คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ผมเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัวอยู่ 8 เดือน ตอนที่ลาออกมาเงินเดือน 34k
ช่วง 8 เดือนนั้น ขายได้ 2 โปรเจค (เรา no name) ได้โปรเจคละ 170k ทำงานโปรเจคละ 2 เดือน (แต่ขาย timeline ไป 3 เดือน)
ผมรับทีละงานเพื่อคุณภาพ จะเห็นว่าเงินไม่มากกว่าเป็นพนักงานบริษัทมากนัก
แต่สิ่งที่ได้มาคือ เวลา + สุขภาพจิต คือผมจะไปไหนก็ได้ เที่ยวไหนก็ได้ ทำงานกี่โมงก็ได้
ขอแค่ให้งานเป็นไปตามที่สัญญากับลูกค้าไว้ ชีวิตผมดีกว่า ยุ่น เยอะมากครับ แต่ก็มีวันที่ห้องเต็มไปด้วยขยะเช่นกัน
รวมๆแล้วมันดีมากเลยนะ .. ลองนึกดูไม่ต้องตื่นแต่เช้า ไม่ต้องแย่งขึ้นรถเมล์มาต่อรถไฟฟ้า เที่ยงก็ไม่ต้องไปส่งสายตาอาฆาตจองโต๊ะ ฯลฯ
ส่วนข้อเสียคือ ..
ถ้าไม่มีงาน ก็ ไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็จะรู้สึกชีวิตไม่ปลอดภัย แล้วก็เคว้ง
ยิ่งอยู่ตัวคนเดียวยิ่งรู้สึกว่าหายใจทิ้งไปวันๆแล้วเมื่อไหร่จะมีครอบครัวที่ดีได้
สุดท้ายเราค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบงานขาย จะไปหาคนส่งงานสายตรงให้แบบ เจ๋ ก็ไม่รู้จักใคร
จริงๆคนส่งงานก็มีพวกลูกพี่ๆเก่าๆ แต่เราก็รู้มาว่าเขากินหัวคิวกันหลายต่อ
ทำให้จ่ายราคาที่เราเรียกไม่ได้ (ซึ่งคิดราคาตามเนื้องาน) เราก็ไม่รับ 555 ... เลยเลิกรับงานฟรีแลนซ์
ชาร์จแบตตัวเอง 2 เดือน หางานอีกครึ่งเดือน ก็กลับมาเป็นพนักงานกินเงินเดือน
ถามว่าจะกลับไปเป็นฟรีแลนซ์มั๊ย ตอบเลยว่า ไปแน่ๆครับ แต่รอ connection ให้เยอะกว่านี้ก่อน
ช่วง 8 เดือนนั้น ขายได้ 2 โปรเจค (เรา no name) ได้โปรเจคละ 170k ทำงานโปรเจคละ 2 เดือน (แต่ขาย timeline ไป 3 เดือน)
ผมรับทีละงานเพื่อคุณภาพ จะเห็นว่าเงินไม่มากกว่าเป็นพนักงานบริษัทมากนัก
แต่สิ่งที่ได้มาคือ เวลา + สุขภาพจิต คือผมจะไปไหนก็ได้ เที่ยวไหนก็ได้ ทำงานกี่โมงก็ได้
ขอแค่ให้งานเป็นไปตามที่สัญญากับลูกค้าไว้ ชีวิตผมดีกว่า ยุ่น เยอะมากครับ แต่ก็มีวันที่ห้องเต็มไปด้วยขยะเช่นกัน
รวมๆแล้วมันดีมากเลยนะ .. ลองนึกดูไม่ต้องตื่นแต่เช้า ไม่ต้องแย่งขึ้นรถเมล์มาต่อรถไฟฟ้า เที่ยงก็ไม่ต้องไปส่งสายตาอาฆาตจองโต๊ะ ฯลฯ
ส่วนข้อเสียคือ ..
ถ้าไม่มีงาน ก็ ไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็จะรู้สึกชีวิตไม่ปลอดภัย แล้วก็เคว้ง
ยิ่งอยู่ตัวคนเดียวยิ่งรู้สึกว่าหายใจทิ้งไปวันๆแล้วเมื่อไหร่จะมีครอบครัวที่ดีได้
สุดท้ายเราค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบงานขาย จะไปหาคนส่งงานสายตรงให้แบบ เจ๋ ก็ไม่รู้จักใคร
จริงๆคนส่งงานก็มีพวกลูกพี่ๆเก่าๆ แต่เราก็รู้มาว่าเขากินหัวคิวกันหลายต่อ
ทำให้จ่ายราคาที่เราเรียกไม่ได้ (ซึ่งคิดราคาตามเนื้องาน) เราก็ไม่รับ 555 ... เลยเลิกรับงานฟรีแลนซ์
ชาร์จแบตตัวเอง 2 เดือน หางานอีกครึ่งเดือน ก็กลับมาเป็นพนักงานกินเงินเดือน
ถามว่าจะกลับไปเป็นฟรีแลนซ์มั๊ย ตอบเลยว่า ไปแน่ๆครับ แต่รอ connection ให้เยอะกว่านี้ก่อน
ความคิดเห็นที่ 38
คติของฟรีแลนซ์คือ งานเร่ง ด่วนควาย แก้เยอะ(ยุบยับ)
แต่เงิน(โคตร)ช้า.....หรืออาจจะถูกเบี้ยวง่ายๆ ( เพราะเป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกัน หยวนๆ)
เอเยนซี่ต้องรับเงินลูกค้ามาก่อนถึงจะจ่ายให้เราได้อีกต่อ
ไม่มีที่ไหนเอาเงินตัวเองออกก่อนหรอกน่า
แล้วเครดิตการจ่ายเงินรายหนึ่งๆก็ร่วม 30-45 วัน
จะเป็นฟรีแลนซ์จึงควรทานน้อยมื้อ ท้องจะได้ไม่หิวพร่ำเพรื่อ
