▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวน้ำตก
เที่ยวไทย
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
[CR] ทริปสั้นๆของพนักงานออฟฟิต / 2 วัน 1 คืน เยือนวังน้ำเขียว เที่ยวเขาใหญ่ แวะไร่องุ่น
อาทิตย์นี้ได้มีโอกาสไปเยือนวังน้ำเขียว(12-13 ก.ย.58) การเดินทางในครั้งนี้ได้มีโอกาสไปเยือนในหลายจุดท่องเที่ยว โดยความตั้งใจล้วนๆที่จะขับรถในระยะทางที่อ้อมผ่านหลายพื้นที่ เพื่อที่จะเดินทางไปสัมผัสไปเห็นด้วยตัวเอง ปลายทางการเดินทางครั้งนี้คือวังน้ำเขียวค่ะ เส้นทางไปวังน้ำเขียวมีหลายเส้นทางให้ได้เลือกเดินทาง ขึ้นอยู่กับความถนัดเรา แต่ทริปนี้จะใช้เส้นทางจังหวัดสระบุรีผ่านเขื่อนลำตะคองเข้าสีคิ้ว สู่วังน้ำเขียว ขากลับแวะเที่ยวเขาใหญ่ผ่านปราจีนบุรี แล้วลงนครนายกให้อาหารกวางก่อนกลับค่ะ ทุกสถานที่ที่กล่าวในทริปนี้ เที่ยวได้จริงๆ ตามมาเลยค่ะ^^
สถานที่ที่เขียนถึงไม่ได้ประสงค์จะโฆษณาให้ที่ใดนะคะ เป็นเพียงบันทึกการเดินทางของทริปนี้เท่านั้นค่ะ-ภาพทุกภาพถ่ายจากกล้องมือถือค่ะ
เช้าวันเสาร์... เช้านี้ฝนไม่ตกค่ะ แต่ท้องฟ้าก็ไม่ถึงกับเปิดเท่าไรช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนที่กรุงเทพฯเจอฝนเกือบทุกวัน เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอน 8โมงเช้า ใช้ถนนวงแหวนรอบนอก มุ่งหน้าตามถนนมิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 2ผ่านจังหวัดสระบุรี สถานที่แรกเพื่อแวะพักเที่ยวฟาร์มโชคชัย ชิมสะเต็ก แวะถ่ายรูปฟาร์มโชคชัยจะอยู่ขวามือนะคะ ตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ-ปากช่อง กิโลเมตรที่159-160 เป็นฟาร์มโคนมที่มีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ
อิ่มท้องกันแล้วก็ออกเดินทางต่อ ถนนเส้นนี้เป็นที่ตั้งของ Premium Outlet เขาใหญ่ด้วยค่ะอยู่ทางขวามือเช่นกัน ใครที่อยากได้สินค้าแบรนด์เนมในราคาถูกกว่าตาม shop ในห้าง ก็สามารถแวะชอปปิ้งได้ที่นี่มีหลายหลายแบรนด์ให้เลือก
มุ่งหน้าต่อตามถนนมิตรภาพ ถึงแยกมีเส้นทางให้เลี้ยวขวาเข้าถนนธนะรัตน์เป็นถนนที่จะตัดผ่านมาเจอกับทางขึ้นเขาใหญ่แต่ผู้เขียนไม่เลือกเส้นทางนี้ผู้เขียนมุ่งหน้าต่อเพื่อที่จะไปยังเขื่อนลำตะคองค่ะ เขื่อนลำตะคองตั้งอยู่ตำบลลาดบัวขาว ทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-สระบุรี) บริเวณกิโลเมตรที่193-194 เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อนำน้ำมาใช้ประโยชน์ในด้านชลประทาน ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวบนสันเขื่อนเพื่อชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำได้ค่ะเมื่อก่อนเคยมีร้านอาหารตามข้างทางให้ได้เลือกทานกันแต่ตอนนี้รื้อถอนออกหมดแล้วนะคะ ที่นี่เหมาะสำหรับพักผ่อนในยามแดดร่ม เพื่อถ่ายภาพบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกงามจริงๆค่ะ มุ่งหน้าต่อตามถนนมิตรภาพแล้วเลี้ยวเข้าปักธงชัย ทางหลวงหมายเลข 304เจอแยกสีคิ้วให้เลี้ยวขวาค่ะ เราจะเจอทางเข้าผาเก็บตะวัน ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวจ.นครราชสีมา จาก 4 แยก กบินท์บุรี ใช้ ถนนหมายเลข 304 มุ่งหน้าสู่อำเภอวังน้ำเขียว ประมาณ 59.6 กิโลเมตร แต่ผู้เขียนไม่ได้แวะเพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาแทบจะมองไม่เห็นถนนจึงทำให้เราตัดสินใจเดินทางต่อไปยังที่พักเลย
