เจ้าแม่มาซู
มาซู แต่เดิมก็เป็นคนธรรมดาชื่อ หลิน โมเนียง เกิดแถวๆเมืองปูเตีย ปัจจุบันก็อยู่มณฑลฟูเจี้ยน แถวๆช่องแคบไต้หวัน มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 900-987 (ข้อมูลบางแหล่งบอกว่าเกิดปี 960) แต่ได้กลายเป็นเทพธิดาเมื่อได้เสียชีวิตลง เพราะอานิสงฆ์แห่งคุณงามความดีที่เธอได้ช่วยเหลือชาวเรือและชาวประมงเป็นจำนวนมาก
เรื่องเล่าเกี่ยวกับมาซู คือแต่เดิมนั้นตระกูลลีมีแต่ลูกชาย ความจริงก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนจีนที่ต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาวอยู่แล้ว แต่แม่ของเธอเกิดอยากมีลูกสาวไว้เชยชมสักคนเลยไปอธิษฐานขอกับเจ้าแม่กวนอิม หลังจากนั้นก็นอนฝันไปว่าเจ้าแม่กวนอิมเอาดอกไม้มาให้กิน เธอก็เลยตั้งครรภ์ ในวันที่คลอดนั้นก็ปรากฏมีแสงสว่างจ้าไปทั่วห้อง พร้อมทั้งกลิ่นหอมของดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่ว ทารกที่เกิดมาสุขภาพแข็งแรง ปรากฏว่าเดือนแรกไม่ร้องเลยสักแอ่ะ พ่อแม่เลยตั้งชื่อให้ว่า โม แปลว่าเงียบ
เด็กหญิงโมนั้นโตเร็วมาก มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ทั้งยังมีญานวิเศษหลายอย่าง วันหนึ่งตอนอายุได้ 4 ขวบเธอได้ไปวัดกวนอิม เกิดมีแสงที่สองปรากฏแก่เธอ ทำให้มีญาณปฏิหาริย์หยั่งรู้เรื่องที่จะเกิดในอนาคตได้ ความสามารถพิเศษอันนี้ของเธอนี่เองที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้า ทำนายสภาพอากาศได้ถูกต้องแม่นยำ เป็นประโยชน์ต่อชาวเรือและชาวประมงเป็นอันมาก มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับปฎิหาริย์ของเธอจากผู้รอดชีวิตจากพายุกลางทะเล บ้างว่าเห็นเป็นนิมิตเทพธิดาชุดแดงมาช่วยเตือนให้พวกเขาหนีพายุได้ทัน บ้างก็ว่าเธอมาช่วยชีวิตของพวกเขาหลังเจอพายุโหดกลางทะเลเลยก็มี บางตำนานว่าเธอว่ายน้ำข้ามทะเลไปช่วยคนที่เรืออับปางได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเธอตายลง คือสละร่างมนุษย์แล้วก็ได้ไปจุติบนสวรรค์เป็นเจ้าแม่อมตะ ชาวบ้านก็เลยพากันสร้างวัดที่เกาะเม่ยโจว เมืองปูเตี้ยน ในมณฑลฟูเจียน ไว้บูชาเธอในนามของเจ้าแม่มาซู ผู้เป็นเทพแห่งท้องทะเล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 987 วัดแห่งนี้เลยกลายเป็นวัดแห่งบรรพบุรุษของคนแถบนั้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน
ชาวเรือทุกคนนับถือเจ้าแม่มาซู แม้แต่เจิ้งเหอ ขันทีนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ของจีน (หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามเจ้าพ่อซันปอกง) ก็ต้องมาแวะเซ่นไหว้เจ้าแม่มาซุเพื่อขอความคุ้มครองการเดินเรือออกสำรวจโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ด้วยเช่นกัน
นานวันเข้ามาซูกลายเป็นลัทธิหนึ่งของจีน อยู่ในกลุ่มพุทธและเต๋า ตามประวัติแล้วมาซูตอนเป็นมนุษย์นั้นได้ศึกษาพุทธศาสนาและลัทธิเต๋าด้วย ปัจจุบัน มีคนนับถือมาซูประมาณ 200 ล้านคน ทั้งในจีนและในหมู่คนจีนโพ้นทะเล โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนฮกเกี้ยนจะนับถือเจ้าแม่มาซูกันมาก มีวัดมาซู53 แห่งในสิงคโปร์ 47 แห่งในมาเลเซีย สถิติทางการจีนบ่งชี้ว่า น่าจะมีวัดมาซูแบบเดียวกันนี้ 5000 แห่งใน 26 ประเทศทั่วโลก
วัดมาซู บนเกาะเม่ยโจวนั้นเป็นที่ดั้งเดิม แต่ความนิยมของวัดแห่งนี้ก็ขึ้นๆลงๆตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตามแต่ว่าราชวงศ์ใดจะนับถือมากน้อยหรือทำนุบำรุงแค่ไหนด้วย จักรพรรดิของแต่ละราชวงศ์จะพากันไปสร้างรูปปั้นบ้าง อาคาร สถานที่บ้าง จารึกบ้าง ต่อๆกันเรื่อยมา ทำให้อาณาเขตของวัดขยายออกหรือหดตัวลงได้เรื่อยๆ ในตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา ปัจจุบันวัดมาซูเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เปิดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป สำหรับผู้มีศรัทธานับถือเจ้าแม่มาซูก็ไปสักการบูชาได้ ดอกไม้ธูปเทียนจุดกันได้ตามสะดวก มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้เรียบร้อย
เจ้าแม่มาซู เทพเจ้าแห่งท้องทะเล วัดเม่ยซู เกาะเม่ยโจ มณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน
มาซู แต่เดิมก็เป็นคนธรรมดาชื่อ หลิน โมเนียง เกิดแถวๆเมืองปูเตีย ปัจจุบันก็อยู่มณฑลฟูเจี้ยน แถวๆช่องแคบไต้หวัน มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 900-987 (ข้อมูลบางแหล่งบอกว่าเกิดปี 960) แต่ได้กลายเป็นเทพธิดาเมื่อได้เสียชีวิตลง เพราะอานิสงฆ์แห่งคุณงามความดีที่เธอได้ช่วยเหลือชาวเรือและชาวประมงเป็นจำนวนมาก
เรื่องเล่าเกี่ยวกับมาซู คือแต่เดิมนั้นตระกูลลีมีแต่ลูกชาย ความจริงก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนจีนที่ต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาวอยู่แล้ว แต่แม่ของเธอเกิดอยากมีลูกสาวไว้เชยชมสักคนเลยไปอธิษฐานขอกับเจ้าแม่กวนอิม หลังจากนั้นก็นอนฝันไปว่าเจ้าแม่กวนอิมเอาดอกไม้มาให้กิน เธอก็เลยตั้งครรภ์ ในวันที่คลอดนั้นก็ปรากฏมีแสงสว่างจ้าไปทั่วห้อง พร้อมทั้งกลิ่นหอมของดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่ว ทารกที่เกิดมาสุขภาพแข็งแรง ปรากฏว่าเดือนแรกไม่ร้องเลยสักแอ่ะ พ่อแม่เลยตั้งชื่อให้ว่า โม แปลว่าเงียบ
เด็กหญิงโมนั้นโตเร็วมาก มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ทั้งยังมีญานวิเศษหลายอย่าง วันหนึ่งตอนอายุได้ 4 ขวบเธอได้ไปวัดกวนอิม เกิดมีแสงที่สองปรากฏแก่เธอ ทำให้มีญาณปฏิหาริย์หยั่งรู้เรื่องที่จะเกิดในอนาคตได้ ความสามารถพิเศษอันนี้ของเธอนี่เองที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้า ทำนายสภาพอากาศได้ถูกต้องแม่นยำ เป็นประโยชน์ต่อชาวเรือและชาวประมงเป็นอันมาก มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับปฎิหาริย์ของเธอจากผู้รอดชีวิตจากพายุกลางทะเล บ้างว่าเห็นเป็นนิมิตเทพธิดาชุดแดงมาช่วยเตือนให้พวกเขาหนีพายุได้ทัน บ้างก็ว่าเธอมาช่วยชีวิตของพวกเขาหลังเจอพายุโหดกลางทะเลเลยก็มี บางตำนานว่าเธอว่ายน้ำข้ามทะเลไปช่วยคนที่เรืออับปางได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเธอตายลง คือสละร่างมนุษย์แล้วก็ได้ไปจุติบนสวรรค์เป็นเจ้าแม่อมตะ ชาวบ้านก็เลยพากันสร้างวัดที่เกาะเม่ยโจว เมืองปูเตี้ยน ในมณฑลฟูเจียน ไว้บูชาเธอในนามของเจ้าแม่มาซู ผู้เป็นเทพแห่งท้องทะเล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 987 วัดแห่งนี้เลยกลายเป็นวัดแห่งบรรพบุรุษของคนแถบนั้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน
ชาวเรือทุกคนนับถือเจ้าแม่มาซู แม้แต่เจิ้งเหอ ขันทีนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ของจีน (หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามเจ้าพ่อซันปอกง) ก็ต้องมาแวะเซ่นไหว้เจ้าแม่มาซุเพื่อขอความคุ้มครองการเดินเรือออกสำรวจโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ด้วยเช่นกัน
นานวันเข้ามาซูกลายเป็นลัทธิหนึ่งของจีน อยู่ในกลุ่มพุทธและเต๋า ตามประวัติแล้วมาซูตอนเป็นมนุษย์นั้นได้ศึกษาพุทธศาสนาและลัทธิเต๋าด้วย ปัจจุบัน มีคนนับถือมาซูประมาณ 200 ล้านคน ทั้งในจีนและในหมู่คนจีนโพ้นทะเล โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนฮกเกี้ยนจะนับถือเจ้าแม่มาซูกันมาก มีวัดมาซู53 แห่งในสิงคโปร์ 47 แห่งในมาเลเซีย สถิติทางการจีนบ่งชี้ว่า น่าจะมีวัดมาซูแบบเดียวกันนี้ 5000 แห่งใน 26 ประเทศทั่วโลก
วัดมาซู บนเกาะเม่ยโจวนั้นเป็นที่ดั้งเดิม แต่ความนิยมของวัดแห่งนี้ก็ขึ้นๆลงๆตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตามแต่ว่าราชวงศ์ใดจะนับถือมากน้อยหรือทำนุบำรุงแค่ไหนด้วย จักรพรรดิของแต่ละราชวงศ์จะพากันไปสร้างรูปปั้นบ้าง อาคาร สถานที่บ้าง จารึกบ้าง ต่อๆกันเรื่อยมา ทำให้อาณาเขตของวัดขยายออกหรือหดตัวลงได้เรื่อยๆ ในตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา ปัจจุบันวัดมาซูเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เปิดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป สำหรับผู้มีศรัทธานับถือเจ้าแม่มาซูก็ไปสักการบูชาได้ ดอกไม้ธูปเทียนจุดกันได้ตามสะดวก มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้เรียบร้อย