อินโทรก่อน จขกท เป็นติ่ง Final Fantasy ค่ะ รู้จักหมดทุกภาคทุกตัวละคร แต่เล่นเองจริงๆมีภาค 7 8 9 10-1 12
ส่วนภาคอื่นๆนั้นจะเป็นการรู้จักจาก Dissidia หรือจากเกมส์อื่นๆในเครือ Square Enix ซะมากกว่า
(EX. Theatrhythm Final Fantasy และอีกมากมายไม่ว่า Fan Art หรือ ตำนาน Story อื่นๆ)
ขออนุญาตทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษสลับไทยไปนะคะ
มาเข้าเรื่องค่ะ
ใครที่เป็นติ่ง Final Fantasy จะทราบว่า ทุกภาคจะค่อนข้างดราม่า เกือบทุกตัวละครจะมีปมชีวิตแตกต่างกันไป
และเกือบบบบทุกภาค ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น Sad Ending ซะส่วนใหญ่สร้างความเจ็บปวดให้กับเกมส์เมอร์ยิ่งนัก
ยกเว้นภาค IX ที่จบแบบทิ้งปมไว้ แต่เนื้อเรื่อง Happy Ending มันเลยเป็นภาคที่ ฟินสุด สำหรับจขกท เองเลยก็ว่าได้
ด้วยความที่ Square Enix เริ่มโด่งดังมากมายมหาศาลในวงการเกมส์โลกด้วยบุรุษที่มีอาการจิตตก อมทุกข์ แบกโลกไว้ทั้งใบ
และมืดมนตลอดเวลาจนหานางเอกไม่ได้ Cloud จาก FF VII (แต่พอ Aerith โดนถ่วงน้ำแล้วมี FF VII AC ก็ทำให้คาดเดา
ได้ว่า Tifa นางน่าจะมาวิน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเป็นปมให้คิดต่อไป) และเปิดตัวต่อตามมาด้วยตำนานรักอันลือลั่นที่ไม่ทำให้ผิดหวัง
ของ(พ่อ) Squall และ(แม่) Rinoa จาก FF VIII แล้วนั้น พอถึงภาคสุดท้ายที่ลง PS1 ก่อนปรับระดับ Console เป็น PS2
จขกท คิดว่า จุดพีคในการพัฒนาให้สุดยอดทั้งสตอรี่ ทั้งรายละเอียด (ที่ซุกซ่อนความใส่ใจไว้ทุกๆจุดของเกมส์)
ทั้งระบบ Ability และการจัดวางตัวละคร ณ ขณะนั้นคือ FF IX ที่มีการย้อนกลับสู่โลกแฟนตาซี
เรือเหาะ จอมเวทย์ นักดาบ นักรบ ชุดเกราะ หัวขโมย ปราสาท เจ้าหญิง รวมทั้งเรื่องราวที่อิงตำนานเทพปกรณัมนอร์สดั้งเดิมของโลก
การเล่นเกมส์ในบทบาทการหาความหมายของชีวิต และความตายทำให้ FF IX โดดเด่นและดึงดูดสำหรับเกมส์เมอร์สายแฟนตาซี
ที่เน้นเล่นสตอรี่อย่างดิฉันสุดๆ
จขกท รู้จัก FF IX ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 12-13 ปีนี่แหละค่ะ (อยู่ประมาณ ม 1) ตอนนั้นยังไม่รู้จักเกมส์ภาษา
ไม่รู้จักเครื่องคอนโซล พอดีตามน้องชายไปร้านเกมส์ PS1 เพราะน้องชายจะไปเล่น Winning แล้วก็เลยหยิบมั่วๆมาเล่น
กลับกลายเป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด เปิดโลก จขกท มากๆ จากที่เคยเล่นแต่เทอทิส ยิงแมลง เกมส์ไพ่ มาริโอ
ว่าเห้ย ทำไมเราอ่านไม่ออกเลย แล้วเกมส์พวกนี้เล่นได้ยังไง
แต่ตอนนั้น Game Over ไปตั้งแต่ Evil Forest แล้วค่ะ เพราะเติมพลังให้ Garnet ไม่เป็น 5555
หลังจากนั้นก็ลืมเลือนไป จนกลับมาอีกครั้งตอนประมาณ ม ปลาย ไปที่บ้านเพื่อนแล้วเพื่อนกำลังนั่งเล่น FF IX พอดี
ความทรงจำย้อนกลับมาว่า เฮ้ย เกมส์นี้เราเคยเล่นนี่นา เรารู้จักนะ แต่ก็ไม่ได้เล่นเองอีก แค่ดูๆผ่านๆตา จนกระทั่งมหาวิทยาลัยปี 2
(นานเน๊าะ) ก็ได้รู้จัก Simulator Console จากนั้นก็เล่นแบบย้อนยุค แล้วก็ประทับใจ Story ของ Final Fantasy ทั้งหมด
พอดีเมื่อไม่กี่วันก่อนค่ะ เรา Replay FFIX เล่นใหม่อีกรอบ (ครั้งที่เท่าไรไม่รู้) หลังจากแก่ขึ้นก็รู้สึกว่า เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่สอนแง่คิดเยอะดีนะ
