คุณสมบัติที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่มีโอกาสได้รับทุนการศึกษาจากต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกานั้น
การมีผลการเรียนที่ดีและคะแนนสอบจากข้อสอบ TOEFL, SAT หรือ ACT ที่สูงตามเกณฑ์แค่นั้นยังไม่พอ
ผู้ที่มีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่หลากหลาย มีประสบการณ์การทำงานอาสาสมัครที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
รวมทั้งการฝึกงานตามสถาบันหรือองค์กรและห้างร้านต่าง ๆ จะช่วยทำให้ Profile ของผู้สมัครเรียนหรือขอทุน
โดดเด่นเป็นที่ถูกตาต้องใจคณะกรรมการคัดเลือกได้มากกว่ากันหลายขุมเลยล่ะ
กิจกรรมพิเศษเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในห้องเรียนและเป็นประสบการณ์ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผลการเรียนที่ดี
เพราะเขาจะพิจารณาว่าคนที่ทำกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความสามารถหลากหลาย
มีภาวะความเป็นผู้นำสูง และสามารถทำงานเป็น Team Work ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างดี
ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญอย่างมากในการพิจารณารับเข้าเรียนที่ต้องขีดเส้นใต้หนา ๆ
และกาดอกจันไว้เป็นร้อย ๆ ดอก
ดังนั้นคนที่เรียนเก่งเพียงอย่างเดียวหรือเก่งแต่ในตำราแบบเด็ก Nerd ที่วัน ๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
อ่านแต่หนังสือเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนอกชั้นเรียนเลยนั้น
ก็คงยากที่จะได้รับการพิจารณาเพราะนักเรียนเกือบทุกคนที่มาสมัครล้วนเป็นผู้ที่
มีผลการเรียนที่ดีและมีคุณสมบัติหลายอย่างเหมือนกัน
แต่สิ่งที่จะทำให้คณะกรรมการสนใจเด็กคนไหนเป็นพิเศษเด็กคนนั้นก็จะต้องมีความโดดเด่น
ที่เหนือกว่าคนอื่นไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมที่แสดงภาวะการเป็นผู้นำที่ดี การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน
มีความสามารถพิเศษในสาขาวิชาที่จะสมัครเรียน เป็นนักกีฬาที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ
หรือเยาวชนแห่งชาติ เป็นตัวแทนระดับประเทศในการแข่งขันวิชาการต่าง ๆ เช่นโอลิมปิก
และกิจกรรมอื่น ๆ ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นเหล่านี้ล้วนช่วยทำให้นักเรียนมีโอกาสได้รับเลือกเข้าเรียน
หรือได้ทุนการศึกษามากขึ้นทั้งสิ้น
กิจกรรมพิเศษของน้อง Sandy:
ช่วงที่น้อง Sandy เรียนอยู่มัธยมปลายมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียนน้อยกว่ามาก
เมื่อเปรียบเทียบกับน้อง Doctor โดยเฉพาะในยุคของน้อง Paul ซึ่งเรียนอยู่คนเดียวในช่วงมัธยมปลาย
เนื่องจากตอนที่ทั้ง 3 คนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันนั้น มีเวลาเลิกเรียนประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง
และกิจกรรมหลีงเลิกเรียนจะอยู่ระหว่าง 3-5 โมงเย็นนั้น ถ้าวันไหนที่น้อง Sandy ต้องเข้า
ร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียนก็หมายถึงว่าวันนั้นน้องทั้งสองจะต้องนั่งคอยจนเย็นกว่ากิจกรรมของพี่จะเสร็จ
เพื่อรอกลับบ้านพร้อมกัน