ปัญหาของคนทำงานคนเดียวแบบฟรีแลนซ์ที่ต้องเจอคือ
ความโดดเดี่ยว ไร้สังคม ขาดการปะทะทางความคิด
เนื่องจากต้องอยู่กับตัวเองตลอดเวลา
จะคิด จะตัดสินใจอะไรก็ต้องพึ่งตัวเอง
รับงานหนัก รับเยอะๆไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะไม่มีงานทำ
เนื่องจากหลักประกันที่ไม่แน่นอน
(อันนี้เป็นเหตุให้สถาบันการเงินไม่ค่อยอยากปล่อยกู้)
อีกทั้งองค์ความรู้ต่างๆก็จะถดหายไปเรื่อยๆ
เพราะไม่มีโอกาสสังสรรค์กับใคร
เวลามีเครื่องมือเทคนิคใหม่ๆก็ไม่มีใครมานำเสนอด้วย (ไม่เหมือนตอนอยู่บริษัท)
ฉะนั้น ฟรีแลนซ์ควรจะมีสมาคมหรือกลุ่มชมรมของตัวเองเพื่อตั้งวงพบปะกันบ้าง
คอยช่วยเหลือ เสริมสร้างพัฒนาทักษะใหม่ๆ และแน่นอนสร้างคอนเนคชั่นไว้ด้วย
เผื่อมีงานมาจากพรรคพวกก็สามารถส่งต่อให้ตามความถนัดของแต่ละคนได้
วิธีนี้เป็นการสร้างพอร์ตลูกค้าที่ไม่ต้องพึ่งพิงบริษัทเก่า(เอเยนซี่)มากจนเกินไป
การบริหารการเงิน ฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่เป็นติสท์ ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
มัวแต่เร่งทำเงิน ปีไหนผลงานดี เงินเข้ามาเป็นกอบเป็นกำก็ยิ้มสบายใจ
หารู้ไม่ ว่าเงินมากเกินไปก็สร้างปัญหา
รายได้ของฟรีแลนซ์จะถูกจัดในหมวด 40(2) รับจ้างทำของ
หากรวมกันเกิน 1.8 ล้าน ก็จะเสร็จเรียบร้อยโรงเรียน vat
ทีนี้ล่ะจะมีงานเอกสารเข้ามาอีกพะเรอเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งนั้น
แต่เงิน(โคตร)ช้า.....หรืออาจจะถูกเบี้ยวง่ายๆ ( เพราะเป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกัน หยวนๆ)
เอเยนซี่ต้องรับเงินลูกค้ามาก่อนถึงจะจ่ายให้เราได้อีกต่อ
ไม่มีที่ไหนเอาเงินตัวเองออกก่อนหรอกน่า
แล้วเครดิตการจ่ายเงินรายหนึ่งๆก็ร่วม 30-45 วัน
จะเป็นฟรีแลนซ์จึงควรทานน้อยมื้อ ท้องจะได้ไม่หิวพร่ำเพรื่อ
ปัญหาของคนทำงานคนเดียวแบบฟรีแลนซ์ที่ต้องเจอคือ
ความโดดเดี่ยว ไร้สังคม ขาดการปะทะทางความคิด
เนื่องจากต้องอยู่กับตัวเองตลอดเวลา
จะคิด จะตัดสินใจอะไรก็ต้องพึ่งตัวเอง
รับงานหนัก รับเยอะๆไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะไม่มีงานทำ
เนื่องจากหลักประกันที่ไม่แน่นอน
(อันนี้เป็นเหตุให้สถาบันการเงินไม่ค่อยอยากปล่อยกู้)
อีกทั้งองค์ความรู้ต่างๆก็จะถดหายไปเรื่อยๆ
เพราะไม่มีโอกาสสังสรรค์กับใคร
เวลามีเครื่องมือเทคนิคใหม่ๆก็ไม่มีใครมานำเสนอด้วย (ไม่เหมือนตอนอยู่บริษัท)
ฉะนั้น ฟรีแลนซ์ควรจะมีสมาคมหรือกลุ่มชมรมของตัวเองเพื่อตั้งวงพบปะกันบ้าง
คอยช่วยเหลือ เสริมสร้างพัฒนาทักษะใหม่ๆ และแน่นอนสร้างคอนเนคชั่นไว้ด้วย
เผื่อมีงานมาจากพรรคพวกก็สามารถส่งต่อให้ตามความถนัดของแต่ละคนได้
วิธีนี้เป็นการสร้างพอร์ตลูกค้าที่ไม่ต้องพึ่งพิงบริษัทเก่า(เอเยนซี่)มากจนเกินไป
การบริหารการเงิน ฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่เป็นติสท์ ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
มัวแต่เร่งทำเงิน ปีไหนผลงานดี เงินเข้ามาเป็นกอบเป็นกำก็ยิ้มสบายใจ
หารู้ไม่ ว่าเงินมากเกินไปก็สร้างปัญหา
รายได้ของฟรีแลนซ์จะถูกจัดในหมวด 40(2) รับจ้างทำของ
หากรวมกันเกิน 1.8 ล้าน ก็จะเสร็จเรียบร้อยโรงเรียน vat
ทีนี้ล่ะจะมีงานเอกสารเข้ามาอีกพะเรอเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งนั้น
แสดงความคิดเห็น
ฟรีแลนซ์แบบใน พระเอกหนังเรื่องฟรีแลนซ์ฯ ชีวิตจริงรายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไรเหรอครับ