ทริปนี้เกิดจากความอยากไปของคุณภรรยาล้วนๆ เลยครับ ผมเคยโพสต์หาไกด์นำเที่ยวจากเว็บบอร์ดชื่อดังที่คนนิยมใช้ (ชื่อลงท้ายด้วย ขาวๆ นั่นแหละ) แต่ไม่มีใครสนใจตอบรับ จนวันหนึ่งผมไปเจอประกาศว่า รับอาสาพาเที่ยวมอสโค (เว็บเดิมเนี่ยแหละ) ผมลองติดต่อไปปรากฏว่า ราคาอยู่ที่ USD 120 ต่อวัน (ไม่ได้ถามรายละเอียด แต่มาทราบที่หลังว่า ราคานี้เค้าพาเราเที่ยวอย่างเดียวนะครับ ไม่รวมค่าเดินทาง ค่าอาหารฯ) ซึ่งถือว่าแพงสำหรับผมนะ ผมเลยต้องทำการบ้านเองเยอะหน่อย ก็อาศัย pantip กับ อากู๋ และ google map ในการหาข้อมูล และทำแผนการเดินทาง ได้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนของเค้าเกือบครบล่ะครับ รถเมล์ รถไฟ รถแท็กซี่ รถไฟใต้ดิน (แทรมไม่ได้ขึ้นนะครับ)

เอาเป็นว่า ผมขอไม่อธิบายรายละเอียดยิบย่อยที่กระทู้อื่นมีนะครับ เช่น จองตั๋วยังไง วีซ่า การข้าเมือง ฯลฯ ขออธิบายในส่วนที่จำเป็นเพื่อการดำรงชีวิตอยู่เท่านั้น plan ของผมเป็นแบบนี้ครับ
4 กย. เดินทางจาก สุวรรณภูมิ ไป มอสโค (SVO) แล้วต่อเครื่องไปลง St. petersburg (LED) ถึงเวลา 19.40 น.
5. กย. พาเที่ยว St. Isaac, State Hermitage, Bronze horseman, Winter palace, Kazan cathedral
6 กย. พาเที่ยว Peter and Paul's fortess, Marble palace, Summer Palace, Savoir on the spilled blood church
7 กย. พาเที่ยว Peterhof, Russian museum, จองตั๋วรถไฟไป Moscow
8 กย. เดินเล่น ลงเรือชมแม่น้ำ shopping
9 กย. เดินทางไป Moscow

แผนที่เตรียมไว้ถูกมนุษย์เมียเปลี่ยนใหม่กระทันหันครับ...... ขอพูดถึงที่ St. Petersburg ก่อนนะครับ

เมื่อคุณลงเครื่องบินที่ LED แล้ว จะมี counter airport taxi ตั้งอยู่ครับ พุ่งเข้าไปหาได้เลย ค่า taxi คิดตามเขตครับ เป็น fixed rate มีอัตราค่าบริการแจ้งชัดเจน เช่น จาก LED ไป Nevsky คิด RUB 1,000 (แต่เค้าคิดผมแค่ RUB 900) ไม่ต้องคิดจะออกไปหา taxi ข้างนอกด้วยตัวคุณเองนะครับ รับรองได้ว่าคุณจะต้องสะพรึงกับค่าโดยสารที่คิดตาม meter อย่างแน่นอน

ปล. รถไฟใต้ดินที่ st. Petersburg ไม่อนุญาตให้เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ (จำขนาดไม่ได้นะครับ ขออภัย) ขึ้นรถไฟนะครับ

สถานีรถไฟด้านนอก


เคาเตอร์ขายตั๋วรถไฟใต้ดิน


จ่ายเงินแล้วจะได้เหรียญแบบนี้มาครับ


เริ่มเดินทางกันเลย


State Hermitage & Palace Square (สามารถถ่ายรูปภายในได้นะครับ แต่ห้ามใช้ flash)




หลังจากนั้นเดินไป St. Isaac ระหว่างทางเดิน จะผ่าน Admiralty building และ park




บางอย่างก็ของเค้าไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดกันนะครับ


ผ่าน Bronze horseman ด้วย


ถึงละครับ St. Isaac ที่ขายตั๋วเข้าชมจะอยู่ด้านหน้า มีตั๋วให้เข้าชมส่วนของวิหาร และหอคอย สามารถแยกซื้อได้นะครับ ถ้าไม่อยากขึ้นชมวิวด้านบน (จะมีคนไทยคนไหนไม่ซื้อวะ บินมาไกลนะเฟ้ย!!) แต่ซื้อรวมจะถูกกว่านิดหน่อย










หลังจากนั้นก็เดินกลับมาตามถนน Nevsky จนมาถึง Kazan cathedral


เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอตึก Singer ครับ เป็นตึกเก่าแก่ที่สวยงาม ตอนนี้ขายหนังสือ


ถึง spilled blood church ซะที






ภาพต่างๆ ภายในโบสถ์ ไม่ได้เขียนหรือเพ้นท์นะครับ เค้าเอาโมเสกมาต่อกันที่ละแผ่นจนเป็นภาพอันสวยงาม




เหนื่อยโฮกครับ... บอกเลย เดินไกลมากกกกกก... (ก.ไก่ 100 ตัว) หลังจากชม spilled blood เสร็จก็หาอาหารทานกันครับ รสชาติอาหารที่นี่มี รสจืด กับเค็ม ครับ (ภรรยาผม แหลกแทบม่ายล่าย) ถ้าเค้าเสนอให้เพิ่มโน่น ใส่นี่ ก็อย่าหลงคารมนะครับ ทุกอย่างที่นี่เป็นเงินทั้งนั้น ผมโดนมาละ ผมสั่ง cabonara เค้าบอกว่า ถ้าเพิ่มมะเขือเทศจะอร่อยมว๊ากกกก (ได้มะเขือเทศสีดาผ่าครึ่งมา 2 เม็ด ในราคา RUB 130 T_T)

แต่สิ่งที่ประทับใจคือ ทุกอย่างที่นี่จะขายตามน้ำหนักครับ ถ้าอ่านฉลากเค้าจะระบุชัดเจนมาก
สมมติว่า สั่ง cesar salad มีผัก cos มะเขือเทศ ชีส ขนมปังกรอบ ที่ฉลากจะระบุน้ำหนักของแต่ละชนิดในนั้นอย่างชัดเจน และถ้าคุณมีโอกาสไปทานอาหารแบบสำเร็จรูป แบบตักใส่จานในห้าง เค้าจะชั่งจาน และลบน้ำหนักจานออกก่อนตักอาหารครับ ดังนั้น you've  got what you pay for 100% ไม่มีโกงครับ

ระหว่างทางกลับมาที่พัก ภรรยาก็เปรยมาว่า... อยากไป Peterhof พรุ่งนี้ (เปลี่ยน plan ครั้งที่ 1.. เอาวะ ไปก็ได้แค่สลับวันเดินทาง)

การไป Peterhof ถ้าคุณถามอากู๋ เค้าจะแนะนำให้ไปรถไฟใต้ดินสายสีแดง ลงสถานี Abtobo และนั่งรถบัสสาย 424 (32 stops) หลังจากนั้นคุณต้องเดินอีก 800 เมตร ถึงจะเจอ Peterhof แต่ผมแนะนำให้คุณนั่งสายสีแดงลงที่สถานี Baltiyskaya เดินขึ้นจากสถานี (มีทางออกทางเดียว) จะเจอรสบัสสาย 404 จอดอยู่ ให้กระโดดขึ้นได้เลย และบอกคนขับว่า Peterhof ที่แนะนำรถบัสสายนี้เพราะมันจะจอดหน้า Peterhof เลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาเดิน 800 เมตร เก็บแรงไว้เดินใน Peterhof ดีกว่า (มันกว้างใหญ่มากกก)

รถบัสหน้าตาแบบนี้คับ มีสีขาวด้วยนะ


ผมมี trick จะแนะนำด้วยนะครับ ปกติถ้าคุณต้องเดินทางไปยังสถานที่ๆ คุณไม่สามารถพูดภาษาของคนท้องถิ่นได้ให้คุณนึกประโยคที่คิดว่า จำเป็นต้องใช้ในการสื่อสาร เป็นภาษาอังกฤษ แล้วเขียนลงกระดาษ จากนั้นก็เดินไปหา reception ของโรงแรมที่คุณพัก แล้วให้เค้าเขียนคำแปลเป็นภาษาท้องถิ่นให้ แบบนี้