เราอยากเขียนสิ่งที่เราได้จากเกมส์เกมส์นี้ อยากให้ใครหลายๆคนได้รู้สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเกมส์ ที่มันไม่ใช่แค่การเล่นเกมส์
ในกระทู้นี้จะขออิงวิเคราะห์แค่เนื้อเพลง Melodies of life แล้วกันนะคะ เพราะถ้าสปอย์เนื้อเรื่องกับตัวละคร
ขอเป็นกระทู้หน้า ไม่อย่างนั้นคงเยอะมากๆ และกำลังพยายาม Replay เพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มในส่วนย่อยเนื้อเรื่องค่ะ
ปล เนื้อเพลง ver Eng จขกท แปลเองทั้งหมด ตามความเข้าใจของตัวเอง
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้
Melodies of life (OST Final Fantasy IX)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-English-
Alone for a while I’ve been searching through the dark
ฉันกำลังหาอะไรบางอย่างในความมืดอย่างโดดเดี่ยวมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
For traces of the love you left inside my lonely heart
ค้นหาร่องรอยความรักที่เธอทิ้งจากไป ในหัวใจที่แสนอ้างว้างของฉัน
To weave by picking up the pieces that remains
หยิบขึ้นถักทอสานขึ้นใหม่จากเศษเสี้ยวที่ยังหลงเหลือ
Melodies of life, Love’s lost refrain
เป็นท่วงทำนองของชีวิต บทกวีแห่งการสูญเสีย
Our paths they did cross, though I cannot say just why
เส้นทางชีวิตเราที่มีโอกาสได้โคจรมาพบกัน, ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดได้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น
We met, we laughed, we held on fast, and then we said goodbye
เราพบเจอกัน หัวเราะด้วยกัน สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเราก็จากลา
And who’ll hear the echoes of stories never told?
แล้วใครจะเคยได้ยินเสียงสะท้อนจากเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าขาน ?
Let them ring out loud till they unfold.
ให้มันพรั่งพรูออกมาจนกว่ามันจะถูกเผยแพร่ไป
In my dearest memories, I see you reaching out to me
ในความทรงจำที่หวงแหนที่สุด, ฉันเห็นคุณเอื้อมมือมาหาฉัน
Though you’re gone, I still believe that you can call out my name
ถึงแม้ว่าคุณจะจากไปแล้ว, ฉันยังคงเชื่อว่าคุณเรียกหาฉัน
*A voice from the past, joining yours and mine
เสียงเพรียกจากอดีต เชื่อมความทรงจำของคุณกับฉัน
Adding up the layers of harmony
เพิ่มระดับของความสนิทสนมและผูกพัน
And so it goes, on and on
และมันยังคงดำเนินต่อไปอยู่อย่างนั้น
Melodies of life, to the sky beyond the flying birds – Forever and beyond
ท่วงทำนองของชีวิต, ส่งไปยังท้องฟ้าที่แสนไกลเกินกว่านกที่โผบิน – ไกลแสนไกลและตลอดไป
So far and away, see the bird as it flies by
ไกลห่างออกไป,ฉันมองเห็นนกโผบินอย่างที่มันควรเป็น
Gliding through the shadows of the clouds up to the sky
โผบินร่อนผ่านเงาเมฆขึ้นไปบนฟากฟ้า
I’ve laid my memories and dreams upon those wings
ฉันฝากความทรงจำและความฝันของฉันไปกับปีกคู่นั้น
Leave them now and see what tomorrow brings
ผละจากสิ่งเหล่านั้น และรอคอยสิ่งที่วันพรุ่งนี้จะนำมาเยือน
In your dearest memories, do you remember loving me?
ในความทรงจำที่หวงแหนที่สุดของคุณ, คุณจำได้ไหมว่าคุณเคยรักฉัน
Was it fate that brought us close and now leaves me behind?