การนั่งคอยไปด้วยทำการบ้านที่โรงเรียนไปด้วยในบางครั้งก็ไม่เป็นปัญหา แต่หากมีกิจกรรมบ่อย ๆ
พี่สาวก็จะเกรงใจและสงสารน้องที่ต้องอยู่คอยจนเย็น ซึ่งวันไหนถ้ารถติดนี่กว่าจะถึงบ้านพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว
ทั้งหิวทั้งเหนื่อยซึ่งบ่อยครั้งทั้ง 3 ก็หลับมาในรถจนถึงบ้าน กว่าจะอาบน้ำกินข้าวและทำการบ้านต่ออีกก็ดึก
ตอนเช้าก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เป็นอย่างนี้ตลอดจนบ่อยครั้งที่น้อง Sandy ต้องยอมงดกิจกรรม
หลังเลิกเรียนหลาย ๆ อย่างไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ก็ยังโชคดีที่มีโอกาสได้ร่วมงานจิตอาสาร่วมกับโครงการของโรงเรียนและกิจกรรมที่ได้จัด
ร่วมกับเพื่อน ๆ หลายครั้งทั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และระหว่างปิดภาคฤดูร้อนของแต่ละปี
เช่นการจัดกลุ่มเพื่อน ๆ ทำงานจิตอาสาช่วยอ่านหนังสือให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนเด็กตาบอด
งานจิตอาสาสำหรับเด็กพิการและสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมโครงการสร้างบ้านดินให้กับผู้ยากไร้ในจังหวัดแถบอีสาน รวมทั้งการเข้าร่วม
ในกิจกรรมพิเศษของคลับต่าง ๆ ในโรงเรียน และระหว่างปิดภาคฤดูร้อนใน 2 ปีสุดท้าย
ก่อนจบมัธยมปลายยังได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยแผนกลูกค้าสัมพันธ์ให้กับบริษัทของญาติในกรุงเทพมหานคร
อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจที่น้อง Sandy ได้ทำระหว่างเรียนมัธยม 5 แต่ไม่ได้เขียนอยู่ในใบสมัคร
นั่นคือการเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานและรองประธานนักเรียนโดยจัดกิจกรรมหาเสียง
และจัดโต้วาทีแข่งกับผู้แข่งขันแต่สุดท้ายไม่ได้รับการเลือกตั้งเพราะคู่แข่งขันทำคะแนนได้ดีกว่า ^^
ใน Profile ยังมีการระบุหลักสูตรเปียโน กีฬาเทนนิส เทควันโด และหลักสูตรพร้อมทักษะ
การพูดอ่านเขียนภาษาไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่นในระดับดีถึงพอใช้ด้วย
อย่างไรก็ตามแม้กิจกรรมนอกหลักสูตรของน้อง Sandy จะไม่โดดเด่นมากนักแต่เนื่องจากทำ GPA
ได้ค่อนข้างดีที่ 3.95 และได้คะแนน SAT 2,100 คะแนนอีกทั้งเชื่อว่า Essay ใน CommonApp
และ Supplemented College's Essay ที่เขียนได้ดี มีผลทำให้ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยในรัฐแห่งหนึ่งในอเมริกา
เข้าศึกษาคณะเตรียมแพทย์หรือ Pre. Medicine เป็นเวลา 4 ปี ซึ่งเรียนจบแล้วตั้งแต่กลางปี 2014
และกำลังลุ้นผลสมัครเข้า Medical School อีกครั้งในปีนี้หลังจากพลาดเมื่อปีที่แล้ว T_T
กิจกรรมพิเศษของน้อง Doctor:
ตอนอายุ 16 ช่วงต้นปี 2010 ก่อนปิดภาคเรียนชั้นม. 4 น้อง Doctor ได้เขียนจดหมายสมัครงาน
กับสวนสัตว์แห่งหนึ่งซึ่งหลังจากรอได้ 3 วันก็ตื่นเต้นดีใจที่ได้รับจดหมายเชิญสัมภาษณ์กับกรรมการผู้จัดการ
วันนั้นคุณแม่ไปเป็นเพื่อนน้อง Doctor และได้พบกับท่านผู้บริหารท่านนั้นซึ่งได้ตอบรับให้เข้าฝึกงานทันที
ในระหว่างการสัมภาษณ์ท่านกล่าวชื่นชมและอยากให้โอกาสกับเด็กที่มีความคิดริเริ่มที่ดีและกล้าหาญ
ที่เขียนจดหมายแนะนำตัวและขอสมัครงานเข้ามาเองและบอกว่าน้อง doctor จะเป็นเด็กฝึกงานคนแรก
