(Cr. ดัดแปลงภาพจาก www.rwsentosa.com)
สวัสดีค่ะ วันนี้เมมาเขียนรีวิวเที่ยวสิงคโปร์ฉบับสวนสนุกธีมปาร์ค นั่นคืออออออ “Universal Studio Singapore” ที่ไปมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 (ซึ่งเป็นช่วงที่สิงคโปร์จัดงานวัดเกิด 50 ปี) เผื่อใครจะไป จะลองวางแผนแบบเมดูก็ได้นะคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้ เมเจาะจงเพื่อไปเล่นสวนสนุกจริงจังเลยอ่ะค่ะ ส่วนที่เที่ยวอื่นๆ ไปแค่เดินเล่น กินขนม จิบชา รอขึ้นเครื่องกลับค่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
ทริปนี้เมบินไปด้วยเครื่องหางแดงๆที่มีณเดชณ์เป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากเวลาไปและกลับลงตัวมากๆ ราคาก็สมเหตุสมผล ค่าเครื่องไป-กลับ 4,300 บาท (อาจจะไม่ถูกมาก เพราะจอง Hot seat ไปค่ะ อยากนั่งสบายๆหน่อย แต่ไปประหยัดตรงที่ไม่โหลดกระเป๋าเลย ไปคืนเดียว แบกเป้ใบเดียวเลยค่ะ)
(Pic 1 Hot seat ของแอร์เอเชีย ช่องว่างระหว่างขาไม่กว้างมาก แต่สบายกว่าที่นั่งปกติ)
เมเลือกเวลาออกเดินทางจากประเทศไทยช่วง 6 โมงเช้า (เที่ยวแรกเลยค่ะ) เพื่อจะไปถึงสิงคโปร์ช่วง 9 โมงเช้า พอไปถึงก็ตรงดิ่งขึ้นรถไฟไปสวนสนุกทันทีเลยค่ะ หิ้วเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยเลย เครื่องแอร์เอเชียจะจอดส่งเราที่ Terminal 1 แต่รถไฟเข้าเมืองจะอยู่ที่ Terminal 2 ดังนั้น พอเราลงเครื่องเสร็จ ต้องนั่งรถไฟของสนามบินไป Terminal 2 ด้วยนะคะ (ถ้าใครมีกระเป๋า ต้องไปรับกระเป๋าก่อนนะคะ) แล้วผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ Terminal 2 ได้เลยค่ะ
(Pic 2 ลง Terminal 1 เดินตามลูกศรไปขึ้นรถไฟไป Terminal 2)
พอมาถึง Terminal2 ก็เดินตามป้าย Train to City ไปขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ
(Pic 3 อยู่ที่ Terminal 2 ก็เดินตามลูกศรไปหารถไฟเข้าเมือง)
ระหว่างทางจะมีบูธขายตั๋วเข้าสวนสนุก ถ้าใครไม่อยากไปต่อแถว ก็แวะซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ แต่เมซื้อมาจากประเทศไทยแล้ว เพราะไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีเดียวในสิงคโปร์เพื่อเล่นสวนสนุก แหะๆ ราคาตั๋วที่เมซื้อมา 1,650 บาท ตั๋วจะมาพร้อมกับบัตรส่วนลดค่าอาหารในสวนสนุก 5 SGD ซึ่งราคานี้ซื้อน้ำได้หนึ่งแก้ว และยังมีส่วนลดร้านของที่ระลึก (ต้องซื้อครบ 35 SGD ถึงจะได้รับส่วนลด 5 SGD)
(Pic 4 ตั๋วทั้ง 3 ส่วน สำหรับ เข้าสวนสนุก ลดค่าของที่ระลึก และ ลดค่าอาหาร)
