สรุปรวบตึงใน 7 บรรทัด
โทรศัพท์สวย สัมผัสหรู ดูแพง น่าจับ น่าใช้
ใช้งานจริงก็ดี ไม่มีอะไรให้หงุดหงิดหัวใจ
จอแจ่มมาก แต่ฟังเพลงไม่ดีเสียงไม่แจ่ม
ใช้เป็นกล้องถ่ายรูปดีน่าพอใจ ในระดับกล้องโทรศัพท์หมื่นบาททั่วไป
เซลฟีเยี่ยม พาโนราม่าแย่ ส่วนแอปดูภาพแต่งภาพแย่กว่า
ถ่ายกลางวันง่ายๆ ไม่มีปัญหา ถ่ายกลางคืนต้องพึ่งพาความสามารถคนถ่ายเยอะหน่อย
...ใช่ 6 บรรทัด นับไม่ผิดหรอก
กล้องรุ่นนี้ เอ้อ.. ไม่ใช่สิ โทรศัพท์รุ่นนี้เป็นโทรศัพท์ที่ Oppo ส่งให้ยูทูปเบอร์ท่านอื่นทดสอบ ไม่ได้เกี่ยวกับผม แต่อาศัยว่ารู้จักกับน้องที่ทำรีวิว เลยไปขอปาดหน้าเค้กขอยืม R7 Lite กับ R7 Plus มาเล่นก่อน
ตอนแรกว่าจะสรุปสั้นๆ เรื่องกล้อง เพราะมันก็ไม่ใช่โทรศัพท์เน้นกล้องอยู่แล้ว ไม่น่ามีอะไรพูด
แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ กลับชอบแฮะ แม้ภาพจะไม่เท่ากับโทรศัพท์เน้นกล้อง แต่เป็นโทรศัพท์ที่มีกล้องดีกว่าที่คิดแต่แรก
เลยลงรายละเอียดทำยาวๆ ไปเลยละกันเผื่อใครที่จะตัดสินใจเรื่องกล้องของตระกูล R7 จะได้มีข้อมูลตัดสินใจเพิ่มขึ้น
ผมใช้ Samsung Galaxy S6 เป็นคู่เทียบ เพราะเป็นโทรศัพท์เน้นกล้องระดับแนวหน้าที่คนทั่วไปรู้จัก
และผมคุ้นมือรู้จักมันดีพอทำให้ใช้เป็น reference เพื่อประเมินภาพจากกล้องโทรศัพท์อื่นๆ ได้ง่าย
--------------------------------------------
สัดส่วนรูปร่างหน้าตา
Oppo R7 Lite เป็นโทรศัพท์จอ 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720 ตัวเครื่องบางเฉียบ หนาแค่ 6 มิลลิเมตรเศษๆ ความกว้างยาวพอเหมาะที่จะใส่ไว้ในกระเป๋าได้ จับถือได้ไม่ลำบาก โทรศัพท์ขนาดนี้น่าจะเป็นขนาดใหญ่สุดเท่าที่ผมจะใช้ได้สะดวก ลองใช้ R7 Plus แล้ว จอขนาด 6 นิ้วมันล้นมือล้นกระเป๋ามากไปหน่อย แต่จับถนัด ดูเต็มตากว่า
ฝาหลังอลูมิเนียมแบบติดตายถอดไม่ได้ เคลือบเทฟล่อนให้ลื่นมือและปกป้องพื้นผิวโลหะ คาดรอบเครื่องด้วยแถบโลหะแบบมีขอบ ช่วยให้นิ้วเกาะถนัดมากเวลาจับถ่ายรูป
เมื่อเทียบกับโทรศัพท์ทรงบางทั่วๆ ไป R7 Lite จับได้ถนัดกว่าเยอะ ไม่ดิ้นหนีมือเหมือน S6
บอดี้ส่วนอื่นลบเหลี่ยมมุมหมด จับได้ไม่สะดุดมือ กระจกหน้าจอภาพก็เป็น Gorilla Glass แบบ 2.5D ขอบกระจกโค้งไม่มีเหลี่ยมมุม
ดูโดยรวมทั้งเครื่องแล้วสวยดูดี การประกอบแน่นหนาแข็งแรงไม่คลอน จับถือมั่นใจว่าไม่กระจายเป็นชิ้นๆ คามือแน่นอน เท่าที่ลองจับลองถือดู เป็นโทรศัพท์ที่ดูดีจับถือถนัด ไม่ลื่นมือเหมือน S6