ที่ไม่ใช่นักศึกษาสัตวแพทย์ที่ท่านจะรับเข้ามาฝึกงานในสวนสัตว์แห่งนี้
ก่อนจบการสัมภาษณ์ท่านได้กรุณาแนะนำน้อง Doctor ให้กับคุณหมอหัวหน้าทีมสัตวแพทย์
ซึ่งจะเป็นพี่เลี้ยงผู้ดูแลและจัดทำโปรแกรมฝึกงานอย่างเป็นทางการให้เช่นเดียวกับที่ทำให้กับนักศึกษาสัตวแพทย์
โปรแกรมการฝึกงานประกอบด้วยการฝึกงานกับสัตวแพทย์และทัมงานแผนกต่าง ๆ
เรียนรู้การให้ยา/อาหารเสริมแก่สัตว์ทั้งสัตว์น้ำและสัตว์บก การบริหารและฝึกฝนสัตว์ด้านทักษะต่าง ๆ
เรียนรู้การบริหารจัดการ การดูแลสัตว์ของแผนกต่าง ๆ ในสวนสัตว์แห่งนี้ และที่สำคัญได้รับโอกาส
ให้ดูการผ่าตัดรักษาสัตว์ที่เจ็บป่วยอย่างใกล้ชิด
กว่า 6 สัปดาห์กับประสบการณ์ในครั้งนั้นนับเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับน้อง Doctor ที่ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ
ซึ่งนับเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของผู้บริหารสวนสัตว์ท่านนั้นต่ออนาคตของเยาวชนไทยคนหนึ่ง
และได้ให้โอกาสที่ดีในการศึกษาเรียนรู้เพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีมีความรู้ความสามารถ
เพื่อจะได้นำความรู้นั้นไปพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ต่อไป
หากท่านมีโอกาสได้อ่านบทความนี้ขอได้โปรดรับทราบว่าน้อง Doctor ยังระลึกถึงพระคุณของท่าน
และทีมงานของท่านเสมอ และหากมีโอกาสจะกลับไปกราบสวัสดีทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ^^
ปีต่อมาในช่วงที่น้อง Doctor อยู่มัธยม 5 ก็ได้เจริญรอยตามพี่สาวเข้าสมึครรับเลือกตั้งเป็นประธาน
และรองประธานนักศึกษาและได้จัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกับพี่สาวทุกประการ
ในการจัดกิจกรรมหาเสียง ซึ่งก็ไปไม่ถึงดวงดาวและถูกคู่แข่งเบียดตกรอบไปอีกเช่นกัน ^^
ก่อนปิดภาคฤดูร้อนของมัธยม 5 น้อง Doctor ได้เขียนจดหมายสมัครงานเพื่อขอฝึกงานช่วงปิดเทอมอีก
กับสถาบันและองค์กรต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยของรัฐฯ แห่งหนึ่ง
ร้าน Star Bucks และอื่น ๆ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี่ไม่ได้รับการตอบรับให้เข้าฝึกงานกับสถาบันใด ๆ เลย
แม้จะไม่มีโอกาสเข้าร่วมทำงานกับทีมประธานนักเรียนเพื่อพัฒนาทักษะด้านการพูดและความเป็นผู้นำ
น้อง Doctor มีโอกาสได้เข้าร่วมชมรมยุวทูตได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในจำนวนนักเรียนไทยจากโรงเรียนนานาชาติ
ให้ร่วมเดินทางไปเป็นตัวแทนนักเรียนไทยเข้าร่วมประชุมระดับประเทศและระดับนานาชาติดังนี้
เป็นสมาชิก MUN Club ของโรงเรียนตั้งแต่มัธยม 5 โดยได้เข้าร่วมกิจกรรมการปราศรัย และการโต้วาทีต่าง ๆ
ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมภายในประเทศ 2 ครั้งระหว่างปี 2010-2011 โดยครั้งแรกร่วมประชุมกับตัวแทนนักเรียน
จากประเทศเยอรมันนี และครั้งที่สองร่วมประชุมกับตัวแทนนักเรียนจากประเทศรัสเซีย
-----
ความหมายของ MUN (Model United Nations) is an educational simulation and/or academic competition
in which students learn about diplomacy, international relations, and the United Nations.
