* ก่อนที่จะไปเล่าถึงการทำหมันของน้องหมา ก็ต้องขอเกริ่นถึงประวัติ " เจ้าริชชี่ " น้องหมาที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆนะคะ*
เมื่อก่อนเราเคยตั้งปฎิญาณไว้ว่า ชาตินี้จะไม่เลี้ยงหมาอีกต่อไป หลังจากที่ตัวเองขับรถทับลูกหมาอายุ 4 เดือนที่เลี้ยงมากับมือ
ตายต่อหน้าต่อตา จำได้ว่าเสียใจมากร้องไห้อยู่หลายวัน โมโหตัวเองที่ประมาท และก็เบื่อแล้วที่ต้องเห็นน้องหมามาตายจากไป
และเจ้า" เจเล่ " ก็จะเป็นตัวสุดท้ายที่เลี้ยงมา( ตั้งใจไว้อย่างนั้น)
แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เมื่อ" เจ้าริชชี่ " โผล่เข้ามาในชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว จำได้ว่าครั้งแรกปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า
จะไม่มีการเลี้ยงน้องหมาตัวนี้ เหตุผลแรกคือเบื่อ เหตุผลที่ สองคือ เจ้าริชชี่เป็นหมาตัวเมีย !!! และต่อให้เจ้าริชชี่ จะน่ารักปานใด
ในอนาคต หล่อนต้องโตเป็นสาว และอีกไม่นาน บ้านนี้ก็คงจะต้องมีลูกหมาน้อยเป็นฝูงแน่นอน
โห คิดแล้วตอนนั้นมันสยองอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ใช่ว่าตัวเองจะไม่รักหมานะคะ แต่ด้วยภาระหน้าที่ การงาน เวลาที่จะดูแล อีกทั้งปัญหาเรื่องอื่นๆอีกเยอะ
ข้อกำหนดระเบียบภายในหมู่บ้าน และความทรงจำเก่าๆที่เคยสูญเสีย จึงคิดว่าไม่สมควรที่จะมีน้องหมามาเลี้ยงในบ้าน
แต่ในที่สุด หนึ่งเสียงคัดค้าน ก็แพ้ สองเสียงสนับสนุนที่จะให้เลี้ยง อีกทั้งแนวร่วมขาแจม ก็ยังมาสนับสนุนซะอีก
ก็เลยต้องยอมรับเจ้าริชชี่ ไปโดยปริยาย " โดยมีข้อตกลงและสัญญา " ตามมา...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เจ้าริชชี่ เป็นน้องหมาพันธ์ผสมโกลเด้นฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไม่ทราบเหมือนกันเป็นสายพันธ์ุ ทางแม่หรือพ่อ นะคะ ที่เอามาเลี้ยงเพราะเจ้าของเดิมตั้งใจเอาไปปล่อย
สาวน้อยที่บ้านเลยรับอุปาการะมา
เจ้าริชชี่ตอนวัยเด็ก น่ารักตามประสาหมาเด็กนั่นแหล่ะค่ะ ซนมาก กินเก่ง ไม่ดุและก็ขี้เล่นขี้อ้อนชอบเล่นน้ำที่สุด
ตามอุปนิสัยสายพันธ์ โกลเด้น ฯ
หลายครั้งที่เจ้าริชชี่ ทำให้ เจ้าของอย่างพวกเรา น้ำตานองมานับครั้งไม่ถ้วน คือ นางชอบกัดรองเท้าเป็นชีวิตจิตใจ++++
ไม่ว่าจะเป็น ผ้าใบอย่าง new balance adidas คัทชูอย่าง senso หรือ Loafers ก็เป็นของว่างให้เจ้าริชชี่ ลับคมเขี้ยวอย่างสบายอารมณ์
จนทำให้พวกเราเข็ดขยาดมั่กๆ แต่แม้จะทั้งโกธรและโมโหเท่าใด นับวันความรักที่มีให้เจ้าริชชี่ก็ไม่เคยน้อยลงเลย
เพราะความขี้อ้อน ความห่วงใย ขี้เล่น เป็นเพื่อนยามเหงา รักเจ้าของติดตามไปทุกแห่งหน
นางจึงเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน แม้นางจะขี่เหร่ สักเพียงใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อ เจ้าริชชี่ เริ่มจะเป็นสาว ในวัยสิบเดือนกว่าๆ เรียกว่ากำลังเป็นสาวสะพรั่ง ก็จะมีหมาหนุ่มๆ ทั้งน้อย ทั้งใหญ่ แวะเวียน
มาหา มานอนเฝ้า นั่งเฝ้า หน้าบ้านเป็นประจำ พร้อมๆทั้งวิวาทกันเสียงดังไปทั้งซอย หรือว่าพวกมัน ใช้กำลังอวดสาว !!!!