ปุ่มและการควบคุม
3 ปุ่มกด 3 ปุ่มสัมผัส
ปุ่มสัมผัสวางตำแหน่ง Back ทางขวาแบบซัมซุง ยังคงใช้ปุ่ม Menu ไม่ได้เปลี่ยนเป็น Recent Apps ตามแบบแอนดรอยด์ยุคใหม่
ติตรงปุ่มกดไวต่อการกดมากไปหน่อย ผมเผลอทำปุ่มลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจบ่อยมาก โดยเฉพาะปุ่มลดเสียงอยู่ในตำแหน่งกดง่ายแม้จะจับโทรศัพท์ในท่าปกติ ผมเผลอลดเสียงเรียกเข้า หรือเผลอกดนานจนเข้าโหมดปิดเสียงเรียกเข้าประจำ
ปุ่มเปิดปิดก็โดนมือง่าย และลั่นง่ายเวลาถ่ายภาพแนวนอน กำลังถ่ายรูปอยู่ปิดจอโดยไม่ตั้งใจเฉยเลย
ถาดใส่ซิมการ์ด
เป็นถาดแบบสามัคคีชุมนุม มีสองช่อง สำหรับ micro SIM ช่องนึง และอีกช่องนึงสำหรับ micro SD หรือเลือกใส่ nano SIM แทน
...แต่อย่าทำเลย ยังไงใช้รุ่นนี้ก็ต้องมี micro SD
เพราะความจุในเครื่องหลังจากหักแอปจำเป็นแล้วเหลือประมาณ 5 GB เท่านั้น น้อยเกินกว่าจะใช้ทำอะไรให้คุ้มค่าได้ ถ้าไม่ใส่การ์ดเพิ่มความจุเสียหน่อย รองรับได้ถึง 128 GB ก็ใส่ให้มันเยอะๆ ไว้นั่นแหละครับ
ด้านหลังมีกล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้องโผล่พ้นบอดี้มานิดหน่อย มีวงแหวนสเตนเลสป้องกันหน้ากล้องไว้ พร้อมไฟแฟลช LED ดวงเดียว
ในโฆษณาบอกว่ามี Phase Detection Auto Focus พอใส่โฆษณาว่า PDAF แล้วมันดูศักดิ์สิทธิ์ดียังไงไม่รู้ แต่ผมทดลองแล้วไม่รู้สึกว่ามันโฟกัสเร็วช้าต่างกันยังไงกับกล้องโทรศัพท์อื่นๆ
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4 ไม่มีอะไรให้พูดเท่าไหร่ข้ามๆ ไป
ไม่มีปุ่มลัด หรือปุ่มเฉพาะสำหรับการเรียกกล้องขึ้นมาทำงาน ต้องใช้วิธีวาดวงกลมหน้าจอ เพื่อเรียกกล้องจากโหมดพักหน้าจอ
ผมใช้แล้วไม่เวิร์กครับ วาดไม่ติดบ่อยๆ ตอนหลัง เลยใช้วิธีเปิดเครื่องแล้วเปิดแอปตามปกตินี่แหละ จังหวะการเปิดกล้องไม่ค่อยทันใจเหมือนตอนใช้ S6
แต่ว่าเปิดกล้องได้แล้วก็ถ่ายได้ทันที ไม่มีบั๊กจอกระเพื่อมเหมือน S6 ที่ผมใช้อยู่ ที่เปิดกล้องมาแล้วถ่ายทันทีไม่ได้ ต้องรออีกหลายวินาทีให้ภาพมันหยุดกระเพื่อมก่อน
หน้าจอ AMOLED ดูสวยงาม คมชัด สีสด แจ่ม จ้า สู้แสงกลางแจ้งได้ดี เท่าที่เอาไปถ่ายภาพมาหลายวัน สามารถใช้งานดูภาพก่อนถ่ายได้ดี ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้งาน
คอนทราสจัดกว่าภาพจริงที่ได้เล็กน้อย แต่สีสันจัดจ้ากว่าภาพจริงเยอะ รูปที่ดูสวยบนจอโทรศัพท์ อาจจะดูไม่ดีในจอคอมพ์ก็ได้นะครับ เผื่อใจไว้หน่อย