MUN involves and teaches research, public speaking, debating, and writing skills,
in addition to critical thinking, teamwork, and leadership abilities.
Usually an extracurricular activity, some schools also offer Model UN as a class.
(ความหมายของ MUN คัดลอกจาก Wikipedia)
-----
นอกจากนี้ได้อยู่ในทีมนักเรียนไทยเข้าร่วมประชุมยุวทูตนานาชาติอีก 2 ครั้งเช่นกัน
ครั้งแรกได้เดินทางเข้าร่วมประชุม BEIMUN (2011), Delegate of Sierra Leone in General Assembly 2
(Economic and Financial) ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
ครั้งที่ 2 เข้าร่วมประชุม THIMUN (The Hague International Model United Nations) Singapore (2011),
Delegate of FAO (Food & Agricultural Organization) in General Assembly 2
(Economic and Financial) ณ ประเทศสิงคโปร์
ในระหว่างที่เรียนมัธยม 6 ได้เข้าร่วมทีมปราศรัยและโต้วาทีโดยได้เข้าร่วมการโต้วาที
the EUTH (European Union Thailand) Championship Debate
แสดงบทเป็นนายกรัฐมนตรีโต้วาทีในสไตล์สภาผู้แทนราษฎรของประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์
จัดตั้งชมรม Eco-Merits ซึ่งเป็นชมรมที่เน้นการอนุรักษ์สัตว์เป็นครั้งแรกในโรงเรียนตอนเรียนม.5
โดยได้แนวความคิดจากการเยี่ยมชมองค์กร World Wildlife Fund แห่งประเทศไทย
ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ภายในชมรมได้รับการสนับสนุนและดำเนินการภายใตัการบริหารของ WWF
จบหลีกสูตรนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ร.ด.)
หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า ROTC (Reserved Officers Training Corps) ระหว่างปี 2010-2012
ถึงแม้เกรดเฉลี่ยตอนจบมัธยม 6 ของน้อง Doctor ที่ทำได้เพียง 3.36 จะไม่สูงมากและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับ
นักเรียนเก่ง ๆ ที่ได้เกรดสูงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ตั้งไว้และยิ่งถ้าต้องการขอทุน
ในมหาวิทยาลัยที่มีเกณฑ์คะแนนเฉลี่ยที่อาจจะกำหนดให้ไม่ต่ำกว่า 3.80 โอกาสที่จะได้รับทุนก็คงจะน้อยมาก
แต่โชคดีที่ได้สะสมกิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลายที่เชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริม
ให้มีการพิจารณาว่าเป็นผู้มีภาวะความเป็นผู้นำสูงจากการเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้น
ซึ่งส่งผลให้น้อง Doctor ได้รับทุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนยกเว้นค่าที่พักและอาหารที่ต้องจ่ายเอง
โดยขณะนี้กำลังเรียนหลักสูตร The Great Books ใน Junior Year หรือในชั้นปีที่ 3 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในประเทศสหรัฐอเมริกา...
"กว่าลูกจะได้ทุนเรียนฟรีจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาทั้ง 3 คน" ตอนที่ 3 Internship กิจกรรมนอกหลักสูตร และงานอาสาสมัคร
การมีผลการเรียนที่ดีและคะแนนสอบจากข้อสอบ TOEFL, SAT หรือ ACT ที่สูงตามเกณฑ์แค่นั้นยังไม่พอ
ผู้ที่มีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่หลากหลาย มีประสบการณ์การทำงานอาสาสมัครที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
รวมทั้งการฝึกงานตามสถาบันหรือองค์กรและห้างร้านต่าง ๆ จะช่วยทำให้ Profile ของผู้สมัครเรียนหรือขอทุน
โดดเด่นเป็นที่ถูกตาต้องใจคณะกรรมการคัดเลือกได้มากกว่ากันหลายขุมเลยล่ะ
กิจกรรมพิเศษเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในห้องเรียนและเป็นประสบการณ์ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผลการเรียนที่ดี
เพราะเขาจะพิจารณาว่าคนที่ทำกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความสามารถหลากหลาย
มีภาวะความเป็นผู้นำสูง และสามารถทำงานเป็น Team Work ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างดี
ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญอย่างมากในการพิจารณารับเข้าเรียนที่ต้องขีดเส้นใต้หนา ๆ
และกาดอกจันไว้เป็นร้อย ๆ ดอก
ดังนั้นคนที่เรียนเก่งเพียงอย่างเดียวหรือเก่งแต่ในตำราแบบเด็ก Nerd ที่วัน ๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
อ่านแต่หนังสือเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนอกชั้นเรียนเลยนั้น
ก็คงยากที่จะได้รับการพิจารณาเพราะนักเรียนเกือบทุกคนที่มาสมัครล้วนเป็นผู้ที่
มีผลการเรียนที่ดีและมีคุณสมบัติหลายอย่างเหมือนกัน
แต่สิ่งที่จะทำให้คณะกรรมการสนใจเด็กคนไหนเป็นพิเศษเด็กคนนั้นก็จะต้องมีความโดดเด่น
ที่เหนือกว่าคนอื่นไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมที่แสดงภาวะการเป็นผู้นำที่ดี การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน
มีความสามารถพิเศษในสาขาวิชาที่จะสมัครเรียน เป็นนักกีฬาที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ
หรือเยาวชนแห่งชาติ เป็นตัวแทนระดับประเทศในการแข่งขันวิชาการต่าง ๆ เช่นโอลิมปิก
และกิจกรรมอื่น ๆ ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นเหล่านี้ล้วนช่วยทำให้นักเรียนมีโอกาสได้รับเลือกเข้าเรียน
หรือได้ทุนการศึกษามากขึ้นทั้งสิ้น
กิจกรรมพิเศษของน้อง Sandy:
ช่วงที่น้อง Sandy เรียนอยู่มัธยมปลายมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียนน้อยกว่ามาก
เมื่อเปรียบเทียบกับน้อง Doctor โดยเฉพาะในยุคของน้อง Paul ซึ่งเรียนอยู่คนเดียวในช่วงมัธยมปลาย
เนื่องจากตอนที่ทั้ง 3 คนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันนั้น มีเวลาเลิกเรียนประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง
และกิจกรรมหลีงเลิกเรียนจะอยู่ระหว่าง 3-5 โมงเย็นนั้น ถ้าวันไหนที่น้อง Sandy ต้องเข้า
ร่วมกิจกรรมหลังเลิกเรียนก็หมายถึงว่าวันนั้นน้องทั้งสองจะต้องนั่งคอยจนเย็นกว่ากิจกรรมของพี่จะเสร็จ
เพื่อรอกลับบ้านพร้อมกัน