และเมื่อดูทีท่า ท่าทางนางสาวริชชี่ ก็มีท่าทางดี้ด้า พร้อมที่จะออกไปเสวนา กับ หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ ทั้งหลาย จึงทำให้พวกเรา กลุ้มใจ
และเครียดมั่กๆ เพราะกลัวที่สุดคือ การรับเลี้ยงหนูๆ ลูกน้อย ของ นางสาวริชชี่นี่แหล่ะ เพราะเหตุผลตามที่บอกข้างบนนั่นแหล่ะค่ะ
มาตราการการกีดกันหมา จึงเกิดขึ้นทุกวิธี ตั้งแต่เอาตะแกรงมาล้อมรั้ว กันหมาเข้าหมาออก เอาไม่ไล่หมาตัวอื่น เอาน้ำฉีด ล่ามโซ่
เป็นบ้างครั้ง ( ที่ต้องเปิดประตูรั้วไว้) ทู๊กกกกกวิธี ถูกนำมาใช้ เพื่อกีดกันหมา..
แต่ยิ่งห้ามเหมือยิ่งยุ แม่นางริชี่ กลับมีอาการร้อนรุ่ม ครวญคราง หงุดหงิดโดยมีการอาการเห่าหอน และครางหงิง ๆ จนทำให้พวกเรา
รู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ด้วยความฉลาด หรืออาจจะเป็นเพราะนานเข้า เจ้าริชชี่ ก็สงบลงอย่างน่าแปลกใจ
จนพวกเราคิดว่า นางคงผ่านพ้น อาการของการ" ติดสัด" ไปแล้ว ก็เลยโล่งใจ
และก็ยังไม่วางใจเท่าไหร่นัก และคิดว่าเมื่อไหร่ ที่นางหมดเมน จะพานางไปฉีดยาคุม และก็ยังควบคุมนางไว้เหมือนเดิม
แต่ให้ตายเถอะ บร่ะเจ้า ! หลังจากที่วางใจ เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นใวันหนึ่ง !!!
วันนั้น เราเปิดประตูบ้านเพื่อเอารถออกไปข้างนอก โดยลืมล่ามนางไว้ นางก็วิ่งผลุบออกไปอย่างสุดฝีเท้า ไม่สนใจว่า
ใครจะร้องเรียกให้เสียงแหบแห้งเท่าไหร่ ใครจะวิ่งตามจนเหนื่อยแค่ไหน นางก็ไม่หันกลับมองมา จนกว่านางจะไปพบกับหนุ่มในดวงใจ
ที่เพียรมาเฝ้าหน้าบ้านทุกวัน ในที่สุดนางก็พบ OMG !!!
