**ข้อเขียนนี้เป็นบทความนะครับ แต่ผมหาแท็กบทความไม่เจอ (มีไหม?)
เลยใช้แท็กเรื่องสั้น หากผิดพลาดขออภัยครับ ^^
---------------------------------------------------------------------------------
---------------
กระถินริมรั้ว
---------------
สมัยก่อน บ้านของผมอยู่ในชนบท
บ้านเรือนยังไม่ทันสมัย รั้วไม้มีมากกว่ารั้วปูน
มีต้นไม้มาก ทั้งไม้ดอกไม้ผลที่ให้เก็บกิน
เป็นเรื่องน่าสนุก เมื่อเด็ดผลไม้กินใต้ต้น
เพราะได้ความสดใหม่ที่ไม่สามารถหาได้
จากผลไม้ในตลาด
หรือเมื่อเดินเล่นริมทาง เห็นกอเข็ม
ก็ดึงเกสรมาดูดชิมน้ำหวานอย่างปลอดภัย ไร้สารเคมี
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า “โชคดี” นั้นมีรอบตัว
ในสมัยนี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ดิ้นรนหา “โชคดี”
เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข
ทั้งโอกาส ความรู้ แรงบันดาลใจ ความช่วยเหลือ ฯลฯ
แต่ดูเหมือนยิ่งไล่ล่า ยิ่งหาไม่เจอ... เหนื่อยเปล่า
ทั้งที่โชคดีมีอยู่มากมาย
เหมือนผักสวนครัว กระถินริมรั้ว
แต่เรากลับคลาดกับมันบ่อยๆ อย่างน่าเสียดาย
การที่ใครสักคนหนึ่งจะพบกับ “โชคดี” ได้
จำเป็นต้องมีหลายปัจจัยประกอบ
ทั้งขยันหมั่นเพียร ความอดทน การวางแผน การเตรียมพร้อม
แต่ยังมีพื้นฐาน ๒ อย่างที่ขาดไม่ได้
หนึ่ง สภาพแวดล้อม สังคม
สอง การเปิดใจและสนใจผู้อื่นมากกว่าการจมกับตัวเอง
บ้านที่มีต้นไม้ปลูกมากย่อมให้ผลเก็บเกี่ยวได้มาก
ส่วนบ้านที่ปล่อยให้รกเรื้อหรือเทปูนทับจนหมด
ต่อให้อยากเก็บเกี่ยวก็ไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว
คนและสังคมที่คบค้าสมาคมจะเป็นตัวชี้วัด
“โชคดี” ของเราได้อย่างหนึ่ง สมกับคำโบราณที่ว่า
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
แต่บ้านที่เพราะปลูกเยอะ
ใช่ว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลดีเสมอไป
หากขาดการดูแลเอาใจใส่
ทุกวันนี้ มีคนโลกส่วนตัวสูงเพิ่มมากขึ้น
สร้างกำแพงล่องหนหนาเตอะจนใครก็เข้าไม่ถึง
(ผมเองก็เคยทำแบบนั้น เอ๊ะ หรือยังทำอยู่นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
เคยไหมครับ เวลาพูดกับใครสักคนแล้ว
เขาเอาแต่เล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
สำหรับผมแล้ว นั่นสามารถเข้าใจได้
เขาอาจต้องทำงานด่วน, ขายของ,
คุยกับคนรัก, ค้นคว้าข้อมูล
แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าจะเอาใจใส่คนตรงหน้า
ให้มากกว่าจอสี่เหลี่ยม เพราะคำพูดที่ว่า
อินเตอร์เน็ตทำให้คนไกลเป็นใกล้ คนใกล้เป็นไกล
นั้นถูกแค่ครึ่งเดียว
สุดท้ายแล้ว หากจดจ่อกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป
มันจะทำให้เราไกลจากทุกคน
งานอดิเรกของผมคือ การถ่ายภาพ วาดรูป แต่งกลอน
แรงบันดาลใจจึงสำคัญ