ผาเก็บตะวัน เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลาน ช่วงฤดูฝนเราก็อาจได้มีโอกาสเจอสายหมอกในยามเช้าอีกด้วยนะคะ มุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ก่อนถึงทางเข้าจังหวัดปราจีนบุรีให้มองทางขวาไว้ค่ะจะมีป้ายสีน้ำเงินแสดงรายชื่อที่พักและที่สถานที่ท่องเที่ยวเรียงรายกันมากมายให้เราเลี้ยวขวาเข้าตรงนี้คะ เส้นทางนี้คือถนนเข้าวังน้ำเขียว-เขาใหญ่ ทางหลวงหมายเลข3025
ขับรถเข้ามาประมาณ 7 ก็จะเจอร้านกาแฟ a cupof love อยู่ทางซ้ายมือคะ ที่นี่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องชิมกาแฟแล้วยังมีน้องแกะให้เราได้เข้าไปป้อนอาหารถึงตัวกันเลยละคะ และยังมี ATV ให้ชมได้รอบๆ ค่าบริการ 500 บาท สำหรับ ATV และ 50 บาทสำหรับอาหารน้องแกะคะ เรามาถึงที่นี่บ่าย 1เนื่องจากไม่ได้แวะผาเก็บตะวันเพราะสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเลยมีเวลาเหลือก่อนเข้าที่พัก(Check in บ่าย 2 )เราเลยแวะชิมกาแฟ ให้อาหารน้องแกะ ฝนยังไม่หยุดตกนะคะ วันนี้โชคไม่ดีเท่าไรค่ะฝนตกพรำๆตลอดวันเลยค่ะ
ได้เวลาบ่าย 2 เราได้เข้า check in ที่โรงแรมค่ะ (โรงแรมบ้านภูหลวง รีสอร์ท) จองที่นี่เพราะได้ราคาช่วงโปรโมชั่นมาถูกค่ะโรงแรมที่วังน้ำเขียวมีให้เลือกมากมายนะคะ ลองเช็คราคาตามเวปไซต์กันดูค่ะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ทางขวามมือห่างจาก a cupof love มาประมาณ 2 กม. อยู่เยื้องๆกับ เวลาเวียน รีสอร์ทคะ checkin โรงแรมเสร็จแล้วก็ไม่ปล่อยเวลาเปล่า แม้ฝนจะตกแต่เราก็จะออกเดินทางค่ะ เตรียมตัวล้อหมุน^^
เราเลือกเลี้ยวชวาเพื่อที่จะไปยังอ่างเก็บน้ำสันกำแพง ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ20 นาทีค่ะ อ่างเก็บน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสภาพความแห้งแล้งจากการขาดแคลนน้ำฝนและปัญหาความยากจนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างอันได้แก่จังหวัอุบลราชธานี,ศรีษะเกษ,สุรินทร์,บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ค่ะตลอดสองข้างทางของที่นี่มีไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลัง สีเขียวสบายตา ดูชุ่มฉ่ำใจค่ะ
4 โมงกว่า เราย้อนกลับมาทางที่พักค่ะแต่มุ่งหน้าเลยที่พักไปยังทางขึ้นเขาแผงม้า เพื่อไปดูกระทิงเวลาดีที่สุดที่จะดูกระทิงคือ 4 โมงเย็นค่ะ ถนนในช่วงแรกจะลาดยาง แต่ช่วง 4 กม.สุดท้ายก่อนถึงจุดชมวิว จะเป็นถนนดินเหนียวค่ะ เนื่องจากฝนที่ตกหนักทำให้ถนนเลื่อนและมีดินเหนียวมาก เราจึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับ อดส่องกระทิงเลยค่ะช่วงที่ดีที่สุดของที่นี่น่าจะเป็นช่วงหน้าหนาวนะคะ