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ ก็เดินไปซื้อตั๋ว กดลงสถานี HarbourFront จากสนามบินไปสวนสนุกต้องเปลี่ยนขบวนด้วยนะคะ ตามแผนที่เลยค่ะ
(Pic 5 แผนที่สถานีต่างๆ)
(Pic 6 เปลี่ยนขบวนที่สถานีนี้)
(Pic 7 เปลี่ยนไปสถานี HabourFront)
เมื่อถึง HabourFront (เป็นศูนย์การค้า) ให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 เพื่อซื้อตั๋วรถเข้าเกาะ Sentosa (สวนสนุกอยู่บนเกาะหรรษานี้) ถ้ามีแรงและไม่รีบจะเดินเข้าไปก็ได้ หรือ นั่งรถบัสก้ได้เช่นกันค่ะ (เสียค่าเข้าเหมือนกันแต่ถูกกว่า แต่ถ้าเดินเข้าเกาะเฉพาะช่วงฉลองวันเกิด 50 ปี ฟรี ค่ะ)
(Pic 8 ตั๋วรถเข้าเกาะ Sentosa)
(Pic 9 ลงสถานี Waterfront)
ในที่สุดก็มาถึงสวนสนุกสักที ขอบอกว่าอากาศร้อนมากกกกกกกกกกกกกก (รู้สึกไม่ค่อยสนุกตรงอากาศที่แหละค่ะ) ครั้งนึงตอนที่เมไปเล่นที่ Universal Studio Japan ก็หนาวมากกกกกกกกกกกกก (ชีวิตไม่เคยสมบูรณ์แบบ ฮือๆ แต่เย็นแล้วอารมณ์ดีนะคะ ร้อนแล้วอึดอัดมาก) มีเพียงแค่บริเวณทางเข้าสวนสนุกที่เค้าเปิดพัดลมยักษ์ ติดหลังคาสะท้อนแดด จนรู้สึกว่าอากาศโอเค แต่พอพ้นบริเวณนั้นไป ก็ร้อนเหมือนเดิมค่ะ แต่เอาเถอะ เริ่มเล่นเครื่องเล่น Indoor ก่อนแล้วกัน พอเย็นๆค่อยเล่นเครื่องเล่น Outdoor (เมไม่เน้นดูโชว์กลางแจ้งนะคะ เพราะร้อนมาก และเคยดูที่ญี่ปุ่นมาแล้ว)
(Pic 10 บรรยากาศบริเวณทางเดิน)
(Pic 11 บรรยากาศบริเวณทางเดินร้อนๆ)
(Pic 12 เจอมินเนี่ยนหน้าร้านขายของที่ระลึก)
เครื่องแรกที่เริ่มเล่นคือ มาดากัสก้า เป็นเครื่องเล่นที่น่ารัก เหมาะกับพาลูกเด็กๆนั่งเรือดูเรื่องราวบนเกาะมาดากัสการ์ นั่งเล่น พักเหนื่อย ตากแอร์เย็นๆ
(Pic 13 มาดากัสก้า ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จากนั้นเดินมาเจอปราสาท Shrek เป็นการผจญภัยแบบ 4 มิติไปกับ Shrek และผองเพื่อน ภายในเย็นสบายมากค่ะ เหมาะกับคนที่เล่นมาจนเหนื่อยแล้วมานั่งพักดูการ์ตูนเพลินๆ แอร์เย็นๆ ถ้าเล่นเครื่องอื่นมาเหนื่อยมากๆ ก็อาจจะเผลอหลับไปค่ะ (ไม่ได้น่าเบื่อนะคะ แต่ห้องมืดๆ แอร์เย็นๆบรรยากาศมันไปอ่ะค่ะ แหะๆ)
(Pic 14 ปราสาท Shrek ช่างงดงาม)