เมื่อเริ่มต้นใหม่ๆ มีคำแนะนำเยอะมากในการหาแรงบันดาลใจ
ทั้งให้ลองศึกษาผลงานคนอื่น, ไปเที่ยว, ชมธรรมชาติ,
ร้องเพลง, เต้นรำ, ทำอาหาร แต่มันไม่ได้ผลหรอกครับ
ถ้าขาดการเปิดใจและสนใจ
เราจะมองเห็น “โชคดี” ผ่านการเปิดใจและสนใจสิ่งรอบตัว
ยามที่ผมอารมณ์ดี แน่นอนว่ามีช่วงที่ผมร้ายกาจ
ธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นจอมมารร้าย
คอยขย้ำเหยื่อผู้น่าสงสาร ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะอลังการ)
แต่เวลาที่ผมเป็นปกติ ผมมักได้รับ
แรงบันดาลใจและโอกาสเสมอเมื่อเปิดใจ
โชคดีเหล่านั้นมีอยู่ในร้านตัดผม
ตอนที่ผู้คนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกัน
อยู่ในโบสถ์ เมื่อเราทักทายคนที่เราสนิทสนมด้วย
รวมไปถึงคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
อยู่ในโรงพยาบาลเมื่อเราสละเวลาอันเล็กน้อย
พูดคุยกับผู้ป่วยและญาติเตียงข้างๆ
สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อเสมอคือ
โชคดีมักมากับธรรมชาติและผู้คนเท่าๆ กับโชคร้าย
ถ้าเราไม่กล้าเปิดรับอะไรเลยเพราะหวาดกลัวโชคร้าย
เราก็ไม่อาจพบโชคดี
โชคดีก็เหมือนผักสวนครัว กระถินริมรั้วนั่นแหละครับ
ถ้าไม่มีก็ต้องเพาะปลูก เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล
โชคดีจึงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากสักเท่าไหร่
กลิ้งโคลงแก้มขาว
Photo by Kazuend
กระถินริมรั้ว
เลยใช้แท็กเรื่องสั้น หากผิดพลาดขออภัยครับ ^^
---------------------------------------------------------------------------------
---------------
กระถินริมรั้ว
---------------
สมัยก่อน บ้านของผมอยู่ในชนบท
บ้านเรือนยังไม่ทันสมัย รั้วไม้มีมากกว่ารั้วปูน
มีต้นไม้มาก ทั้งไม้ดอกไม้ผลที่ให้เก็บกิน
เป็นเรื่องน่าสนุก เมื่อเด็ดผลไม้กินใต้ต้น
เพราะได้ความสดใหม่ที่ไม่สามารถหาได้
จากผลไม้ในตลาด
หรือเมื่อเดินเล่นริมทาง เห็นกอเข็ม
ก็ดึงเกสรมาดูดชิมน้ำหวานอย่างปลอดภัย ไร้สารเคมี
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า “โชคดี” นั้นมีรอบตัว
ในสมัยนี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ดิ้นรนหา “โชคดี”
เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข
ทั้งโอกาส ความรู้ แรงบันดาลใจ ความช่วยเหลือ ฯลฯ
แต่ดูเหมือนยิ่งไล่ล่า ยิ่งหาไม่เจอ... เหนื่อยเปล่า
ทั้งที่โชคดีมีอยู่มากมาย
เหมือนผักสวนครัว กระถินริมรั้ว
แต่เรากลับคลาดกับมันบ่อยๆ อย่างน่าเสียดาย
การที่ใครสักคนหนึ่งจะพบกับ “โชคดี” ได้
จำเป็นต้องมีหลายปัจจัยประกอบ
ทั้งขยันหมั่นเพียร ความอดทน การวางแผน การเตรียมพร้อม
แต่ยังมีพื้นฐาน ๒ อย่างที่ขาดไม่ได้
หนึ่ง สภาพแวดล้อม สังคม
สอง การเปิดใจและสนใจผู้อื่นมากกว่าการจมกับตัวเอง
