สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
แต่ตงฟางเลือกสอบเอ็นทรานส์ค่ะ ได้ที่ 2 ของประเทศ ค่ะ เลือกคณะแพทย์ มช. ไม่ได้เลือก จุฬา ค่ะ ทั้งๆที่คะแนนได้
แต่ไม่เคยนึกเสียใจเลยค่ะ ที่เลือก มช. เพราะได้ไปเป็นรุ่นน้อง นายกปูด้วย
ดีที่ไม่ได้ไปเรียน ที่ที่ ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง ไม่คำนึงถึงหลักการที่ถูกต้อง ไม่เคยนึกเสียใจ จริงๆ ค่ะ
ปล.สุดท้าย ถ้าทีเพื่อนๆสนใจติดตาม มากพอสมควร จะมีภาค 2 ช่วงอุดมศึกษา ต่อนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่ตามมาอ่าน เสียยาวยืด
แต่ไม่เคยนึกเสียใจเลยค่ะ ที่เลือก มช. เพราะได้ไปเป็นรุ่นน้อง นายกปูด้วย
ดีที่ไม่ได้ไปเรียน ที่ที่ ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง ไม่คำนึงถึงหลักการที่ถูกต้อง ไม่เคยนึกเสียใจ จริงๆ ค่ะ
ปล.สุดท้าย ถ้าทีเพื่อนๆสนใจติดตาม มากพอสมควร จะมีภาค 2 ช่วงอุดมศึกษา ต่อนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่ตามมาอ่าน เสียยาวยืด
ความคิดเห็นที่ 14
คุณหมอคนสวยของเราเก่งมากจริงๆ แต่ที่ชื่นชมมากๆ คือนอกจากความเก่งแล้วก็ความมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
สมกับที่เป็นหมอจริงๆ แล้วยังรักความเป็นธรรม ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอค่ะ
เข้ามาบอกว่าเรามีบางอย่างที่คล้ายกันค่ะ เช่น ต้องดิ้นรนกับเรื่องการเรียน และที่สำคัญเป็นลูกศิษย์ อ.สกนธ์เหมือนกันซะด้วย
สงสัยบุพเพฯ ชอบแนวคิดอาจารย์ที่บอกว่า
"ไม่ให้จำ ไม่ต้องสนใจทางลัด หากเราเข้าใจหลักการอย่างแท้จริง จะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง" คือเน้นที่ความเข้าใจถึงแก่น
และเราคิดว่าหากผ่านสิ่งที่ยากๆ ได้ ต่อไปเรื่องง่ายๆ ก็สบาย สรุปว่าถึงไม่ได้เรียนแล้วเก่งเหมือนคนอื่นแต่ได้พื้นฐานดีๆ มา
คิดว่านี่เป็นพื้นฐานหนึ่งที่ทำให้เราพยายามและอดทนและให้ความสำคัญกับการค้นหาความจริงเพื่อแก้ที่ต้นเหตุ
ต้องขอบคุณอาจารย์สกนธ์และอาจารย์ทุกท่านมากๆ เช่นกันค่ะ (ตอนหลังเคยแวะไป เห็นว่าปิดไปแล้ว น่าจะกลับไปเชียงใหม่)
เป็นอะไรไม่สำคัญเท่าเป็นคนดีที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน รอติดตามภาคต่อไปค่ะคุณหมอ
สมกับที่เป็นหมอจริงๆ แล้วยังรักความเป็นธรรม ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอค่ะ
เข้ามาบอกว่าเรามีบางอย่างที่คล้ายกันค่ะ เช่น ต้องดิ้นรนกับเรื่องการเรียน และที่สำคัญเป็นลูกศิษย์ อ.สกนธ์เหมือนกันซะด้วย
สงสัยบุพเพฯ ชอบแนวคิดอาจารย์ที่บอกว่า
"ไม่ให้จำ ไม่ต้องสนใจทางลัด หากเราเข้าใจหลักการอย่างแท้จริง จะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง" คือเน้นที่ความเข้าใจถึงแก่น
และเราคิดว่าหากผ่านสิ่งที่ยากๆ ได้ ต่อไปเรื่องง่ายๆ ก็สบาย สรุปว่าถึงไม่ได้เรียนแล้วเก่งเหมือนคนอื่นแต่ได้พื้นฐานดีๆ มา
คิดว่านี่เป็นพื้นฐานหนึ่งที่ทำให้เราพยายามและอดทนและให้ความสำคัญกับการค้นหาความจริงเพื่อแก้ที่ต้นเหตุ
ต้องขอบคุณอาจารย์สกนธ์และอาจารย์ทุกท่านมากๆ เช่นกันค่ะ (ตอนหลังเคยแวะไป เห็นว่าปิดไปแล้ว น่าจะกลับไปเชียงใหม่)
เป็นอะไรไม่สำคัญเท่าเป็นคนดีที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน รอติดตามภาคต่อไปค่ะคุณหมอ
ความคิดเห็นที่ 26
ขอขอบคุณทุกๆท่าน นะค่ะ ที่เข้ามาอ่าน และให้กำลังใจตงฟาง เสมอๆค่ะ
ขอเสริมต่อเรื่องสำคัญนิดหน่อยนะค่ะ เนื่องจากในกระทู้หลัก ครบ 10000 ตัวอักษรแล้ว เลยพิมพ์เพิ่มเติมไม่ได้
ขอลงรายละเอียดตอน ม.1 เทอม 2 นิดนึงค่ะ เรื่องที่ ตงฟางได้ชีตสำหรับเรียนพิเศษกับคุณครูท่านนั้น โดยไม่ได้เรียนกับท่าน
หลังจากได้เกรดเฉลี่ย 3.97 ปุ๊บ ครูท่านนั้น เรียกตงฟางเข้าไปพบ
ตอนแรกตงฟางแอบดีใจ นึกว่า คุณครูท่านนี้จะเรียกตงฟางเข้ามาชมว่าได้ที่ 1 ของ รร.เทอม 2
ผลปรากฏ กลับ ตรงกันข้าม ทำให้ตงฟางต้องน้ำตาไหล ด้วยความเสียใจ เพราะคุณครู ท่านนั้น บอกกับตงฟางว่า
นี่เธอรู้ไหม ว่าชีตเนี่ย ฉันทำให้เฉพาะ นร.ที่เรียนพิเศษกับฉันๆต้องเสียเวลาเสียเงินทำ เธอจะ cerox เอาชีตของครูไปอ่านไม่ได้
ถ้าอย่างได้ ต้องเข้ามาเรียนพิเศษกับครู จำไว้นะ อย่าทำอีก (ตงฟางโดนลิขสิทธิ์ เล่นงานมาแต่สมัยนั้น)
หลังจากนั้นมา ทำให้ตงฟางรู้สึกว่าคนที่เกิดมาไม่มีเงิน จะเข้าถึงสิทธิต่างๆ คงเป็นไปได้ยาก แบ่งชนชั้นวรรณะกันตั้งแต่เป็น นร. เลย
ดังนั้นตงฟางจึงรักนายกทักษิณ เรื่องที่ท่านเห็นคุณค่าของคนรากหญ้า เห็นทุกชีวิต มีค่าเท่าเทียมกัน
ให้โอกาสคนที่มีความรู้ความสามารถ คอยช่วยเหลือคนจน ให้พอได้ลืมตาอ้าปากได้
คนเราเกิดมาก็ตัวเปล่าเล่าเปลือย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ตอนจะกินก็ใช้ปากกิน ตอนจะถ่ายก็ขับออกอีกทาง เป็นธรรมดาๆของมนุษย์
รึว่า พวกคนดีดี เค้าไม่เหมือนกับคนอย่างพวกเรา
จุดนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ตงฟางรักและคิดถึงนายกทักษิณค่ะ ยิ่งท่านตอนนี้ โดนหนักขนาดนี้ ตงฟางเลยไม่ยอมที่จะเสียเวลา แม้แต่น้อย
ทำอะไรให้นายกทักษิณ ได้บ้างเท่าที่จะทำได้ เพราะนายกทักษิณ ให้โอกาสแก่พวกเรามามากแล้วค่ะ
ขอเสริมต่อเรื่องสำคัญนิดหน่อยนะค่ะ เนื่องจากในกระทู้หลัก ครบ 10000 ตัวอักษรแล้ว เลยพิมพ์เพิ่มเติมไม่ได้
ขอลงรายละเอียดตอน ม.1 เทอม 2 นิดนึงค่ะ เรื่องที่ ตงฟางได้ชีตสำหรับเรียนพิเศษกับคุณครูท่านนั้น โดยไม่ได้เรียนกับท่าน
หลังจากได้เกรดเฉลี่ย 3.97 ปุ๊บ ครูท่านนั้น เรียกตงฟางเข้าไปพบ
ตอนแรกตงฟางแอบดีใจ นึกว่า คุณครูท่านนี้จะเรียกตงฟางเข้ามาชมว่าได้ที่ 1 ของ รร.เทอม 2
ผลปรากฏ กลับ ตรงกันข้าม ทำให้ตงฟางต้องน้ำตาไหล ด้วยความเสียใจ เพราะคุณครู ท่านนั้น บอกกับตงฟางว่า
นี่เธอรู้ไหม ว่าชีตเนี่ย ฉันทำให้เฉพาะ นร.ที่เรียนพิเศษกับฉันๆต้องเสียเวลาเสียเงินทำ เธอจะ cerox เอาชีตของครูไปอ่านไม่ได้
ถ้าอย่างได้ ต้องเข้ามาเรียนพิเศษกับครู จำไว้นะ อย่าทำอีก (ตงฟางโดนลิขสิทธิ์ เล่นงานมาแต่สมัยนั้น)
หลังจากนั้นมา ทำให้ตงฟางรู้สึกว่าคนที่เกิดมาไม่มีเงิน จะเข้าถึงสิทธิต่างๆ คงเป็นไปได้ยาก แบ่งชนชั้นวรรณะกันตั้งแต่เป็น นร. เลย
ดังนั้นตงฟางจึงรักนายกทักษิณ เรื่องที่ท่านเห็นคุณค่าของคนรากหญ้า เห็นทุกชีวิต มีค่าเท่าเทียมกัน
ให้โอกาสคนที่มีความรู้ความสามารถ คอยช่วยเหลือคนจน ให้พอได้ลืมตาอ้าปากได้
คนเราเกิดมาก็ตัวเปล่าเล่าเปลือย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ตอนจะกินก็ใช้ปากกิน ตอนจะถ่ายก็ขับออกอีกทาง เป็นธรรมดาๆของมนุษย์
รึว่า พวกคนดีดี เค้าไม่เหมือนกับคนอย่างพวกเรา
จุดนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ตงฟางรักและคิดถึงนายกทักษิณค่ะ ยิ่งท่านตอนนี้ โดนหนักขนาดนี้ ตงฟางเลยไม่ยอมที่จะเสียเวลา แม้แต่น้อย
ทำอะไรให้นายกทักษิณ ได้บ้างเท่าที่จะทำได้ เพราะนายกทักษิณ ให้โอกาสแก่พวกเรามามากแล้วค่ะ
แสดงความคิดเห็น
บันทึกไม่ลับ(แต่แหลมเปรี๊ยะ) ของตงฟาง ภาคที่ 1 บทปฐมภูมิ วัยละอ่อน ก่อนเข้าอุดมศึกษา คริ คริ
ตงฟางขอใช้พื้นที่ ตอบกลับความในใจสักหน่อยค่ะ กระทู้แนะนำ มีสาระ ไม่มีสาระ อะไรก็แล้วแต่
การเมืองก็เครียดหนักหนาเอาการอยู่แล้ว จะเขียนวิจารณ์แรงๆอะไร ก็ปลิว วิ้ว วิ้ว ในพริบตา