แล้วการยื้อยุดฉุดหมาคืนก็เกิดขึ้น แน่นอน เราเป็นฝ่ายชนะ ที่ลากนางกลับมาได้ ทั้งที่เหนื่อยแสนเหนื่อย เพราะตัวนางทั้งแข็ง
ทั้งขืน จึงต้องอุ้มนางที่มีน้ำหนักถึงยี่สิบกว่าโล มาบ้านอย่างทุลักทุเล โอ้ย เหนื่อยใจแทบขาด ช่างเป็นวีรกรรมที่ลำบากลำบนสุดๆ
และด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องทำงาน เราจึงหาเวลาพาเจ้าริชชี่ไปฉีดยาคุมไม่ได้ซักที และเหตุการณ์ที่พวกเรากลัวสุดๆก็เกิดขึ้น
เย็นวันนั้นเมื่อสองหนุ่มน้อยจอมซน กลับมาจาก รร ตามปรกติ และเล่นกับเจ้าริชชี่ อย่างสนุกสนาน แล้วก็เข้ามาบ้าน โดนลืมปิดประตูรั้วไว้
ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าริชชี่ ได้ย่องออกไปอย่างเงียบๆ และกว่าทุกคนจะรู้และตามไปจนเจอเจ้าริชชี่ ในซอยข้างๆ ภาพที่ทำเอาช๊อคคือ
เจ้าริชชี่ กำลังมีปฎิสัมพันธ์ ในภาคขยาย ของการสืบพันธ์ุ กับหมาหนุ่มรุ่นใหญ่ตัวนึง ซึ่งเรียกภาษาชาวบ้านว่า " ติดเก้ง " นั่นเอง
ไม่ต้องบอกเลยว่าภาพนั้น ทำเอาพวกเราเข่าอ่อนแค่ไหน เวลาที่เฝ้าเอาใจใส่ไม่ให้ หมาน้อยของเราต้องเปื้อนมลทิน มันสูญเปล่าไปเลย
โอ้ย..นับจากนี้ไปเราต้องพะวงกับการเลี้ยงหมาน้อยอีกป่าวเนี่ย เฮ้อ..กลุ้ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ออกตัวก่อนเลยนะคะ ไม่ใช่ว่ามีลูกหมาเพิ่มแล้วจะเลี้ยงดูไม่ได้ ถ้ามันมีความจำเป็นก็คงต้องเลี้ยงได้แหล่ะ
แต่ถ้าไม่ต้องเลี้ยงก็น่าจะแฮปปี้ที่สุด เพราะเรารู้ว่าการเลื้ยงหมา ไม่ใช่สักแต่จะเลี้ยงอย่างเดียว อย่างน้อยเราก็ต้องมีเวลา
มีความรัก มีอาหาร มีการเลี้ยงดูและเอาใจใส่เค้าให้ดีพอ ดูแลรักษาความสะอาด สุขภาพ และมีเวลามากพอที่จะพาเค้าไปเดินเล่น
ไปออกกำลังกาย ซึ่งถ้าตัวเดียวก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้ามันเยอะมาก และด้วยหน้าที่ที่ต้องทำแล้ว
บอกเลยการมีหมาเยอะๆในบ้านไม่ใช่เรื่องสนุกเลย และการนำหมาไปปล่อยก็ยิ่งไม่สมควรทำ
และในที่สุดพวกเราก็กลับมาคิดกันว่าต่อจากนี้ไป เราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร และการทำหมันหมา จึงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาคุยกัน
สาวน้อยคนเล็กบอกว่า น้องหมายังอายุน้อยอยู่เลย แค่ฉีดยาคุมก็น่าจะพอ อีกอย่าง เธอกลัวนางเจ็บ และจะมีแผล
และนางจะไม่มีโอกาสได้เป็นแม่เพื่อแพร่พันธ์อีกเลย และก็กลัวบาป ....
สาวน้อยพี่ใหญ่ กลับบอกว่า ทำเถอะ เพราะถ้าเราไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงดูตัวอื่นๆที่จะตามมา และทิ้งขว้างมันภายหน้า
มันจะเป็นบาปมากกว่าอีก ทำตอนนี้ก่อนที่จะแก้ไขอะไรไม่ทัน .....
ส่วนตัวเราเองก็สองจิตสองใจ เพราะกลัวว่าน้องหมาน่าจะยังอายุน้อยไปหรือป่าว ที่จะต้องผ่าตัดทำหมัน ก็เลยไปหาข้อมูลตามนี้มา....
http://www.dogilike.com/content/vettalk/1359/
http://board.postjung.com/677440.html
พออ่านแล้วก็พอจะเข้าใจว่า การทำหมันหมา ไม่ได้เลวร้าย หรือมีข้อจำกัดอะไรมากมาย และความเชื่อแบบเก่าๆ
ก็น่จะถูกลบล้างไปได้แล้ว และในที่สุด การพาเจ้าริชชี่ ไปผ่าตัดทำหมัน จึงเป็นอันตกลงตามนั้น และก็เตรียมตัวให้เจ้าริชชี่
โดยอาบน้ำให้สะอาด และงดน้ำ งดอาหาร 6 ชม
และเมื่อไปถึง รพ ก็เล่าสาเหตุที่ต้องพาเจ้าริชชี่ มาทำหมันคุณหมอก็โอเคร แนะนำ และบอกวิธีการผ่าตัด เมื่ออธิบายเรียบร้อย
ก็พาเจ้าริชชี่ เอ็กซเรย์ เพื่อดูช่องท้อง และเมื่อไม่มีอะไรผิดปรกติ ก็เข้าห้องผ่าตัด โดยวางยาสลบ ประมาณ 20 กว่านาที
การผ่าตัดก็เป็นอันเสร็จสิ้น..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังผ่าตัด เจ้าริชชี่ยังนอนซมอยู่ คุณหมอจ่ายยาแก้อักเสบมาให้ และบอกให้กินอาหารอ่อนประมาณ 1 อาทิตย์
เฮ้อ..จะบอกว่า ตอนนี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้คงไม่ต้องกังวลว่า น้องหมาของเราจะเสี่ยงไปติดโรค
หรือต้องมีภาระมาให้เราต้องเป็นกังวลอีกแล้ว..และถ้าจะเป็นบาปก็ขอให้เป็นบาปเพราะความจำเป็นด้วยเถอะน้า....