(Pic 15 ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จบจาก Shrek ก็มาถึงเครื่องเล่นที่เมรอคอยที่สุด นั่นคือออออ “Transformers the ride” นั่นเองค่ะ เครื่องเล่นนี้อยู่ในโซน Sci-Fi City คนรอค่อนข้างยาวกว่าเครื่องเล่นอื่นๆที่ผ่านมา แต่ก็ไหวค่ะ (เคยรอนานสุดเพื่อเล่น Spiderman ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว 4ชั่วโมงครึ่ง) อันนี้ประมาณ 45 นาที ไม่หวั่นหรอกค่ะ เครื่องเล่นนี้เป็นการจำลองเหตุการณ์ว่าเราอยู่ท่ามกลางการต่อสู้กับพวก Decepticons เราเป็นกลุ่มนึงที่ต้องช่วยรักษาดาวโลกของเราให้ปลอดภัย ความตื่นเต้นคือ เรานั่งยานลอดมุโมงค์ ลงใต้ดิน ทะยานขึ้นฟ้า ไปกับฉาก 3 มิติ (คือมันมากๆๆๆๆๆ แต่ไม่น่ากลัวจนเกินไป ไม่มีตีลังกาค่ะ) เมให้เป็น A MUST เลยนะคะ เครื่องเล่นประเภทนี้คือจุดเด่นของ Universal Studio เลยนะคะ
(Pic 16 Transformers the ride ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จบจาก Transformer ด้วยความที่ยังอารมณ์มันค้างอยู่มากๆ อยากสนุกแบบนี้ต่อ เลยเดินไปที่ มัมมี่ เลยค่า อยู่โซน Ancient Egypt ไปตื่นเต้นกับการล้างแค้นของมัมมี่ (ตอนแรกคิดว่าจะเหมือนกับ Transformer แต่เล่นเสร็จแล้ว........ อุบไว้ก่อน) จะเล่นมัมมี่ต้องฝากของในตู้ Locker ข้างๆนะคะ ถ้าไม่เกิน 20 – 45 นาที (จำเวลาแน่นอนไม่ได้) ไม่ต้องเสียค่าฝาก ต้องฝากของแบบนี้..... ไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่ก็ลุยค่ะ คนรอแถวยาวกว่า Transformer รอไปประมาณ 1 ชั่วโมง พอแถวใกล้ๆถึงเห็นป้ายเตือนว่า “เครื่องเล่นนี้เป็น high speed roller coaster ที่มีการการวิ่งกลับหลัง ดิ่งลง.....” โอเค ยืนรอมาตั้งนาน ป้ายจะเตือนอะไร ก็ไม่สนแล้ว พอได้ขึ้นเท่านั้นแหละ บอกตรงๆนะคะ มองไม่เห็นมัมมี่สักตัว เพราะ หลับตาตั้งแต่เห็นรางรถไฟอ่ะค่ะ นั่งหลับตาไปแปปเดียวเท่านั้น ลงมา มึนหัวเลย (อันนี้ไม่ตรงคอนเซปของเมค่ะ เพราะ ตื่นเต้น แต่ไม่แฟนตาซี หลับตาตลอดอ่ะจิ)
(Pic 17 ทางเดินมุ่งหน้าสู่การแก้แค้นของมัมมี่)
(Pic 18 ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จากนั้นก็จะเดินไป The Lost World เพื่อเล่น Jurassic Park Rapids Adventure อันนี้ต้องฝากของเช่นกันค่ะ เพราะ เดี๋ยวอาจจะเปียกได้ เป็นเครื่องเล่นแบบ outdoor ให้อารมณ์เหมือนพวกล่องแก่ง แต่เรือที่นั่งเป็นทรงกลม จำลองเหตุการณ์ว่าเรากำลังจะกลายเป็นอาหารของไดโนเสาร์ แล้วเรานั่งเรือหนี เอาตัวรอดจาการเป็นอาหารของมันค่ะ
(Pic 19 ด้านหน้า Jurassic Park)
(Pic 20 Jurassic Park ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จากนั้นเดินมาถึงไฮไลท์ของสวนสนุกที่เมไม่ได้เล่น นั่นคือ รถไฟเหาะสายฟ้าและแดง (ไม่เล่นเพราะผิดคอนเซปเม เพราะ ตื่นเต้นแต่ไม่แฟนตาซี จริงๆแล้วกลัวอ่ะค่า) ทั้งสองสายให้ความตื่นเต้นคนละแบบ สายฟ้านั่งห้อยขา สายแดงไม่ห้อย (น่ากลัวพอๆกันอ่าค่า)