การนั่งคอยไปด้วยทำการบ้านที่โรงเรียนไปด้วยในบางครั้งก็ไม่เป็นปัญหา แต่หากมีกิจกรรมบ่อย ๆ
พี่สาวก็จะเกรงใจและสงสารน้องที่ต้องอยู่คอยจนเย็น ซึ่งวันไหนถ้ารถติดนี่กว่าจะถึงบ้านพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว
ทั้งหิวทั้งเหนื่อยซึ่งบ่อยครั้งทั้ง 3 ก็หลับมาในรถจนถึงบ้าน กว่าจะอาบน้ำกินข้าวและทำการบ้านต่ออีกก็ดึก
ตอนเช้าก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เป็นอย่างนี้ตลอดจนบ่อยครั้งที่น้อง Sandy ต้องยอมงดกิจกรรม
หลังเลิกเรียนหลาย ๆ อย่างไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ก็ยังโชคดีที่มีโอกาสได้ร่วมงานจิตอาสาร่วมกับโครงการของโรงเรียนและกิจกรรมที่ได้จัด
ร่วมกับเพื่อน ๆ หลายครั้งทั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และระหว่างปิดภาคฤดูร้อนของแต่ละปี
เช่นการจัดกลุ่มเพื่อน ๆ ทำงานจิตอาสาช่วยอ่านหนังสือให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนเด็กตาบอด
งานจิตอาสาสำหรับเด็กพิการและสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมโครงการสร้างบ้านดินให้กับผู้ยากไร้ในจังหวัดแถบอีสาน รวมทั้งการเข้าร่วม
ในกิจกรรมพิเศษของคลับต่าง ๆ ในโรงเรียน และระหว่างปิดภาคฤดูร้อนใน 2 ปีสุดท้าย
ก่อนจบมัธยมปลายยังได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยแผนกลูกค้าสัมพันธ์ให้กับบริษัทของญาติในกรุงเทพมหานคร
อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจที่น้อง Sandy ได้ทำระหว่างเรียนมัธยม 5 แต่ไม่ได้เขียนอยู่ในใบสมัคร
นั่นคือการเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานและรองประธานนักเรียนโดยจัดกิจกรรมหาเสียง
และจัดโต้วาทีแข่งกับผู้แข่งขันแต่สุดท้ายไม่ได้รับการเลือกตั้งเพราะคู่แข่งขันทำคะแนนได้ดีกว่า ^^
ใน Profile ยังมีการระบุหลักสูตรเปียโน กีฬาเทนนิส เทควันโด และหลักสูตรพร้อมทักษะ
การพูดอ่านเขียนภาษาไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่นในระดับดีถึงพอใช้ด้วย
อย่างไรก็ตามแม้กิจกรรมนอกหลักสูตรของน้อง Sandy จะไม่โดดเด่นมากนักแต่เนื่องจากทำ GPA
ได้ค่อนข้างดีที่ 3.95 และได้คะแนน SAT 2,100 คะแนนอีกทั้งเชื่อว่า Essay ใน CommonApp
และ Supplemented College's Essay ที่เขียนได้ดี มีผลทำให้ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยในรัฐแห่งหนึ่งในอเมริกา
เข้าศึกษาคณะเตรียมแพทย์หรือ Pre. Medicine เป็นเวลา 4 ปี ซึ่งเรียนจบแล้วตั้งแต่กลางปี 2014
และกำลังลุ้นผลสมัครเข้า Medical School อีกครั้งในปีนี้หลังจากพลาดเมื่อปีที่แล้ว T_T
กิจกรรมพิเศษของน้อง Doctor:
ตอนอายุ 16 ช่วงต้นปี 2010 ก่อนปิดภาคเรียนชั้นม. 4 น้อง Doctor ได้เขียนจดหมายสมัครงาน
กับสวนสัตว์แห่งหนึ่งซึ่งหลังจากรอได้ 3 วันก็ตื่นเต้นดีใจที่ได้รับจดหมายเชิญสัมภาษณ์กับกรรมการผู้จัดการ
วันนั้นคุณแม่ไปเป็นเพื่อนน้อง Doctor และได้พบกับท่านผู้บริหารท่านนั้นซึ่งได้ตอบรับให้เข้าฝึกงานทันที
ในระหว่างการสัมภาษณ์ท่านกล่าวชื่นชมและอยากให้โอกาสกับเด็กที่มีความคิดริเริ่มที่ดีและกล้าหาญ
ที่เขียนจดหมายแนะนำตัวและขอสมัครงานเข้ามาเองและบอกว่าน้อง doctor จะเป็นเด็กฝึกงานคนแรก