เพียงเท่านี้คุณก็จะหมดปัญหาด้านการสื่อสารกับคนท้องถิ่น

Peterhof
เดินเข้าประตูมาจะได้อารมณ์ประมาณนี้




ที่ขายตั๋ว


ปล. ตั๋วที่ซื้อตรงนี้สามารถเดินชมภายในสวนได้เท่านั้นนะครับ ซึ่งภายในสวนยังมีอาคารต่างๆ ไว้ให้ท่านเสียเงินอีกมากมาย (ถ้าอยากเข้าไปชม)

วันอาทิตย์คนค่อนข้างเยอะครับ








มีการแสดงให้ดูเพลินๆ ด้วยครับ ส่วนใหญ่เป็นเพลงคลาสสิกที่ค่อนข้างจะคุ้นหู (สำหรับวัย 30+ นะครับ)




มุม Peterhof แบบระยะไกล (เสียดายไม่มีเลนส์ซูม)

ปล. 1 บุคคลในภาพไม่ใช่ภรรยาผม อย่าเข้าใจผิดนะครับ
ปล. 2 ผมตั้งใจจะถ่ายตึกจริงๆ แต่เลนส์ไม่เอื้ออำนวย

ระหว่างทางผมก็ตั้งใจจะเก็บบรรยากาศต้นไม้ใบหญ้าข้างทางมาฝาก แต่ก็ไม่วายมีคนเดินผ่าน (เสียบรรยากาศหมดเลย)


หลังจากชม Peterhof จนอิ่มใจก็ได้เวลากลับเข้าเมือง แต่ไม่ต้องรีบร้อนนะครับเดินมาถึงถนนใหญ่แล้ว ให้เดินย้อนกลับไปนิดนึง สังเกตฝั่งขวามือ (ฝั่งตรงข้าม) จะมีโบสถ์สวยๆ ให้เราได้เข้าชมฟรีอีก 1 แห่ง


หลังจากนั้นก็เดินมาขึ้นรถบัสสาย 200 หรือ 210 ฝั่งเดียวกับโบสถ์ ลงที่ป้ายหน้าสถานี Abtobo


สถานีสวยนะเนี่ย


เนื่องจากผมยังไม่ได้จองตั๋วรถไฟจาก St. Petersburg ไป Moscow (แต่จองที่พักไปแล้ว) ผมเลยแวะสถานีรถไฟเพื่อซื้อตั๋วก่อน (กลัวไม่ได้ไป 555+) คุยกันอยู่นานครับ กว่าผมจะได้ตั๋วมาก็เมื่อยมือแทบแย่ (ใช้ภาษามือเยอะครับ)

ปล. คุณสามารถจะพูดภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาไทย กับพนักงานขายตั๋วก็ได้นะครับ เพราะยังไงเขาจะตอบกลับเป็นภาษารัสเซีย 555+ (น่าจะเป็นบางคนเท่านั้นนะครับ ซึ่งผมบังเอิญโชคดี... มั๊ง)




หลังจากได้ตั๋วมานอนกอดแล้วก็ได้เวลาหาอาหารครับ ข้างๆ สถานีรถไฟมีห้างอยู่ พุ่งเข้าไปเลยครับ มี Market place ซึ่งเป็นร้านอาหารแนว Food court มีอาหารเอเชียขายด้วย และอาหารที่นี่จะมีรสชาติ ซึ่งน่าจะถูกปากคนไทยมากกว่าร้านอาหารท้องถิ่น




เกร็ดความรู้เล็กๆ ที่รัสเซีย เค้ามักจะใส่พริกไทยไว้ในขวดเครื่องปรุงที่มี 1 รู (บ้านเราใส่พริกไทยในขวด 3 รู) ส่วนขวดที่มี 3 รู เค้าใส่เกลือไว้ครับ อย่าเผลอนะครับ... ผมโดนมาแล้ว


แล้วจะรีบมาต่อพรุ่งนี้ครับ