สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 53
ผมใช้วิธี จีบด้วยสมอง เรียนรู้ด้วยความรู้สึก ครับ
ศึกษาคนที่เราชอบครับ สังเกตทุกอย่าง จดจำทุกอย่างที่เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
เวลาว่างทำอะไร - หาความเหมือนกัน ถ้าไม่เหมือนกัน หาจุดที่ชอบเหมือนกัน เปิดใจ ปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยที่ตัวเองไม่ฝืนใจทำ
ชอบกินอะไร - ถ้ามีโอกาส พาไปกินข้าว ทำคะแนนด้วยอาหารหรือเมนูที่เค้าชอบ (ผมเป็นคนชอบกิน เลยชอบหาของอร่อยกินตลอด ตั้งแต่หรูยัน
ข้างถนน)
ฐานะเป็นยังไง - ถ้าฐานะใกล้ๆกัน จะทำให้เข้ากันง่ายขึ้นเยอะ (โดยเฉพาะ ผู้ชาย ควรจะมีฐานะดีกว่า เพราะเลี่ยงที่จะเลี้ยงข้าวเค้าไม่ได้แน่ๆ ถ้าคุณ
ฐานะด้อยกว่า ก็ต้องเพิ่มความพยายามเข้าไปอีกระดับนึงเลยครับ เพราะสังคมไทย ผู้ชายคือช้างเท้าหน้าครับ ยังไงก็ต้องดูแลผู้หญิงได้)
ครอบครัวเป็นยังไง - มีพี่น้องกี่คน ผู้ชาย ผู้หญิงกี่คน ข้อมูลพวกนี้จะสามารถรู้ถึงนิสัยพื้นฐานได้ครับ ส่วนข้อมูลอะไรบ้าง แล้วแต่คนจะตีความครับ
พ่อแม่เป็นยังไง - พ่อแม่รักกันดีไหม หย่ากันไหม ใครเป็นคนเลี้ยงมามากกว่ากัน (เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะมันคือจุดอ่อนสำคัญที่จะทำให้เราเข้าถึงเค้าได้ง่ายขึ้นเยอะและยังรู้ว่าคนที่เราจีบอยู่จะรักเราและปฏิบัติกับเรายังไงในอนาคตครับ)
กลุ่มเพื่อนเป็นยังไง - สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดูมา จะสอดคล้องกับกลุ่มเพื่อนครับ
ความคิดเป็นยังไง - ตัดสินได้ว่าเค้ามีความคิดพอที่จะมีอนาคตที่ดีรึป่าว
จริงๆยังมีอีกเยอะครับ อันนี้เอาคร่าวๆพอ จากนั้นผมจะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าเราเหมาะสมกันมากน้อยแค่ไหน
ทุกคนต้องเคยได้ยินคำๆนึงที่บอกว่า "ชีวิตเราก็เหมือนน้ำครึ่งแก้ว รอให้ใครสักคนมาเติมเต็มน้ำให้เต็มแก้ว"
ที่เหลือที่ผมทำก็แค่ใช้คำนี้มาประยุกค์ใช้เท่านั้นเองครับ ทำยังไงก็ได้ให้เขารู้สึกว่า เราคือน้ำอีกครึ่งแก้วที่เหลือ โดยใช้ข้อมูลที่เรามีก่อนหน้ามาใช้ด้วย
อย่างกรณีผม ผมรู้ว่า พ่อแม่ เขามีปัญหา แม่เลี้ยงมาคนเดียว ผมเลยรู้ว่า ผมต้องทำยังไงก็ได้ ให้เขารู้สึกว่ามีผมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนมีพ่อ
ไม่ใช่ให้เหมือนมีพ่อจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้แบบที่พ่อให้
โดยที่เราต้องไม่รู้สึกขัดๆหรือฝืนตัวเองที่ต้องทำแต่ละอย่างให้เขานะครับ ไม่งั้นคุณจะไม่มีความสุขเลย