หรือมันเป็นเพียงโชคชะตาที่นำพาเรามาใกล้ชิดและสุดท้ายก็ทิ้งฉันไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง
* (ซ้ำ)
**If I should leave this lonely world behind
ถ้าหากฉันควรจะทิ้งโลกที่แสนอ้างว้างนี้ไว้เบื้องหลัง
Your voice will still remember our melody
เสียงของคุณจะยังคงจดจำอยู่ในท่วงทำนองของเราสองคน
Now I know we'll carry on
ณ ตอนนี้ ฉันรู้ว่าชีวิตพวกเราต้องดำเนินต่อไป
Melodies of life
ท่วงทำนองหนึ่งของชีวิต
Come circle round and grow deep in our hearts As long as we remember
ที่จะหมุนวนเป็นวงจรและฝังลึกในหัวใจของเรา ตราบนานเท่าที่เราจะจดจำ
-Japanese-
宛てもなく彷徨っていた (ate monaku samayotte ita)
手がかりもなく探しつづけた (tegakari monakusagashi tsuzuketa)
あなたがくれた思い出を (anatagakurata omidewo)
心を癒す詩にして (kokorowo iyasu utani shite)
ต่อให้ไร้จุดหมายฉันจะยังคงวนเวียนต่อไป
ต่อให้ไร้เบาะแสฉันจะยังคงค้นหาต่อไป
โดยที่มีความทรงจำที่เธอให้ไว้เป็นเพลงที่คอยเยียวยาหัวใจฉัน
約束もすることもなく (yakusokumo surukotomonaku)
交わす言葉も決めたりもせず (kawasukotobamo kimetarimosezu)
抱きしめそして確かめた (dakishimesoshite tashikameta)
日々はニ度と帰らぬ (hibiwa nidoto kaeranu)
แม้คืนวันที่เราโอบกอดและรับรู้กันและกันโดยไม่ต้องมีคำพูดหรือคำสัญญาใดๆจะไม่มีวันหวนกลับมาเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว
記憶の中の手を振るあなたは (kiokunonagano tewofuruanatawa)
わたしの名を呼ぶことが出来るの (watashino nawoyobukotogade kiruno)
เธอซึ่งโบกมืออยู่ในความทรงจำของฉันนั้นยังคงเรียกชื่อฉันอยู่เสมอ
あふれるその涙を (afureru zononamidao)
輝く勇気にかえて(kagayakuyuu kinikaete)
いのちはつづく 夜を越え (inoshiwa tsuzuku yoruwokoe)
疑うことのない明日へとつづく (utaukotononai ashitaetotsuzuku)
น้ำตาที่ไหลรินนี้จะเปลี่ยนเป็นประกายแห่งความกล้าหาญ
และนำพาชีวิตฉันให้ก้าวผ่านค่ำคืนไปสู่วันใหม่ต่อไป
飛ぶ鳥の向こうの空へ (tobutorino mukounosorae)
いくつの記憶預けただろう (ikutsuno kioku atsuketadarou)
儚い希望も夢も (hakanai kibawomoyumemo)
届かぬ場所に忘れて (todokame bashoni watsurete)
เหล่าฝูงนกที่บินไปอีกฟากฟ้าจะช่วยนำพาความทรงจำนี้ไปได้สักเท่าไหร่กันหนอ
ความหวังและความฝันอันเลือนลางคงถูกลืมไว้ในที่ที่ไม่อาจเอื้อมไปถึง
めぐり逢うのは偶然と言えるの (meguri aunowa guusen to ieruno)
別れる時が必ず来るのに (wakarerutokiga kanarazukurunoni)
การกลับมาพบกันอีกครั้งนับเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ
ทั้งๆที่รู้ว่าเวลาแห่งการลาจากนั้นจะต้องมาถึง
消えゆく運命でも (kie yuku unmei demo)
君が生きている限り (kimi ga ikite iru kagiri)
いのちはつづく 永遠に (inochi wa tsuzuku eien ni)
その力の限りどこまでも (Sono chikaranokagiri dokomademo)
ตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตนี้จะยังคงอยู่ต่อไป
หากยังมีแรงเหลืออยู่ (ชีวิตนี้จะยังคงอยู่ต่อไป) ชั่วนิรันดร์
แม้ว่าฉันจะมีชะตาที่ต้องสลายหายไป ตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะยังมีชีวิตอยู่ (ในใจเธอ) ตลอดไป
わたしが死のうとも(watashi ga shinoutomo)
君が生きている限り (kimi ga ikite iru kagiri)
いのちはつづく 永遠に (inochi wa tsuzuku eien ni)
その力の限りどこまでもつづく (sono chikaranokagiri doko mademo tsusuku)
แม้ว่าฉันจะตายไปแล้ว หากเธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะยังมีชีวิตอยู่ (ในใจเธอ) ตลอดไป
Credit : คุณ Endbringer : Comment 36-4
คำถามที่เราสงสัยคือ เนื้อเพลงที่กล่าวถึงมันเป็นความรักของใครกัน ของการ์เน็ต ของเฟรย่า ของการจากไปของวีวี่?
หรือเป็นนัยยะที่แอบซ่อนเล็กๆของทีมผู้ทำเกมส์ที่กล่าวถึงผู้ที่เดินจากไปจากชีวิตของเรากันนะ?
If I should leave this lonely world behind. Your voice will still remember our melody.
Come circle round and grow deep in our hearts As long as we remember.
โดยเฉพาะ ในส่วนประโยคที่ว่า Leave them now and see what tomorrow brings.
ถือเป็นทัศนะคติที่ดีมากๆในการใช้ชีวิตเพื่อที่ให้เราอยู่กับปัจจุบันและทำมันให้ดีที่สุดที่บางครั้งถูกลืมเลือนไป
ถึงแม้ว่าเด็กรุ่นใหม่ๆจะคิดว่า ภาพไม่เห็นสวยเลย โหย พิกเซลแตกเชียวกราฟฟิค แต่คุณรู้ไหม
เกมส์เมื่อ 15 ปีก่อน มันมีดีกว่าที่คุณเห็นพิกเซลแตกๆนั่นเยอะเลยค่ะ 55555
คุณจะพบว่าทั้ง 8 ตัวละคร ที่เราต้องเล่น (Role Play) เมื่อรวมกันแล้วสิ่งที่เกมส์สอนคือตัวคุณ(ที่เป็นคนเล่น)
โดยไม่ว่าจะเป็นในเชิงความรักมุ้งมิ้งของ Zidane กับ Garnet ที่เป็นอิสระต่อกันแม้กระทั่งในฉากสุดท้ายก็ตาม
การที่ Garnet ตามหาตัวตนในแบบของตัวเองจากสิ่งที่ถูกบังคับให้เป็นมาเนิ่นนาน
การตามหาความหมายในการเกิดมาหรือพยายามหาค่าในตัวเองของ Vivi
การตามหาคนรักที่หมดรัก(ความจำเสื่อม) ของ Freya
การพยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามแนวทาง(ประหลาดๆ)ของตัวเอง ในแบบของ Quena
การตามหาครอบครัวและความรักฉันมิตรภาพที่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไปของ Eiko
การตามหาความหมายของชีวิตในเชิงของหน้าที่การงานของ Strainer
การไม่ยึดติดในอนาคตที่จะเป็นไปของ Zidane ที่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างที่ควรเป็น
และสุดท้าย การตามหาความหมายของการให้อภัยของ Amarant or Salamander
เมื่อ Final Fantasy 9th ได้จบลง
ความเป็นจริงของชีวิตก็ได้กลับมาเปิดโลกอีกมุมมองหนึ่ง
กลับมาสู่การหาความหมายของชีวิตเพื่อที่จะก้าวพ้นอุปสรรคของตัวคุณเองได้แล้วค่ะ
ปล2 จขกท เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะเล่น FF IX นี่แหละค่ะ บอกเลย
ปล3 จขกท คลั่งเมโลดี้เก่าๆของ Final Fantasy สุดๆ จนเป็น FC ของ Distant Worlds Concert (ตามข่าวทุกเมือง ทุกรอบ)
แต่มิมีกำลังทรัพย์เพียงพอ กับ FC Dog Ear Records ของคุณ Nobuo Uematsu และไป Artnia Cafe ด้วยแรงรักล้วนๆ
Final Fantasy IX กับการหาความหมายของชีวิต (สาวก FF ภาคอื่นมาอ่านได้นะคะ)
ส่วนภาคอื่นๆนั้นจะเป็นการรู้จักจาก Dissidia หรือจากเกมส์อื่นๆในเครือ Square Enix ซะมากกว่า
(EX. Theatrhythm Final Fantasy และอีกมากมายไม่ว่า Fan Art หรือ ตำนาน Story อื่นๆ)
ขออนุญาตทับศัพท์เป็นภาษาอังกฤษสลับไทยไปนะคะ
มาเข้าเรื่องค่ะ
ใครที่เป็นติ่ง Final Fantasy จะทราบว่า ทุกภาคจะค่อนข้างดราม่า เกือบทุกตัวละครจะมีปมชีวิตแตกต่างกันไป
และเกือบบบบทุกภาค ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น Sad Ending ซะส่วนใหญ่สร้างความเจ็บปวดให้กับเกมส์เมอร์ยิ่งนัก
ยกเว้นภาค IX ที่จบแบบทิ้งปมไว้ แต่เนื้อเรื่อง Happy Ending มันเลยเป็นภาคที่ ฟินสุด สำหรับจขกท เองเลยก็ว่าได้
ด้วยความที่ Square Enix เริ่มโด่งดังมากมายมหาศาลในวงการเกมส์โลกด้วยบุรุษที่มีอาการจิตตก อมทุกข์ แบกโลกไว้ทั้งใบ
และมืดมนตลอดเวลาจนหานางเอกไม่ได้ Cloud จาก FF VII (แต่พอ Aerith โดนถ่วงน้ำแล้วมี FF VII AC ก็ทำให้คาดเดา
ได้ว่า Tifa นางน่าจะมาวิน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเป็นปมให้คิดต่อไป) และเปิดตัวต่อตามมาด้วยตำนานรักอันลือลั่นที่ไม่ทำให้ผิดหวัง
ของ(พ่อ) Squall และ(แม่) Rinoa จาก FF VIII แล้วนั้น พอถึงภาคสุดท้ายที่ลง PS1 ก่อนปรับระดับ Console เป็น PS2
จขกท คิดว่า จุดพีคในการพัฒนาให้สุดยอดทั้งสตอรี่ ทั้งรายละเอียด (ที่ซุกซ่อนความใส่ใจไว้ทุกๆจุดของเกมส์)
ทั้งระบบ Ability และการจัดวางตัวละคร ณ ขณะนั้นคือ FF IX ที่มีการย้อนกลับสู่โลกแฟนตาซี
เรือเหาะ จอมเวทย์ นักดาบ นักรบ ชุดเกราะ หัวขโมย ปราสาท เจ้าหญิง รวมทั้งเรื่องราวที่อิงตำนานเทพปกรณัมนอร์สดั้งเดิมของโลก
การเล่นเกมส์ในบทบาทการหาความหมายของชีวิต และความตายทำให้ FF IX โดดเด่นและดึงดูดสำหรับเกมส์เมอร์สายแฟนตาซี
ที่เน้นเล่นสตอรี่อย่างดิฉันสุดๆ
จขกท รู้จัก FF IX ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 12-13 ปีนี่แหละค่ะ (อยู่ประมาณ ม 1) ตอนนั้นยังไม่รู้จักเกมส์ภาษา
ไม่รู้จักเครื่องคอนโซล พอดีตามน้องชายไปร้านเกมส์ PS1 เพราะน้องชายจะไปเล่น Winning แล้วก็เลยหยิบมั่วๆมาเล่น
กลับกลายเป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด เปิดโลก จขกท มากๆ จากที่เคยเล่นแต่เทอทิส ยิงแมลง เกมส์ไพ่ มาริโอ
ว่าเห้ย ทำไมเราอ่านไม่ออกเลย แล้วเกมส์พวกนี้เล่นได้ยังไง
แต่ตอนนั้น Game Over ไปตั้งแต่ Evil Forest แล้วค่ะ เพราะเติมพลังให้ Garnet ไม่เป็น 5555
หลังจากนั้นก็ลืมเลือนไป จนกลับมาอีกครั้งตอนประมาณ ม ปลาย ไปที่บ้านเพื่อนแล้วเพื่อนกำลังนั่งเล่น FF IX พอดี
ความทรงจำย้อนกลับมาว่า เฮ้ย เกมส์นี้เราเคยเล่นนี่นา เรารู้จักนะ แต่ก็ไม่ได้เล่นเองอีก แค่ดูๆผ่านๆตา จนกระทั่งมหาวิทยาลัยปี 2
(นานเน๊าะ) ก็ได้รู้จัก Simulator Console จากนั้นก็เล่นแบบย้อนยุค แล้วก็ประทับใจ Story ของ Final Fantasy ทั้งหมด
พอดีเมื่อไม่กี่วันก่อนค่ะ เรา Replay FFIX เล่นใหม่อีกรอบ (ครั้งที่เท่าไรไม่รู้) หลังจากแก่ขึ้นก็รู้สึกว่า เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่สอนแง่คิดเยอะดีนะ
เราอยากเขียนสิ่งที่เราได้จากเกมส์เกมส์นี้ อยากให้ใครหลายๆคนได้รู้สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเกมส์ ที่มันไม่ใช่แค่การเล่นเกมส์
ในกระทู้นี้จะขออิงวิเคราะห์แค่เนื้อเพลง Melodies of life แล้วกันนะคะ เพราะถ้าสปอย์เนื้อเรื่องกับตัวละคร
ขอเป็นกระทู้หน้า ไม่อย่างนั้นคงเยอะมากๆ และกำลังพยายาม Replay เพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มในส่วนย่อยเนื้อเรื่องค่ะ
ปล เนื้อเพลง ver Eng จขกท แปลเองทั้งหมด ตามความเข้าใจของตัวเอง
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้
Melodies of life (OST Final Fantasy IX)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถามที่เราสงสัยคือ เนื้อเพลงที่กล่าวถึงมันเป็นความรักของใครกัน ของการ์เน็ต ของเฟรย่า ของการจากไปของวีวี่?