บ้านที่มีต้นไม้ปลูกมากย่อมให้ผลเก็บเกี่ยวได้มาก
ส่วนบ้านที่ปล่อยให้รกเรื้อหรือเทปูนทับจนหมด
ต่อให้อยากเก็บเกี่ยวก็ไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว
คนและสังคมที่คบค้าสมาคมจะเป็นตัวชี้วัด
“โชคดี” ของเราได้อย่างหนึ่ง สมกับคำโบราณที่ว่า
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
แต่บ้านที่เพราะปลูกเยอะ
ใช่ว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลดีเสมอไป
หากขาดการดูแลเอาใจใส่
ทุกวันนี้ มีคนโลกส่วนตัวสูงเพิ่มมากขึ้น
สร้างกำแพงล่องหนหนาเตอะจนใครก็เข้าไม่ถึง
(ผมเองก็เคยทำแบบนั้น เอ๊ะ หรือยังทำอยู่นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
เคยไหมครับ เวลาพูดกับใครสักคนแล้ว
เขาเอาแต่เล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
สำหรับผมแล้ว นั่นสามารถเข้าใจได้
เขาอาจต้องทำงานด่วน, ขายของ,
คุยกับคนรัก, ค้นคว้าข้อมูล
แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าจะเอาใจใส่คนตรงหน้า
ให้มากกว่าจอสี่เหลี่ยม เพราะคำพูดที่ว่า
อินเตอร์เน็ตทำให้คนไกลเป็นใกล้ คนใกล้เป็นไกล
นั้นถูกแค่ครึ่งเดียว
สุดท้ายแล้ว หากจดจ่อกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป
มันจะทำให้เราไกลจากทุกคน
งานอดิเรกของผมคือ การถ่ายภาพ วาดรูป แต่งกลอน
แรงบันดาลใจจึงสำคัญ
เมื่อเริ่มต้นใหม่ๆ มีคำแนะนำเยอะมากในการหาแรงบันดาลใจ
ทั้งให้ลองศึกษาผลงานคนอื่น, ไปเที่ยว, ชมธรรมชาติ,
ร้องเพลง, เต้นรำ, ทำอาหาร แต่มันไม่ได้ผลหรอกครับ
ถ้าขาดการเปิดใจและสนใจ
เราจะมองเห็น “โชคดี” ผ่านการเปิดใจและสนใจสิ่งรอบตัว
ยามที่ผมอารมณ์ดี แน่นอนว่ามีช่วงที่ผมร้ายกาจ
ธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นจอมมารร้าย
คอยขย้ำเหยื่อผู้น่าสงสาร ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะอลังการ)
แต่เวลาที่ผมเป็นปกติ ผมมักได้รับ
แรงบันดาลใจและโอกาสเสมอเมื่อเปิดใจ
โชคดีเหล่านั้นมีอยู่ในร้านตัดผม
ตอนที่ผู้คนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกัน
อยู่ในโบสถ์ เมื่อเราทักทายคนที่เราสนิทสนมด้วย
รวมไปถึงคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
อยู่ในโรงพยาบาลเมื่อเราสละเวลาอันเล็กน้อย
พูดคุยกับผู้ป่วยและญาติเตียงข้างๆ
สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อเสมอคือ
โชคดีมักมากับธรรมชาติและผู้คนเท่าๆ กับโชคร้าย
ถ้าเราไม่กล้าเปิดรับอะไรเลยเพราะหวาดกลัวโชคร้าย
เราก็ไม่อาจพบโชคดี
โชคดีก็เหมือนผักสวนครัว กระถินริมรั้วนั่นแหละครับ
ถ้าไม่มีก็ต้องเพาะปลูก เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล
โชคดีจึงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากสักเท่าไหร่
กลิ้งโคลงแก้มขาว