ความหนาแน่นพิกเซลจอภาพ 294 ppi ดูสบายตา แต่ถ้าเป็นคนที่คุ้นตากับจอภาพความหนาแน่นพิกเซลสูงกว่านี้มาก่อน อาจจะตาไวมองเห็นพิกเซลหน้าจอเป็นเม็ดๆ ได้ ยิ่งเวลาเป็นพื้นขาวๆ ยิ่งเห็นชัด
Color OS 2.2 ที่ทำครอบ Android 5.1 ไว้ ก็ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลดี ไม่เจอปัญหาอะไรในการใช้งาน ความรู้สึกโดยรวมในการใช้งานแอปพื้นฐาน ไม่ได้แตกต่างจาก S6 เท่าไหร่ อาจจะหายใจรอนานกว่าเดิมสักเฮือกสองเฮือกบางครั้งเท่านั้น
ผมชอบสไตล์การทำงานของโทรศัพท์จีนตรงที่ไม่มี App Drawer นี่แหละ เอาไอคอนแอปมากองเสนอหน้าให้เลือก ง่าย ตรงไปตรงมาดี ไม่ต้องกดหลายซับหลายซ้อน
หลังจากลองฟังเพลงผ่านหูฟังแล้ว ผมว่าเป็นโทรศัพท์ที่เสียงไม่ค่อยดี sound stage แคบ เสียงทึบ ฟังแล้วอึดอัด ไม่แนะนำสำหรับการใช้เป็นเครื่องฟังเพลง เอาไว้ฟังแก้ขัดแก้เหงาเป็นครั้งคราวพอได้ ลำโพงของเครื่องก็อาศัยฟังเสียงพูดได้ดีไม่อู้อี้ ฟังเพลงลูกทุ่งได้สบาย
แบตเตอรี่พอใช้สำหรับวันเต็มๆ แบบไม่ต้องลุ้นมาก ดีพอๆ หรือดีกว่า S6 หน่อย
ชาร์จนานตามปกติของโทรศัพท์ทั่วไป แต่ผมใช้ quick charge มาจนเสียนิสัยแล้วเลยรู้สึกว่ามันนานไปหน่อย
[SR] แกะกล่องของเล่น: Oppo R7 Lite - รีวิวเน้นกล้อง กับโทรศัพท์ไม่เน้นกล้อง
สรุปรวบตึงใน 7 บรรทัด
โทรศัพท์สวย สัมผัสหรู ดูแพง น่าจับ น่าใช้
ใช้งานจริงก็ดี ไม่มีอะไรให้หงุดหงิดหัวใจ
จอแจ่มมาก แต่ฟังเพลงไม่ดีเสียงไม่แจ่ม
ใช้เป็นกล้องถ่ายรูปดีน่าพอใจ ในระดับกล้องโทรศัพท์หมื่นบาททั่วไป
เซลฟีเยี่ยม พาโนราม่าแย่ ส่วนแอปดูภาพแต่งภาพแย่กว่า
ถ่ายกลางวันง่ายๆ ไม่มีปัญหา ถ่ายกลางคืนต้องพึ่งพาความสามารถคนถ่ายเยอะหน่อย
...ใช่ 6 บรรทัด นับไม่ผิดหรอก
กล้องรุ่นนี้ เอ้อ.. ไม่ใช่สิ โทรศัพท์รุ่นนี้เป็นโทรศัพท์ที่ Oppo ส่งให้ยูทูปเบอร์ท่านอื่นทดสอบ ไม่ได้เกี่ยวกับผม แต่อาศัยว่ารู้จักกับน้องที่ทำรีวิว เลยไปขอปาดหน้าเค้กขอยืม R7 Lite กับ R7 Plus มาเล่นก่อน
ตอนแรกว่าจะสรุปสั้นๆ เรื่องกล้อง เพราะมันก็ไม่ใช่โทรศัพท์เน้นกล้องอยู่แล้ว ไม่น่ามีอะไรพูด
แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ กลับชอบแฮะ แม้ภาพจะไม่เท่ากับโทรศัพท์เน้นกล้อง แต่เป็นโทรศัพท์ที่มีกล้องดีกว่าที่คิดแต่แรก
เลยลงรายละเอียดทำยาวๆ ไปเลยละกันเผื่อใครที่จะตัดสินใจเรื่องกล้องของตระกูล R7 จะได้มีข้อมูลตัดสินใจเพิ่มขึ้น
ผมใช้ Samsung Galaxy S6 เป็นคู่เทียบ เพราะเป็นโทรศัพท์เน้นกล้องระดับแนวหน้าที่คนทั่วไปรู้จัก