ได้เวลาอาหารเย็นพอดีค่ะ ร้านอาหารวิวทะเล เมนูเห็ดผัด ยำเห็ดและฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนค่ะ รสชาติอาหารอร่อยในระดับนึงค่ะราคาก็สำหรับนักท่องเที่ยวค่ะเพิ่งจะหกโมงเย็นแต่ฟ้าเริ่มมืดแล้วค่ะอาจเพราะฝนยังตกพร่ำๆอยู่เราจึงตัดสินใจกลับที่พัก เพื่อตื่นแต่เช้าออกเดินทางต่อค่ะ
เช้าวันอาทิตย์... ตื่นเช้ามาเก็บภาพบรรยากาศรอบที่พัก เช้านี้ฟ้าเปิดค่ะฝนหยุดตกแล้ว เดินชมรอบๆที่พัก ถ่ายรูปสวยๆ แล้วไปทานอาหารเช้าค่ะ
เราเช็คเอ้าท์ 10 โมง เพื่อมุ่งหน้าสู่อุทธยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะออกจากโรงแรมเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ขับมาประมาณ 1 กม.จะเจอกับร้านกาแฟเปิดใหม่ค่ะ ชื่อร้าน 22 องศา café ร้านนี้เปิดได้ประมาณ 8เดือนค่ะ บรรยากาศรอบๆเงียบสงบจัดร้านท่ามกลางสวนเหมาะแก่การนั่งคุยหรือนั่งพักผ่อนก่อนออกเดินทางต่อค่ะ รสชาติกาแฟเข้มข้นดีค่ะ ขนมก็อร่อยในระดับนึงค่ะ
เสร็จแล้วเราออกจากร้านมุ่งหน้าต่อเขาใหญ่ค่ะ ระหว่างทางเราเจอป้ายไร่องุ่นที่นึงเลยแวะเข้าไปดู“บ้าน VS 3p” จุดเด่นของที่นี่คือเราสามารถเดินเข้าไปในไร่ เพื่อถ่ายรูปกับองุ่นได้เลยค่ะถ่ายรูปเท่าไรก็ได้ตามความพอใจค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามจับองุ่นแถวนี้มีไรองุ่นเยอะค่ะ แต่ที่ที่ให้เข้าไปถ่ายรูปได้ไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนบ้างนะคะนอกจากนี้ยังมีสวนผักไฮโดรโปนิกส์ตลอดสองข้างทางให้เราได้เลือกซื้อกลับบ้านด้วยค่ะถนนเส้นนี้จะมีคอนโดมิเนี่ยมสวยๆ ในพื้นที่ใหญ่ๆหลายที่ค่ะ
ขับมาสุดถนนเราก็จะเจอทางแยกให้เราเลี้ยวซ้ายเพื่อขึ้นเขาใหญ่ค่ะ ค่าบริการสำหรับรถผ่านคันละ50 บาทค่ะและนักท่องเที่ยวคนละ40 บาทค่ะ จากทางขึ้นอุทธยาน 14 กม.ก็จะถึงที่ทำการอุทธยานค่ะ ตลอดสองข้างทางจะเป็นป่าผืนใหญ่ ถนนคดเคี้ยวบางจุดก็เป็นถนนหักศอกต้องขับรถกันด้วยความระมัดระวังค่ะเพราะจะมีจักรยานปั่นร่วมด้วยทั้งสองเลนเสียดายที่ไม่มีเลนสำหรับจักรยาน นักปั่นจึงต้องใช้ถนนร่วมกับรถยนต์
ขับรถเข้ามาก็จะถึงจุดชมวิวค่ะ วิวสวยจริงๆ ที่นี่จะมีลิงค่อนข้างเยอะค่ะงดให้อาหารนะคะ ขับมาเรื่อยๆถึงที่ทำงานอุทธยาน แวะเหนื่อย พักถ่ายรูป ชมวิวกันค่ะ
แล้วมุ่งหน้าต่อไปทางปราจีนบุรี เพื่อจะไปเยือนน้ำตกที่นึงค่ะ “น้ำตกเหวนรก” ตอนแรกยังไม่ค่อยเข้าใจชื่อเรียกแต่พอได้ไปเห็นด้วยตา เข้าใจซึ้งเลยค่ะ สมชื่อเหวนรกจริงๆเราต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 900 เมตร ตรงนี้ไม่เหนื่อยค่ะ แต่ขามาล้าตรงทางลงค่ะมันชันมาก น้ำตกที่นี่น่ากลัวค่ะ ด้วยกระแสน้ำที่ตกลงมาแรงมากปะทะกับโขดหินน้ำกระเซ็นให้ได้เปียกกันเลยค่ะ ธรรมชาตินี่น่าทึ่งจริงๆค่ะ
ออกจากน้ำตกมุ่งหน้าอีก 31 กม. ก็ถึงปราจีนบุรี ตลอดสองข้างทางมีรอยขี้ช้างค่อนข้างเยอะบางรอยยังใหม่ๆค่ะ ถนนสายนี้ก็ยังคงเจอนักปั่นจักรยานเป็นระยะๆค่ะ