ตงฟางไม่อยากให้กระทู้เครียดมากเกินไป ขอมีสักกระทู้บ้าง ที่ผ่อนคลาย ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ใครรัก ใครเห็นด้วยก็เข้ามา -- ใครไม่รัก ไม่ชอบ ก็ไม่ต้องเข้ามา ไม่มีใครบังคับใจใดๆ --- เข้ามาด้วยใจ ก็พอ ค่ะ
กระทู้สาระดี มีให้อ่าน อยู่แล้ว ทั้งพี่ไทโร พี่ทวด พี่ cnck ของตรงฟาง ขอแค่พื้นที่ให้สำหรับคนที่รักและคิดถึงนายกในดวงใจ เท่านั้น
อย่าต่อว่ากันเลยว่า ไม่มีสาระ เพราะสาระ มีอยู่ในตัว ถ้าคุณตั้งใจใช้เซลล์สมองที่มีตั้งแสนล้านเซลล์ ให้ทำงานเสียบ้าง
อย่ามาต่อว่ากันเลยว่า โง่ ไม่ฉลาด คุณเอามาตราฐานอะไรมาวัดว่า ใครฉลาดกว่าใคร ---- รึว่า ใช้มาตราฐาน คน ดี๊ดี ค่ะ
(บทนำ เกริ่น ก่อนเข้าเรื่องค่ะ )
ปกติตงฟางก็ไม่ชอบอวดตัวเองว่าฉลาดกว่าใคร หรืออวดว่าตัวเองดีกว่าใคร หรือดูถูกคนอื่นว่าด้อยค่าหรือด้อยความรู้ ไม่ใช่นิสัย ไม่ใช่สันดานค่ะ
ตอนนี้ตงฟางขอใช้พื้นที่ ในวันนี้ ขอเล่าเรื่องชีวิตตัวเองในวัยละอ่อน เป็นบทที่ 1 มี 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 วัยประถมศึกษา วัยกระเตาะกระแตะ ไม่ประสีประสา
ช่วงที่ 2 วัยมัธยมต้น วัยหัวโปรก(หัวเกรียน) ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงเปลี่ยนแปลง
ช่วงที่ 3 วัยมัธยมปลาย วัยกระแดะ คริคริ เริ่มรักสวย รักงาม เริ่มแอบชอบผู้ชายด้วยกัน
ช่วงที่ 1 วัยเตาะแตะ
ตงฟางก็เติบโตมาในครอบครัวคนธรรมดาๆ พ่อรับราชการทหาร แม่รับราชการครู พอกินพอใช้ พอส่งลูกเรียนได้
พ่อทำงานอยู่ที่กทม. แม่อยู่ตจว. พ่อจะมาหาแม่ วันศุกร์-เสาร์ แล้วเดินทางกลับในวันอาทิตย์ เพื่อทำงานในวันจันทร์
ตงฟางก็อาศัยอยู่ในบ้านตา-ยาย ซึ่งทำนาเป็นอาชีพ ตาเสียก่อน ตงฟางนอนกับยายค่ะ ยายจะหลังค่อมๆ เพราะทำนามาตลอดชีวิต
ตอนเด็กๆ ตงฟางก็เหมือนเด็กชายทั่วไป ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร แต่ก็เริ่มซึมซับความเป็นผู้หญิงบ้าง เพราะอยู่กับยายและแม่ค่ะ
ตอนเด็กๆ ตงฟางจะกลัวพ่อมากเลยค่ะ เพราะดุ เจ้าระเบียบ เป๊ะ แบบฉบับทหาร เป๊ยังไง หรอค่ะ
* รองเท้า ถอดไว้หน้าบ้าน ต้องถอดไว้คู่กัน ให้ตรง ให้เรียงกันไป ห้ามถอดทิ้งถอดขว้าง ไม่งั้น --- โดน ค่ะ
* ผ้าเช็ดตัว ถ้าตาก ก็ต้องให้ปลายเสมอปลาย ผ้าห่มเวลาพับก็ต้อง เรียบเสมอกันเป๊ะ ไม่งั้น --- โดน ค่ะ
* เวลาตากผ้าต้องสะบัด ให้ดี ห้ามยับยู่ยี่ เวลาแขวนไม้แขวน ก็ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ไม่งั้น -- โดน ค่ะ