เพราะวิธีของผมต้องใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 3 เดือน อดทนหน่อย แต่ผลที่ได้รับรองว่าจะคุ้มค่ามากครับ ถ้าคุณอยากได้คู่ชีวิตจริงๆ เพราะพอถึงวัยทำงาน จะทำอะไรต้องคิดถึงอนาคตตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกแล้วครับ
วิธีที่ผมกล่าวมาทั้งหมด เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลสำหรับผมนะครับ แต่ละคนมีวิธีแตกต่างกันไป จริงๆไม่ต้องมีขั้นตอนยุ่งยากอะไรก็ได้ครับ ผมแค่เป็นคนคิดเยอะ เลยอยากมั่นใจว่าคนที่เราเลือกดีที่สุดแล้วสำหรับเรา และเรามั่นใจว่าเราสามารถดูแลเค้าได้จริงๆเท่านั้นเองครับ
ศึกษาคนที่เราชอบครับ สังเกตทุกอย่าง จดจำทุกอย่างที่เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
เวลาว่างทำอะไร - หาความเหมือนกัน ถ้าไม่เหมือนกัน หาจุดที่ชอบเหมือนกัน เปิดใจ ปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยที่ตัวเองไม่ฝืนใจทำ
ชอบกินอะไร - ถ้ามีโอกาส พาไปกินข้าว ทำคะแนนด้วยอาหารหรือเมนูที่เค้าชอบ (ผมเป็นคนชอบกิน เลยชอบหาของอร่อยกินตลอด ตั้งแต่หรูยัน
ข้างถนน)
ฐานะเป็นยังไง - ถ้าฐานะใกล้ๆกัน จะทำให้เข้ากันง่ายขึ้นเยอะ (โดยเฉพาะ ผู้ชาย ควรจะมีฐานะดีกว่า เพราะเลี่ยงที่จะเลี้ยงข้าวเค้าไม่ได้แน่ๆ ถ้าคุณ
ฐานะด้อยกว่า ก็ต้องเพิ่มความพยายามเข้าไปอีกระดับนึงเลยครับ เพราะสังคมไทย ผู้ชายคือช้างเท้าหน้าครับ ยังไงก็ต้องดูแลผู้หญิงได้)
ครอบครัวเป็นยังไง - มีพี่น้องกี่คน ผู้ชาย ผู้หญิงกี่คน ข้อมูลพวกนี้จะสามารถรู้ถึงนิสัยพื้นฐานได้ครับ ส่วนข้อมูลอะไรบ้าง แล้วแต่คนจะตีความครับ
พ่อแม่เป็นยังไง - พ่อแม่รักกันดีไหม หย่ากันไหม ใครเป็นคนเลี้ยงมามากกว่ากัน (เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะมันคือจุดอ่อนสำคัญที่จะทำให้เราเข้าถึงเค้าได้ง่ายขึ้นเยอะและยังรู้ว่าคนที่เราจีบอยู่จะรักเราและปฏิบัติกับเรายังไงในอนาคตครับ)
กลุ่มเพื่อนเป็นยังไง - สภาพแวดล้อมที่ถูกเลี้ยงดูมา จะสอดคล้องกับกลุ่มเพื่อนครับ
ความคิดเป็นยังไง - ตัดสินได้ว่าเค้ามีความคิดพอที่จะมีอนาคตที่ดีรึป่าว
จริงๆยังมีอีกเยอะครับ อันนี้เอาคร่าวๆพอ จากนั้นผมจะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าเราเหมาะสมกันมากน้อยแค่ไหน
ทุกคนต้องเคยได้ยินคำๆนึงที่บอกว่า "ชีวิตเราก็เหมือนน้ำครึ่งแก้ว รอให้ใครสักคนมาเติมเต็มน้ำให้เต็มแก้ว"
ที่เหลือที่ผมทำก็แค่ใช้คำนี้มาประยุกค์ใช้เท่านั้นเองครับ ทำยังไงก็ได้ให้เขารู้สึกว่า เราคือน้ำอีกครึ่งแก้วที่เหลือ โดยใช้ข้อมูลที่เรามีก่อนหน้ามาใช้ด้วย