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาอ่านนะคะ...
ในที่สุด...เราก็พาน้องหมาไปทำหมันได้ซะที...
เมื่อก่อนเราเคยตั้งปฎิญาณไว้ว่า ชาตินี้จะไม่เลี้ยงหมาอีกต่อไป หลังจากที่ตัวเองขับรถทับลูกหมาอายุ 4 เดือนที่เลี้ยงมากับมือ
ตายต่อหน้าต่อตา จำได้ว่าเสียใจมากร้องไห้อยู่หลายวัน โมโหตัวเองที่ประมาท และก็เบื่อแล้วที่ต้องเห็นน้องหมามาตายจากไป
และเจ้า" เจเล่ " ก็จะเป็นตัวสุดท้ายที่เลี้ยงมา( ตั้งใจไว้อย่างนั้น)
แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เมื่อ" เจ้าริชชี่ " โผล่เข้ามาในชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว จำได้ว่าครั้งแรกปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า
จะไม่มีการเลี้ยงน้องหมาตัวนี้ เหตุผลแรกคือเบื่อ เหตุผลที่ สองคือ เจ้าริชชี่เป็นหมาตัวเมีย !!! และต่อให้เจ้าริชชี่ จะน่ารักปานใด
ในอนาคต หล่อนต้องโตเป็นสาว และอีกไม่นาน บ้านนี้ก็คงจะต้องมีลูกหมาน้อยเป็นฝูงแน่นอน
โห คิดแล้วตอนนั้นมันสยองอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ใช่ว่าตัวเองจะไม่รักหมานะคะ แต่ด้วยภาระหน้าที่ การงาน เวลาที่จะดูแล อีกทั้งปัญหาเรื่องอื่นๆอีกเยอะ
ข้อกำหนดระเบียบภายในหมู่บ้าน และความทรงจำเก่าๆที่เคยสูญเสีย จึงคิดว่าไม่สมควรที่จะมีน้องหมามาเลี้ยงในบ้าน
แต่ในที่สุด หนึ่งเสียงคัดค้าน ก็แพ้ สองเสียงสนับสนุนที่จะให้เลี้ยง อีกทั้งแนวร่วมขาแจม ก็ยังมาสนับสนุนซะอีก
ก็เลยต้องยอมรับเจ้าริชชี่ ไปโดยปริยาย " โดยมีข้อตกลงและสัญญา " ตามมา...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เจ้าริชชี่ เป็นน้องหมาพันธ์ผสมโกลเด้นฯ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เจ้าริชชี่ตอนวัยเด็ก น่ารักตามประสาหมาเด็กนั่นแหล่ะค่ะ ซนมาก กินเก่ง ไม่ดุและก็ขี้เล่นขี้อ้อนชอบเล่นน้ำที่สุด
ตามอุปนิสัยสายพันธ์ โกลเด้น ฯ
หลายครั้งที่เจ้าริชชี่ ทำให้ เจ้าของอย่างพวกเรา น้ำตานองมานับครั้งไม่ถ้วน คือ นางชอบกัดรองเท้าเป็นชีวิตจิตใจ++++
ไม่ว่าจะเป็น ผ้าใบอย่าง new balance adidas คัทชูอย่าง senso หรือ Loafers ก็เป็นของว่างให้เจ้าริชชี่ ลับคมเขี้ยวอย่างสบายอารมณ์
จนทำให้พวกเราเข็ดขยาดมั่กๆ แต่แม้จะทั้งโกธรและโมโหเท่าใด นับวันความรักที่มีให้เจ้าริชชี่ก็ไม่เคยน้อยลงเลย
เพราะความขี้อ้อน ความห่วงใย ขี้เล่น เป็นเพื่อนยามเหงา รักเจ้าของติดตามไปทุกแห่งหน
นางจึงเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน แม้นางจะขี่เหร่ สักเพียงใด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อ เจ้าริชชี่ เริ่มจะเป็นสาว ในวัยสิบเดือนกว่าๆ เรียกว่ากำลังเป็นสาวสะพรั่ง ก็จะมีหมาหนุ่มๆ ทั้งน้อย ทั้งใหญ่ แวะเวียน
มาหา มานอนเฝ้า นั่งเฝ้า หน้าบ้านเป็นประจำ พร้อมๆทั้งวิวาทกันเสียงดังไปทั้งซอย หรือว่าพวกมัน ใช้กำลังอวดสาว !!!!