และผมคุ้นมือรู้จักมันดีพอทำให้ใช้เป็น reference เพื่อประเมินภาพจากกล้องโทรศัพท์อื่นๆ ได้ง่าย
--------------------------------------------
สัดส่วนรูปร่างหน้าตา
Oppo R7 Lite เป็นโทรศัพท์จอ 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720 ตัวเครื่องบางเฉียบ หนาแค่ 6 มิลลิเมตรเศษๆ ความกว้างยาวพอเหมาะที่จะใส่ไว้ในกระเป๋าได้ จับถือได้ไม่ลำบาก โทรศัพท์ขนาดนี้น่าจะเป็นขนาดใหญ่สุดเท่าที่ผมจะใช้ได้สะดวก ลองใช้ R7 Plus แล้ว จอขนาด 6 นิ้วมันล้นมือล้นกระเป๋ามากไปหน่อย แต่จับถนัด ดูเต็มตากว่า
ฝาหลังอลูมิเนียมแบบติดตายถอดไม่ได้ เคลือบเทฟล่อนให้ลื่นมือและปกป้องพื้นผิวโลหะ คาดรอบเครื่องด้วยแถบโลหะแบบมีขอบ ช่วยให้นิ้วเกาะถนัดมากเวลาจับถ่ายรูป
เมื่อเทียบกับโทรศัพท์ทรงบางทั่วๆ ไป R7 Lite จับได้ถนัดกว่าเยอะ ไม่ดิ้นหนีมือเหมือน S6
บอดี้ส่วนอื่นลบเหลี่ยมมุมหมด จับได้ไม่สะดุดมือ กระจกหน้าจอภาพก็เป็น Gorilla Glass แบบ 2.5D ขอบกระจกโค้งไม่มีเหลี่ยมมุม
ดูโดยรวมทั้งเครื่องแล้วสวยดูดี การประกอบแน่นหนาแข็งแรงไม่คลอน จับถือมั่นใจว่าไม่กระจายเป็นชิ้นๆ คามือแน่นอน เท่าที่ลองจับลองถือดู เป็นโทรศัพท์ที่ดูดีจับถือถนัด ไม่ลื่นมือเหมือน S6
ปุ่มและการควบคุม
3 ปุ่มกด 3 ปุ่มสัมผัส
ปุ่มสัมผัสวางตำแหน่ง Back ทางขวาแบบซัมซุง ยังคงใช้ปุ่ม Menu ไม่ได้เปลี่ยนเป็น Recent Apps ตามแบบแอนดรอยด์ยุคใหม่
ติตรงปุ่มกดไวต่อการกดมากไปหน่อย ผมเผลอทำปุ่มลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจบ่อยมาก โดยเฉพาะปุ่มลดเสียงอยู่ในตำแหน่งกดง่ายแม้จะจับโทรศัพท์ในท่าปกติ ผมเผลอลดเสียงเรียกเข้า หรือเผลอกดนานจนเข้าโหมดปิดเสียงเรียกเข้าประจำ
ปุ่มเปิดปิดก็โดนมือง่าย และลั่นง่ายเวลาถ่ายภาพแนวนอน กำลังถ่ายรูปอยู่ปิดจอโดยไม่ตั้งใจเฉยเลย
ถาดใส่ซิมการ์ด
เป็นถาดแบบสามัคคีชุมนุม มีสองช่อง สำหรับ micro SIM ช่องนึง และอีกช่องนึงสำหรับ micro SD หรือเลือกใส่ nano SIM แทน
...แต่อย่าทำเลย ยังไงใช้รุ่นนี้ก็ต้องมี micro SD
เพราะความจุในเครื่องหลังจากหักแอปจำเป็นแล้วเหลือประมาณ 5 GB เท่านั้น น้อยเกินกว่าจะใช้ทำอะไรให้คุ้มค่าได้ ถ้าไม่ใส่การ์ดเพิ่มความจุเสียหน่อย รองรับได้ถึง 128 GB ก็ใส่ให้มันเยอะๆ ไว้นั่นแหละครับ
ด้านหลังมีกล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้องโผล่พ้นบอดี้มานิดหน่อย มีวงแหวนสเตนเลสป้องกันหน้ากล้องไว้ พร้อมไฟแฟลช LED ดวงเดียว