ที่ไม่ใช่นักศึกษาสัตวแพทย์ที่ท่านจะรับเข้ามาฝึกงานในสวนสัตว์แห่งนี้
ก่อนจบการสัมภาษณ์ท่านได้กรุณาแนะนำน้อง Doctor ให้กับคุณหมอหัวหน้าทีมสัตวแพทย์
ซึ่งจะเป็นพี่เลี้ยงผู้ดูแลและจัดทำโปรแกรมฝึกงานอย่างเป็นทางการให้เช่นเดียวกับที่ทำให้กับนักศึกษาสัตวแพทย์
โปรแกรมการฝึกงานประกอบด้วยการฝึกงานกับสัตวแพทย์และทัมงานแผนกต่าง ๆ
เรียนรู้การให้ยา/อาหารเสริมแก่สัตว์ทั้งสัตว์น้ำและสัตว์บก การบริหารและฝึกฝนสัตว์ด้านทักษะต่าง ๆ
เรียนรู้การบริหารจัดการ การดูแลสัตว์ของแผนกต่าง ๆ ในสวนสัตว์แห่งนี้ และที่สำคัญได้รับโอกาส
ให้ดูการผ่าตัดรักษาสัตว์ที่เจ็บป่วยอย่างใกล้ชิด
กว่า 6 สัปดาห์กับประสบการณ์ในครั้งนั้นนับเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับน้อง Doctor ที่ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ
ซึ่งนับเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของผู้บริหารสวนสัตว์ท่านนั้นต่ออนาคตของเยาวชนไทยคนหนึ่ง
และได้ให้โอกาสที่ดีในการศึกษาเรียนรู้เพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีมีความรู้ความสามารถ
เพื่อจะได้นำความรู้นั้นไปพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้ต่อไป
หากท่านมีโอกาสได้อ่านบทความนี้ขอได้โปรดรับทราบว่าน้อง Doctor ยังระลึกถึงพระคุณของท่าน
และทีมงานของท่านเสมอ และหากมีโอกาสจะกลับไปกราบสวัสดีทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ^^
ปีต่อมาในช่วงที่น้อง Doctor อยู่มัธยม 5 ก็ได้เจริญรอยตามพี่สาวเข้าสมึครรับเลือกตั้งเป็นประธาน
และรองประธานนักศึกษาและได้จัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกับพี่สาวทุกประการ
ในการจัดกิจกรรมหาเสียง ซึ่งก็ไปไม่ถึงดวงดาวและถูกคู่แข่งเบียดตกรอบไปอีกเช่นกัน ^^
ก่อนปิดภาคฤดูร้อนของมัธยม 5 น้อง Doctor ได้เขียนจดหมายสมัครงานเพื่อขอฝึกงานช่วงปิดเทอมอีก
กับสถาบันและองค์กรต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยของรัฐฯ แห่งหนึ่ง
ร้าน Star Bucks และอื่น ๆ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี่ไม่ได้รับการตอบรับให้เข้าฝึกงานกับสถาบันใด ๆ เลย
แม้จะไม่มีโอกาสเข้าร่วมทำงานกับทีมประธานนักเรียนเพื่อพัฒนาทักษะด้านการพูดและความเป็นผู้นำ
น้อง Doctor มีโอกาสได้เข้าร่วมชมรมยุวทูตได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในจำนวนนักเรียนไทยจากโรงเรียนนานาชาติ
ให้ร่วมเดินทางไปเป็นตัวแทนนักเรียนไทยเข้าร่วมประชุมระดับประเทศและระดับนานาชาติดังนี้
เป็นสมาชิก MUN Club ของโรงเรียนตั้งแต่มัธยม 5 โดยได้เข้าร่วมกิจกรรมการปราศรัย และการโต้วาทีต่าง ๆ
ซึ่งได้เข้าร่วมประชุมภายในประเทศ 2 ครั้งระหว่างปี 2010-2011 โดยครั้งแรกร่วมประชุมกับตัวแทนนักเรียน
จากประเทศเยอรมันนี และครั้งที่สองร่วมประชุมกับตัวแทนนักเรียนจากประเทศรัสเซีย
-----
ความหมายของ MUN (Model United Nations) is an educational simulation and/or academic competition
in which students learn about diplomacy, international relations, and the United Nations.