อย่างกรณีผม ผมรู้ว่า พ่อแม่ เขามีปัญหา แม่เลี้ยงมาคนเดียว ผมเลยรู้ว่า ผมต้องทำยังไงก็ได้ ให้เขารู้สึกว่ามีผมแล้วให้ความรู้สึกเหมือนมีพ่อ
ไม่ใช่ให้เหมือนมีพ่อจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นได้แบบที่พ่อให้
โดยที่เราต้องไม่รู้สึกขัดๆหรือฝืนตัวเองที่ต้องทำแต่ละอย่างให้เขานะครับ ไม่งั้นคุณจะไม่มีความสุขเลย
เพราะวิธีของผมต้องใช้เวลานานพอสมควร ประมาณ 3 เดือน อดทนหน่อย แต่ผลที่ได้รับรองว่าจะคุ้มค่ามากครับ ถ้าคุณอยากได้คู่ชีวิตจริงๆ เพราะพอถึงวัยทำงาน จะทำอะไรต้องคิดถึงอนาคตตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกแล้วครับ
วิธีที่ผมกล่าวมาทั้งหมด เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลสำหรับผมนะครับ แต่ละคนมีวิธีแตกต่างกันไป จริงๆไม่ต้องมีขั้นตอนยุ่งยากอะไรก็ได้ครับ ผมแค่เป็นคนคิดเยอะ เลยอยากมั่นใจว่าคนที่เราเลือกดีที่สุดแล้วสำหรับเรา และเรามั่นใจว่าเราสามารถดูแลเค้าได้จริงๆเท่านั้นเองครับ
แสดงความคิดเห็น
ช่วงวัยทำงาน ผมว่าเป็นช่วงที่มีแฟนยาก กว่าตอนเรียน แล้วพวกคุณมีแฟนกันได้อย่างไรครับ
ไม่เหมือมนสมัยก่อนที่เรียนด้วยกัน เพื่อนของเพื่อนเดินไหล่ชนกันที่มหาลัย ไปติวหนังสือ เล่นร้านเน็ตเจอกัน บลาๆ
สมัยนี้แค่เจอกัน ขอเบอร์กันยังยากเลยครับ แถมสมมุติพอขอเบอร์ได้แล้วกลับไม่คุยกับเราซะอีก
ยิ่งเป็นขอไลน์ถึงระดับความยากจะน้อยกว่าขอเบอร์หน่อยนึง แต่การเงียบหายไปก็ง่ายไม่แพ้กัน
ช่วงอายุเวลาทำงานเนี่ย เพื่อนๆที่ทำงานน้องๆก็จะมีแฟนกันหมดแล้ว อยู่ในช่วงใกล้แต่งแล้วล่ะมั้งหาโสดๆยากมาก
เลยจะถามคนที่พึ่งมาเจอแฟนในช่วงอายุตอนทำงานแล้ว เจอกันได้อย่างไร จีบอย่างไร เล่าถึงความมุ้งมิ้งแบบสุดขั่วได้เลย
คุณผู้ชายมีทริคมีแผนในการจีบสาวอย่างไร คุณผู้หญิงมีวิธีทำอย่างไรให้คุณผู้ชายอยู่หมัด เล่ามาได้หมดเลยอย่ากั๊ก
นี้คืออยากรุ้จริงๆ แม่มเลิกกะแฟนช่วงทำงานนี้ทำให้โสดนานเลย ทั้งๆที่ตอนเรียนสองเดือนก็มีแฟนใหม่แล้ว นี้จะสองปีล่ะ
อยากให้คนรักคนนี้เป็นคนรักคนสุดท้ายแล้ว มันเลยอาจจะยากมั้ง ยังไงก็ขอคำแนะนำหน่อยครับ
อ่อคำแนะนำที่บอกว่า "ไม่ต้องหาหรอก เดียวถ้าจะมีมันก็มาเอง" ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับผมเกรงว่ามันจะเสียเวลาทั้งคุณและผมในการอ่าน
เพราะ2-3ปีกว่าที่รอมามันก็นานแล้ว เคยไม่หา ชิลๆไปก็ไม่มีมาสักคน ผมว่ามันใช่ไม่ได้กับทุกคน ขอร้องอย่าตอบประโยคนี้นะครับ
ขอให้เจอคู่ดีๆกันทุกคนครับ
จัดบรรทัด