ในโฆษณาบอกว่ามี Phase Detection Auto Focus พอใส่โฆษณาว่า PDAF แล้วมันดูศักดิ์สิทธิ์ดียังไงไม่รู้ แต่ผมทดลองแล้วไม่รู้สึกว่ามันโฟกัสเร็วช้าต่างกันยังไงกับกล้องโทรศัพท์อื่นๆ
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4 ไม่มีอะไรให้พูดเท่าไหร่ข้ามๆ ไป
ไม่มีปุ่มลัด หรือปุ่มเฉพาะสำหรับการเรียกกล้องขึ้นมาทำงาน ต้องใช้วิธีวาดวงกลมหน้าจอ เพื่อเรียกกล้องจากโหมดพักหน้าจอ
ผมใช้แล้วไม่เวิร์กครับ วาดไม่ติดบ่อยๆ ตอนหลัง เลยใช้วิธีเปิดเครื่องแล้วเปิดแอปตามปกตินี่แหละ จังหวะการเปิดกล้องไม่ค่อยทันใจเหมือนตอนใช้ S6
แต่ว่าเปิดกล้องได้แล้วก็ถ่ายได้ทันที ไม่มีบั๊กจอกระเพื่อมเหมือน S6 ที่ผมใช้อยู่ ที่เปิดกล้องมาแล้วถ่ายทันทีไม่ได้ ต้องรออีกหลายวินาทีให้ภาพมันหยุดกระเพื่อมก่อน
หน้าจอ AMOLED ดูสวยงาม คมชัด สีสด แจ่ม จ้า สู้แสงกลางแจ้งได้ดี เท่าที่เอาไปถ่ายภาพมาหลายวัน สามารถใช้งานดูภาพก่อนถ่ายได้ดี ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้งาน
คอนทราสจัดกว่าภาพจริงที่ได้เล็กน้อย แต่สีสันจัดจ้ากว่าภาพจริงเยอะ รูปที่ดูสวยบนจอโทรศัพท์ อาจจะดูไม่ดีในจอคอมพ์ก็ได้นะครับ เผื่อใจไว้หน่อย
ความหนาแน่นพิกเซลจอภาพ 294 ppi ดูสบายตา แต่ถ้าเป็นคนที่คุ้นตากับจอภาพความหนาแน่นพิกเซลสูงกว่านี้มาก่อน อาจจะตาไวมองเห็นพิกเซลหน้าจอเป็นเม็ดๆ ได้ ยิ่งเวลาเป็นพื้นขาวๆ ยิ่งเห็นชัด
Color OS 2.2 ที่ทำครอบ Android 5.1 ไว้ ก็ใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลดี ไม่เจอปัญหาอะไรในการใช้งาน ความรู้สึกโดยรวมในการใช้งานแอปพื้นฐาน ไม่ได้แตกต่างจาก S6 เท่าไหร่ อาจจะหายใจรอนานกว่าเดิมสักเฮือกสองเฮือกบางครั้งเท่านั้น
ผมชอบสไตล์การทำงานของโทรศัพท์จีนตรงที่ไม่มี App Drawer นี่แหละ เอาไอคอนแอปมากองเสนอหน้าให้เลือก ง่าย ตรงไปตรงมาดี ไม่ต้องกดหลายซับหลายซ้อน
หลังจากลองฟังเพลงผ่านหูฟังแล้ว ผมว่าเป็นโทรศัพท์ที่เสียงไม่ค่อยดี sound stage แคบ เสียงทึบ ฟังแล้วอึดอัด ไม่แนะนำสำหรับการใช้เป็นเครื่องฟังเพลง เอาไว้ฟังแก้ขัดแก้เหงาเป็นครั้งคราวพอได้ ลำโพงของเครื่องก็อาศัยฟังเสียงพูดได้ดีไม่อู้อี้ ฟังเพลงลูกทุ่งได้สบาย
แบตเตอรี่พอใช้สำหรับวันเต็มๆ แบบไม่ต้องลุ้นมาก ดีพอๆ หรือดีกว่า S6 หน่อย
ชาร์จนานตามปกติของโทรศัพท์ทั่วไป แต่ผมใช้ quick charge มาจนเสียนิสัยแล้วเลยรู้สึกว่ามันนานไปหน่อย