และเมื่อดูทีท่า ท่าทางนางสาวริชชี่ ก็มีท่าทางดี้ด้า พร้อมที่จะออกไปเสวนา กับ หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ ทั้งหลาย จึงทำให้พวกเรา กลุ้มใจ
และเครียดมั่กๆ เพราะกลัวที่สุดคือ การรับเลี้ยงหนูๆ ลูกน้อย ของ นางสาวริชชี่นี่แหล่ะ เพราะเหตุผลตามที่บอกข้างบนนั่นแหล่ะค่ะ
มาตราการการกีดกันหมา จึงเกิดขึ้นทุกวิธี ตั้งแต่เอาตะแกรงมาล้อมรั้ว กันหมาเข้าหมาออก เอาไม่ไล่หมาตัวอื่น เอาน้ำฉีด ล่ามโซ่
เป็นบ้างครั้ง ( ที่ต้องเปิดประตูรั้วไว้) ทู๊กกกกกวิธี ถูกนำมาใช้ เพื่อกีดกันหมา..
แต่ยิ่งห้ามเหมือยิ่งยุ แม่นางริชี่ กลับมีอาการร้อนรุ่ม ครวญคราง หงุดหงิดโดยมีการอาการเห่าหอน และครางหงิง ๆ จนทำให้พวกเรา
รู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ด้วยความฉลาด หรืออาจจะเป็นเพราะนานเข้า เจ้าริชชี่ ก็สงบลงอย่างน่าแปลกใจ
จนพวกเราคิดว่า นางคงผ่านพ้น อาการของการ" ติดสัด" ไปแล้ว ก็เลยโล่งใจ
และก็ยังไม่วางใจเท่าไหร่นัก และคิดว่าเมื่อไหร่ ที่นางหมดเมน จะพานางไปฉีดยาคุม และก็ยังควบคุมนางไว้เหมือนเดิม
แต่ให้ตายเถอะ บร่ะเจ้า ! หลังจากที่วางใจ เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นใวันหนึ่ง !!!
วันนั้น เราเปิดประตูบ้านเพื่อเอารถออกไปข้างนอก โดยลืมล่ามนางไว้ นางก็วิ่งผลุบออกไปอย่างสุดฝีเท้า ไม่สนใจว่า
ใครจะร้องเรียกให้เสียงแหบแห้งเท่าไหร่ ใครจะวิ่งตามจนเหนื่อยแค่ไหน นางก็ไม่หันกลับมองมา จนกว่านางจะไปพบกับหนุ่มในดวงใจ
ที่เพียรมาเฝ้าหน้าบ้านทุกวัน ในที่สุดนางก็พบ OMG !!!