ตงฟางเลยไม่เคยสงสัยตัวเองเลยว่า ในอนาคต ทำไมถึงไม่อยากเป็นผู้ชายแบบพ่อ แต่อยากเป็นผู้หญิงแทน นี่ก็ส่วนนึง
แต่ที่สำคัญในวัยเด็ก ตงฟางจำภาพฟังใจที่พ่อตีแม่ เนื่องจากมีเมียน้อย ตงฟางเห็นภาพยังงั้นบ่อยๆ เกือบทุกอาทิตย์ ฝังใจ ค่ะ
โบราณท่านถึงว่าไว้ ตำรวจ ลิเก เรือเมล์ ทหาร นี่ช่าง เจ้าชู้นัก ไม่ผิดเลย สักกะนิด ค่ะ
ช่วงนี้ตงฟางก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไรเลย จบ ป.6 ได้ไม่ถึง 80% เลย ตอนจบเชิญผู้ปกครองมาร่วมงาน แม่ยังบ่นว่าให้มาทำไร
ลูกไม่ได้ขึ้นไปรับรางวัลอะไรเลย ไปก็ขายหน้าเค้า (สมัยนั้น ตงฟางเรียนอนุบาลเมืองประจำจังหวัดค่ะ)
สรุปว่า วัย ประถม ก็ไม่ได้มีอะไรมาก กระเตาะกระแตะ ไปวันๆ เรียนก็ไม่เก่ง
ช่วงที่ 2 วัยหัวโปรกหัวเกรียน
(เพื่อนๆคงสงสัยช่ายมิค่ะ หัวโปรก คือ อะไร หัวโปรกใช้เรียกกระเทยเด็กที่ชอบทำตัวเป็น ญ. แต่ ผมสั้นจุ๊ดจรู๋ ลองนึกภาพเอาเอง นะค่ะ )
ต่อเลยนะค่ะ จบ ป.6 บังเอิน บังเอิญโชคดี สอบเข้า รร.ชายประจำจังหวัดได้ สมัยนั้น รร.นี้ ได้เป็นที่ 5 ของประเทศ ในการจัดลำดับ
ตงฟางได้อยู่ห้องควีนค่ะ สีชมพู เท่าที่จำได้ ก็คงดวงด้วยแหละค่ะ ก็เริ่มมีเค้า แล้วที่ได้มาอยู่ห้องควีน อิอิ
พอเข้ามาปุ๊บ ก็มีกระเทยนางนึง เดินส่ายสะโพกซ้ายที ขวาที เดินเข้ามาคุย ชวนไปกินข้าวด้วย
เหมือนมี sense ไรสักอย่าง พวกเดียวกัน มองแปรบเดียว ก็รู้ เบย
ตอน ม. 1 เทอมต้น ก็เริ่มปรับตัว คุณครูก็ไม่ได้สอนอะไรมาก เพราะเธอ เน้น ให้ไปเรียนพิเศษกับนาง ในวันเสาร์-อาทิตย์
อย่างที่บอก ตงฟางลูกหลานชาวนา ค่ะ ถึงพ่อแม่รับราชการ แต่ก็เงินน้อย แค่พอส่งเรียน แต่ไม่มีเงินให้เรียนพิเศษ
เพื่อนๆที่ไปเรียน ส่วนใหญ่มีตัง ลูกหลานคนมีเงิน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ ครูใน รร. จะรู้จักว่าพ่อแม่เด็กที่มีฐานะ เกือบทุกคน
เวลาเรียก ก็จะเรียก ลูกเอ ลูกบี แต่เรา จิกหัวเรียก นี่เธอ นี่หล่อน มานนี้ ค่ะ
พอไม่ได้เรียนพิเศษ ก็ไม่ได้รับชีตสรุบใจความสำคัญ ของวิชา ที่ครูท่านนั้นๆ เน้นเอาไว้ให้ ว่า จะออกเป็นข้อสอบ( นึกถึง ครู ลล เลยน้อ )
ดังนั้นผลสอบไล่เทอม 1 ม. 1 ตงฟางได้เกรดเฉลี่ย แค่ 3.5 ถามว่า เสียใจไหม ตอบเลยว่า ไม่ เพราะพึ่ง เริ่ม ค่ะ
พอมา ม. 1 เทอม 2 เริ่มรู้จักเพื่อนๆเยอะ เพื่อนๆที่เรียนพิเศษ บางคนที่เรียนพิเศษ แต่ได้เกรดต่ำกว่า มาเอาชีตที่เรียนมาให้อ่าน
ให้ตงฟางอธิบายให้หน่อย (ตรูก็งง อ่ะ ไมไม่ถามครูที่สอนพิเศษ มาถามฉานทามมัย) เราก็ให้เค้า ซีร็อกมาให้เราชุดนึง
เอามาให้เราอ่านก่อน แล้วเราจะสอนให้ในภายหลัง ทั้งคณิตศาสตร์ทั้งวิทยาศาสตร์ สรุปตงฟางก็ เริ่ม อ้อ อย่างนี้ นี่ เอง ข้อสอบไง
หลังจากนั้นมา ตงฟางก็เริ่ม ปรับกระบวนท่า รับมือกับข้อสอบได้เป็นอย่างดี
ผลสรุป ม. 1 เทอม 2 เกรดเฉลี่ย 3.97 โอ้วตกกระจายมากเลยค่ะ เพื่อนๆคงสงสัยช่ายมิค่ะ ว่าทามมายไม่ 4
ตงฟางได้ 3 พละ ค่ะ วิชาฟุตบอล ค่ะ ไม่ใช่กีฬาประจำชาติกระเทยค่ะ ต้อง ว้อลเล่ย์ บอล เท่านั้นค่ะ
หลังจากนั้นมา ตงฟางใน ม. ต้น ก็จะได้เกรดในแต่ละเทอม 3.9 ตลอด ทำให้ตงฟางดีดตัวเอง ออกมาจากกระเทยนางอื่นๆ
เพราะสมัยนั้น มักดูถูก ว่า สวย แต่ โง่ แต่ไม่ใช่สำหรับ ตงฟางค่ะ
ชิวิตกระเทยหัวโปรกโดยมาก มักจะโดนเพื่อนๆผู้ชายแกล้งเสมอๆ จับเตะบ้าง แก้ผ้า บ้าง แต่ไม่ใช่กับตงฟาง
เพราะพวกผู้ชายแสบๆ เหล่านี้ จะไม่กล้ากับตงฟาง เพราะต้องคอยให้เราสอนให้ บางที ก็ลอกข้อสอบเราบ่อยๆ
ตงฟางก็เริ่มเป้นที่เกรงใจ ในหมู่ผู้ชายเหล่านี้ อยากได้ไร ก็ได้ อิอิ
ต่อมา ม. 2 ชีวิตเริ่มเปลี่ยน เพราะครูสอนธรรมะ เห็นเราเกรดดี ชวนไปสอบ ทางก้าวหน้า ของวัดพระธรรมกาย
จะมีข้อสอบหลักๆ มงคลชีวิต 38 และมีเสริม หนังสือธรรมะ ของท่านพุทธทาสภิกขุ 2 เล่ม
ผลสอบ ตงฟางได้ที่ 5 ของประเทศ ค่ะ นี่คือจุดเริ่มต้นสู่ ระดับประเทศ เริ่มต้นด้วย ธรรมะ ก่อน ค่ะ
(เพราะทางก้าวหน้านี่ แหละค่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่ตงฟางหาเงินได้ด้วยตัวเอง อยากได้อะไร ก็ไปสอบแข่งขันเอารางวัล)
หลังจากจบ ม. 3 ก็แน่นอน เด็กเรียนเก่ง สมัยนั้น ต้องไป สายวิทย์ เท่านั้น ก็นำไปสู่ ช่วงที่ 3
ช่วงที่ 3 ช่วงเปลียนแปลงชีวิต เลยค่ะ
ก็ตามนั้น มาอยู่สายวิทย์ห้องที่ 1 สมัยนั้นกระเทยเด็กๆ ที่เรียนเก่งมักมีความฝัน อยากเป็น อยากทำแบบดารา
สมัยนั้น ตงฟาง ชอบ ดร.เส ค่ะ เพราะความฉลาด ทำให้มีชื่อเสียง มีคนรู้จัก เลยอยากเป็นอย่างนาง ไม่ประสีประสาการเมือง ค่ะ ตอนนั้น
( แต่ก็แอบมาเสียใจภายหลัง ตรูไม่น่าเอานางมาเป็นไอดอลเลย แต่ก็ไม่เสียของค่ะ เพราะ ทำให้เราเก่งขึ้นแกร่งขึ้น)
ช่วงนั้นเวลาเรียนกับครูที่ รร. เวลาตงฟางถามคำถามอะไร คุณครูมักให้คำตอบไม่ได้ เลยตัดสินใจขอเริ่มเรียนพิเศษ ที่ กทม.
ขอคุณพ่อเรียนวิชาเดียว เคมี สมัยนั้น 1000 บ. ต่อวิชา ค่อนข้างมากสำหรับคนไม่มีเงินมากนัก (แต่ใจอยากเรียนทุกวิชา )
สมัยนั้น เรียนที่ ราชดำเนินค่ะ เคมี อ.สำราญ แต่ที่อยากเรียนจริงๆ คือคณิตศาสตร์ กับ อ.สกล ผ่องพุทธคุณ(รู้สึกผูกพันธ์กับ รดน.แต่นั้นมา)
เรียน 9.00-12.00 ก็พักเที่ยง กินข้าว แล้วเข้ามาเรียนวิชาใหม่ ตงฟางยอมอดข้าวค่ะ นั่งต่อเลย เพื่อเรียนวิชาอื่น ทั้งเคมี ชีวะ ฟิสิ
สมัยนั้นตงฟางยอมรับเลยค่ะ ว่าลักเค้าเรียน จริงๆ ตงฟางขอขอบคุณคณาจารย์เหล่านั้นด้วยค่ะ ที่ให้ความรู้
โดยเฉพาะ คณิตศาสตร์ ตงฟางชอบเรียนกับ อ.สกล มาก เพราะอ. สอนให้ไม่จำ ให้เข้าใจหลักการที่มาของสมการ
ลงสลับไปมา เทอม 1 ลงเคมี แต่แอบเรียนคณิตศาสตร์ เทอมต่อไป ลงคณิตศาสตร์ แต่แอบเรียนเคมี ชีวะ นานๆแอบเข้าไปค่ะ
สมัยนั้น ตงฟางชอบเคมี คณิตศาสตร์ แต่เกลียด ฟิสิ เพื่อนๆคงสงสัย ว่า ชอบวิชาคำนวณ ไมไม่ชอบ ฟิสิ
สาเหตุ ค่ะ
ม.4 มีครูสอน ฟิสิ 2 ท่าน แต่ใช้ข้อสอบของรร. เหมือนกัน เพราะ ครู 2 ท่าน มาออกข้อสอบร่วมกัน จะบอกว่า ข้อสอบ ยากม้ากมาก ค่ะ
เทอม 1 ตงฟางได้คะแนนสูงสุดของ รร. ได้ 79% ตงฟางได้เกรด 3 เพราะตัดตามเกณท์ 80% ถึงจะได้ เกรด 4 กับ ครู A
ส่วนคนที่ได้ที่ 2 ได้ 75% แต่เขาไปตัดเกรดกับ ครู B สรุปคนที่ได้ที่ 2 ได้เกรด 4 ค่ะ ครูท่านน่าน ใช้อิงกลุ่ม curve ระฆังคว่ำ(ตัดเกรดแบบ มหาลัย)
ที่ 1 ได้เกรด 3 ที่ 2 ได้เกรด 4 ค่ะ ค่ะ ค่ะ ค่ะ ไม่มีความยุติธรรม เลย
นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น ที่ตงฟาง เริ่ม เกลียดความอยุติธรรม ชอบความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ค่ะ
หลังจากนั้นมา ตงฟางเกลียด ฟิสิ เข้าใส้ ไม่ให้ความสนใจใดๆ อีกต่อไปเลย (ถ้าเป็นสมัยนี้ ประท้วง ได้ แน่ๆ)
เลยตั้งใจเรียนเคมี คณิตศาสตร์ แบบเต็มที่ สมัยตงฟาง เริ่มมีการสอบคัดเลือก คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ โอลิมปิค
รุ่นตงฟางสอบทั่วประเทศ คัดเลือกที่ 1- 25 เข้ามาอบรมวิชากับ อาจารย์ ดร. ในมหาลัย
(โดยคัดคะแนน สุงสุดเรียงไป ตั้ง 1 ถึง 25) ไม่เหมือนสมัยนี้ เอาที่ 1 ในแต่ละ จ. เข้าไป เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กบ้านนอก
แต่ก็ ให้ ไม่ได้เด็กที่เก่งจริง โดยเฉพาะ อย่าง รร.เตรียมอุดม ที่ 50 ของ รร. อาจจะเก่งกว่า ที่ 1 ของบาง จ.
ตอนนั้น ตงฟาง สอบ 2 วิชา คือ เคมี และ คณิตศาสตร์ ผลสอบ
วิขาเคมี ได้ที่ 2 ของประเทศ
วิชาคณิตศาสตร์ ได้ ที่ 4 ของประเทศ
แต่ต้องเลือกเอา แค่ 1 ค่ะ ตงฟางเลือกเคมี สละ คณิตศาสตร์ ทั้งๆที่ชอบวิชา เลข มากกว่า
หลังจากนั้นมา ก็เป็นจุดเปลี่ยนของตงฟางเลยที่เดียว ครูใน รร.จะโอ๋ มาก แม้กระทั่งฝ่ายปกครองก็ไม่กล้าตี ถ้าทำผิดระเบียบ
เช่นเดินถือแก้วกินน้ำ ระหว่างย้ายคาบ ถ้าตีตงฟาง ตงฟางจะไม่ไปสอบ แข่งขัน ใดๆ ให้ รร.เลย อิอิ
พอติดโอลิมปิกส์ ก็แน่นอน สิ่งดีๆเข้ามาตรึม มีคณะแพทย์ที่เปิดใหม่ เชิญชวนให้ไปเรียนได้เลยโดยไม่ต้องสอบ