MUN involves and teaches research, public speaking, debating, and writing skills,
in addition to critical thinking, teamwork, and leadership abilities.
Usually an extracurricular activity, some schools also offer Model UN as a class.
(ความหมายของ MUN คัดลอกจาก Wikipedia)
-----
นอกจากนี้ได้อยู่ในทีมนักเรียนไทยเข้าร่วมประชุมยุวทูตนานาชาติอีก 2 ครั้งเช่นกัน
ครั้งแรกได้เดินทางเข้าร่วมประชุม BEIMUN (2011), Delegate of Sierra Leone in General Assembly 2
(Economic and Financial) ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
ครั้งที่ 2 เข้าร่วมประชุม THIMUN (The Hague International Model United Nations) Singapore (2011),
Delegate of FAO (Food & Agricultural Organization) in General Assembly 2
(Economic and Financial) ณ ประเทศสิงคโปร์
ในระหว่างที่เรียนมัธยม 6 ได้เข้าร่วมทีมปราศรัยและโต้วาทีโดยได้เข้าร่วมการโต้วาที
the EUTH (European Union Thailand) Championship Debate
แสดงบทเป็นนายกรัฐมนตรีโต้วาทีในสไตล์สภาผู้แทนราษฎรของประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์
จัดตั้งชมรม Eco-Merits ซึ่งเป็นชมรมที่เน้นการอนุรักษ์สัตว์เป็นครั้งแรกในโรงเรียนตอนเรียนม.5
โดยได้แนวความคิดจากการเยี่ยมชมองค์กร World Wildlife Fund แห่งประเทศไทย
ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ภายในชมรมได้รับการสนับสนุนและดำเนินการภายใตัการบริหารของ WWF
จบหลีกสูตรนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ร.ด.)
หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า ROTC (Reserved Officers Training Corps) ระหว่างปี 2010-2012
ถึงแม้เกรดเฉลี่ยตอนจบมัธยม 6 ของน้อง Doctor ที่ทำได้เพียง 3.36 จะไม่สูงมากและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับ
นักเรียนเก่ง ๆ ที่ได้เกรดสูงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ตั้งไว้และยิ่งถ้าต้องการขอทุน
ในมหาวิทยาลัยที่มีเกณฑ์คะแนนเฉลี่ยที่อาจจะกำหนดให้ไม่ต่ำกว่า 3.80 โอกาสที่จะได้รับทุนก็คงจะน้อยมาก
แต่โชคดีที่ได้สะสมกิจกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลายที่เชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริม
ให้มีการพิจารณาว่าเป็นผู้มีภาวะความเป็นผู้นำสูงจากการเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้น
ซึ่งส่งผลให้น้อง Doctor ได้รับทุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนยกเว้นค่าที่พักและอาหารที่ต้องจ่ายเอง
โดยขณะนี้กำลังเรียนหลักสูตร The Great Books ใน Junior Year หรือในชั้นปีที่ 3 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในประเทศสหรัฐอเมริกา...