแก้ความรำคาญใจเล็กๆ น้อยๆ สมัยใช้ vsync ก็เท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
เทคโนโลยี G-Sync คืออะไรครับ ดีอย่างไร ?