(Disclaimer:
ตอนแรกจะเขียนว่าวิเคราะห์ แต่มันก็แค่การจับต้นชนปลาย
เพราะฉะนั้น นี่คือการเดาครับ มีหลักฐานสนับสนุนแค่ไหนก็เป็นการเดาครับ)


1.
หลังจบซีเกมส์ ซิโก้กับโค้ชโชคน่าจะไม่ค่อยได้คุยกันเรื่อง U23 โดยเฉพาะในช่วงเดือนล่าสุด เพราะซิโก้แกต้องเน้นบอลโลกตามนโยบายของทั่นนายก ในขณะที่ U23 ก็กำลังจะจับสลากแบ่งสาย ใกล้แข่งแล้ว

2.
โค้ชโชคที่ได้รับมอบหมายให้คุม U23 ก็รู้สึกเหมือนงานของตัวเอง (U23) ไม่ได้รับความสำคัญ อย่างที่มีข่าวมาช่วงนึงว่าโค้ชโชคแอบเซ็งๆ ที่ U23 ไม่ถูกเรียกมาซ้อมช่วงเบรคทีมชาติรอบที่ผ่านมา

3.
โค้ชโชคน่าจะไม่ได้สำคัญตัวผิดว่าเป็นหัวหน้าโค้ชของ U23 แต่น่าจะเป็นเพราะความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองที่ก็เหมือนจะเป็นมือซ้ายซิโก้ คอยดูแลส่วนของ U23 โดยตรง และการที่ทำงานอย่างหนักมาตลอด 2 ปี ทำให้มีอารมณ์ร่วมกับหน้าที่ของตัวเองค่อนข้างมาก

4.
อยู่ๆ ทั่นนายกก็แต่งตั้งประธานขอนแก่น ยูฯ เป็นผู้จัดการทีม U23 (เพราะอะไรขอไม่กล่าวถึง) ซึ่งงานแรกที่ทั่นผู้จัดการทีมทำคือการตั้งน้าชู (ชูเกียรติ หนูสลุง) มาเป็นที่ปรึกษาทีม

5.
อย่างที่ทุกท่านทราบดี ที่ผ่านมาในไทยลีกสองสามปีหลัง ทีมไหนที่มีการแต่งตั้งที่ปรึกษา แสดงว่าหัวหน้าโค้ชกำลังจะตกงาน
เคสล่าสุดคือการท่าเรือที่ตอนแรกมี แกรี่ สตีเฟ่น เป็นโค้ช ต่อมาสมชาย ทรัพย์เพิ่ม ก็มาเป็นที่ปรึกษา พอขึ้นเลกสอง สมชายก็ได้เป็นโค้ช และแกรี่ตกงาน

6.
พอโค้ชโชคระลึกได้อย่างนั้นก็เริ่มจิตตก นอย ไม่พอใจ และอาจมีสักเสี้ยวที่คิดว่าคนที่ไม่ได้รับความสำคัญอาจจะเป็นตัวเองก็เป็นได้ ประกอบกับสื่อก็ขยันมาถามจี้ โค้ชโชคที่ให้คำตอบไม่ได้ก็ยิ่งเริ่มอึดอัดสะสมขึ้นเรื่อยๆ จนปะทุ กลายเป็นความไม่พอใจผ่านสื่อออกไป




ทางแก้ปัญหาก็คือการเข้ามาคุยกันตรงๆ บอกระบายความอึดอัดของตัวเองอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ซึ่งพอได้คุยกันแล้ว อะไรที่ไม่เข้าใจก็น่าจะหมดไปเกือบหมดแล้ว แน่นอนว่าแก้วที่แตกไปแล้วมันย่อมประสานคืนไม่ได้ แต่อย่าลืมว่ามันยังมีทางที่ทุบแก้วให้ละเอียดแล้วหลอมรวมกันใหม่ได้เหมือนกัน ซึ่งไอ้ที่ถูกทุบก็น่าจะเป็นความไม่เข้าใจกันนั่นแหละ

หลังจากนี้หวังว่าโค้ชทั้งสองท่านและทีมงานทุกท่านจะหลอมรวมจิตใจ กลับมานำพาทีมชาติของเราไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
ส่วนผมในฐานะแฟนบอลไทย ก็จะทำหน้าที่เชียร์สุดใจและสนับสนุนทีมชาติอย่างเต็มที่เหมือนที่ผ่านมาครับ