แล้วการยื้อยุดฉุดหมาคืนก็เกิดขึ้น แน่นอน เราเป็นฝ่ายชนะ ที่ลากนางกลับมาได้ ทั้งที่เหนื่อยแสนเหนื่อย เพราะตัวนางทั้งแข็ง
ทั้งขืน จึงต้องอุ้มนางที่มีน้ำหนักถึงยี่สิบกว่าโล มาบ้านอย่างทุลักทุเล โอ้ย เหนื่อยใจแทบขาด ช่างเป็นวีรกรรมที่ลำบากลำบนสุดๆ
และด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องทำงาน เราจึงหาเวลาพาเจ้าริชชี่ไปฉีดยาคุมไม่ได้ซักที และเหตุการณ์ที่พวกเรากลัวสุดๆก็เกิดขึ้น
เย็นวันนั้นเมื่อสองหนุ่มน้อยจอมซน กลับมาจาก รร ตามปรกติ และเล่นกับเจ้าริชชี่ อย่างสนุกสนาน แล้วก็เข้ามาบ้าน โดนลืมปิดประตูรั้วไว้
ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าริชชี่ ได้ย่องออกไปอย่างเงียบๆ และกว่าทุกคนจะรู้และตามไปจนเจอเจ้าริชชี่ ในซอยข้างๆ ภาพที่ทำเอาช๊อคคือ
เจ้าริชชี่ กำลังมีปฎิสัมพันธ์ ในภาคขยาย ของการสืบพันธ์ุ กับหมาหนุ่มรุ่นใหญ่ตัวนึง ซึ่งเรียกภาษาชาวบ้านว่า " ติดเก้ง " นั่นเอง
ไม่ต้องบอกเลยว่าภาพนั้น ทำเอาพวกเราเข่าอ่อนแค่ไหน เวลาที่เฝ้าเอาใจใส่ไม่ให้ หมาน้อยของเราต้องเปื้อนมลทิน มันสูญเปล่าไปเลย
โอ้ย..นับจากนี้ไปเราต้องพะวงกับการเลี้ยงหมาน้อยอีกป่าวเนี่ย เฮ้อ..กลุ้ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และในที่สุดพวกเราก็กลับมาคิดกันว่าต่อจากนี้ไป เราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร และการทำหมันหมา จึงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาคุยกัน
สาวน้อยคนเล็กบอกว่า น้องหมายังอายุน้อยอยู่เลย แค่ฉีดยาคุมก็น่าจะพอ อีกอย่าง เธอกลัวนางเจ็บ และจะมีแผล
และนางจะไม่มีโอกาสได้เป็นแม่เพื่อแพร่พันธ์อีกเลย และก็กลัวบาป ....
สาวน้อยพี่ใหญ่ กลับบอกว่า ทำเถอะ เพราะถ้าเราไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงดูตัวอื่นๆที่จะตามมา และทิ้งขว้างมันภายหน้า
มันจะเป็นบาปมากกว่าอีก ทำตอนนี้ก่อนที่จะแก้ไขอะไรไม่ทัน .....
ส่วนตัวเราเองก็สองจิตสองใจ เพราะกลัวว่าน้องหมาน่าจะยังอายุน้อยไปหรือป่าว ที่จะต้องผ่าตัดทำหมัน ก็เลยไปหาข้อมูลตามนี้มา....
http://www.dogilike.com/content/vettalk/1359/
http://board.postjung.com/677440.html
พออ่านแล้วก็พอจะเข้าใจว่า การทำหมันหมา ไม่ได้เลวร้าย หรือมีข้อจำกัดอะไรมากมาย และความเชื่อแบบเก่าๆ
ก็น่จะถูกลบล้างไปได้แล้ว และในที่สุด การพาเจ้าริชชี่ ไปผ่าตัดทำหมัน จึงเป็นอันตกลงตามนั้น และก็เตรียมตัวให้เจ้าริชชี่
โดยอาบน้ำให้สะอาด และงดน้ำ งดอาหาร 6 ชม
และเมื่อไปถึง รพ ก็เล่าสาเหตุที่ต้องพาเจ้าริชชี่ มาทำหมันคุณหมอก็โอเคร แนะนำ และบอกวิธีการผ่าตัด เมื่ออธิบายเรียบร้อย
ก็พาเจ้าริชชี่ เอ็กซเรย์ เพื่อดูช่องท้อง และเมื่อไม่มีอะไรผิดปรกติ ก็เข้าห้องผ่าตัด โดยวางยาสลบ ประมาณ 20 กว่านาที
การผ่าตัดก็เป็นอันเสร็จสิ้น..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังผ่าตัด เจ้าริชชี่ยังนอนซมอยู่ คุณหมอจ่ายยาแก้อักเสบมาให้ และบอกให้กินอาหารอ่อนประมาณ 1 อาทิตย์
เฮ้อ..จะบอกว่า ตอนนี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปนี้คงไม่ต้องกังวลว่า น้องหมาของเราจะเสี่ยงไปติดโรค
หรือต้องมีภาระมาให้เราต้องเป็นกังวลอีกแล้ว..และถ้าจะเป็นบาปก็ขอให้เป็นบาปเพราะความจำเป็นด้วยเถอะน้า....
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาอ่านนะคะ...