หรือเป็นนัยยะที่แอบซ่อนเล็กๆของทีมผู้ทำเกมส์ที่กล่าวถึงผู้ที่เดินจากไปจากชีวิตของเรากันนะ?
If I should leave this lonely world behind. Your voice will still remember our melody.
Come circle round and grow deep in our hearts As long as we remember.
โดยเฉพาะ ในส่วนประโยคที่ว่า Leave them now and see what tomorrow brings.
ถือเป็นทัศนะคติที่ดีมากๆในการใช้ชีวิตเพื่อที่ให้เราอยู่กับปัจจุบันและทำมันให้ดีที่สุดที่บางครั้งถูกลืมเลือนไป
ถึงแม้ว่าเด็กรุ่นใหม่ๆจะคิดว่า ภาพไม่เห็นสวยเลย โหย พิกเซลแตกเชียวกราฟฟิค แต่คุณรู้ไหม
เกมส์เมื่อ 15 ปีก่อน มันมีดีกว่าที่คุณเห็นพิกเซลแตกๆนั่นเยอะเลยค่ะ 55555
คุณจะพบว่าทั้ง 8 ตัวละคร ที่เราต้องเล่น (Role Play) เมื่อรวมกันแล้วสิ่งที่เกมส์สอนคือตัวคุณ(ที่เป็นคนเล่น)
โดยไม่ว่าจะเป็นในเชิงความรักมุ้งมิ้งของ Zidane กับ Garnet ที่เป็นอิสระต่อกันแม้กระทั่งในฉากสุดท้ายก็ตาม
การที่ Garnet ตามหาตัวตนในแบบของตัวเองจากสิ่งที่ถูกบังคับให้เป็นมาเนิ่นนาน
การตามหาความหมายในการเกิดมาหรือพยายามหาค่าในตัวเองของ Vivi
การตามหาคนรักที่หมดรัก(ความจำเสื่อม) ของ Freya
การพยายามใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามแนวทาง(ประหลาดๆ)ของตัวเอง ในแบบของ Quena
การตามหาครอบครัวและความรักฉันมิตรภาพที่ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไปของ Eiko
การตามหาความหมายของชีวิตในเชิงของหน้าที่การงานของ Strainer
การไม่ยึดติดในอนาคตที่จะเป็นไปของ Zidane ที่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างที่ควรเป็น
และสุดท้าย การตามหาความหมายของการให้อภัยของ Amarant or Salamander
เมื่อ Final Fantasy 9th ได้จบลง
ความเป็นจริงของชีวิตก็ได้กลับมาเปิดโลกอีกมุมมองหนึ่ง
กลับมาสู่การหาความหมายของชีวิตเพื่อที่จะก้าวพ้นอุปสรรคของตัวคุณเองได้แล้วค่ะ
ปล2 จขกท เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะเล่น FF IX นี่แหละค่ะ บอกเลย
ปล3 จขกท คลั่งเมโลดี้เก่าๆของ Final Fantasy สุดๆ จนเป็น FC ของ Distant Worlds Concert (ตามข่าวทุกเมือง ทุกรอบ)
แต่มิมีกำลังทรัพย์เพียงพอ กับ FC Dog Ear Records ของคุณ Nobuo Uematsu และไป Artnia Cafe ด้วยแรงรักล้วนๆ