(Pic 21 รถไฟเหาะสายน้ำเงินและแดง Battlestar Galactica)
นอกจากนี้วันที่เมไป มีเครื่องเล่นเพิ่งเปิดได้ไม่นาน นั่นคือ Puss in Boots’ Giant Journey เป็นประเภท Roller Coaster สำหรับเด็กๆและครอบครัวค่ะ นั่งบนกระเช้า แล่นไปเรื่อยๆ เป็นเครื่องเล่น Outdoor เล่นตอนเที่ยงอาจจะร้อนแดดหน่อย แนะนำว่าเล่นเย็นๆ แดดร่มแล้วจะสบายกว่าค่ะ
(Pic 22 Puss in Boots)
จริงๆยังมีเครื่องเล่นอื่นๆอีกมากนะคะ แต่เมไม่ได้เลือกเล่นทั้งหมด บางอันก็เหมาะกับครอบครัวที่พาเด็กๆมา เช่น
(Pic 22 คล้ายๆรถปั้ม แต่ดูล้ำกว่า ข้อมูลและรูปภาพจาก www.rwsentosa.com)
สรุปการมาเที่ยวสวนสนุก Universal Studio
1. เครื่องเล่น Outdoor เล่นตอนแดดร่มๆหน่อยค่ะ
2. ถ้าอยากดูโชว์ ต้องดูเวลาโชว์ให้ดี รีบไปจองที่นั่งดีดี
3. ถ้าไม่อยากเสียเวลารอคิวเครื่องเล่นให้ upgrade เป็นบัตร Express (ราคาไม่ได้ถูก เหมาะมากกับคนมาเล่นวันหยุด ถ้าวันธรรมดามีเวลาเล่นทั้งวันก็ไม่ค่อยจำเป็น)
4. Universal Studio Singapore ปิดเร็วกว่าสาขาอื่นๆในโลก 1ทุ่มก็ปิดแล้ว ไม่มีพลุ ไม่มีโชว์ตอนปิดสวนสนุกเหมือนที่ญี่ปุ่น
5. ถ้าต้องการแค่เข้าไปถ่ายรูป ไม่เล่นเครื่องเล่นเลย ก็ต้องจ่ายราคาเดียวกับคนเล่นอยู่ดี
จบจากเครื่องเล่นในสวนสนุกแล้ว เดี๋ยวพาไปหาของกินต่อนะคะ
[CR] เ ที่ ย ว ส ว น ส นุ ก U n i v e r s a l S t u d i o SG
(Cr. ดัดแปลงภาพจาก www.rwsentosa.com)
สวัสดีค่ะ วันนี้เมมาเขียนรีวิวเที่ยวสิงคโปร์ฉบับสวนสนุกธีมปาร์ค นั่นคืออออออ “Universal Studio Singapore” ที่ไปมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 (ซึ่งเป็นช่วงที่สิงคโปร์จัดงานวัดเกิด 50 ปี) เผื่อใครจะไป จะลองวางแผนแบบเมดูก็ได้นะคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้ เมเจาะจงเพื่อไปเล่นสวนสนุกจริงจังเลยอ่ะค่ะ ส่วนที่เที่ยวอื่นๆ ไปแค่เดินเล่น กินขนม จิบชา รอขึ้นเครื่องกลับค่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
ทริปนี้เมบินไปด้วยเครื่องหางแดงๆที่มีณเดชณ์เป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากเวลาไปและกลับลงตัวมากๆ ราคาก็สมเหตุสมผล ค่าเครื่องไป-กลับ 4,300 บาท (อาจจะไม่ถูกมาก เพราะจอง Hot seat ไปค่ะ อยากนั่งสบายๆหน่อย แต่ไปประหยัดตรงที่ไม่โหลดกระเป๋าเลย ไปคืนเดียว แบกเป้ใบเดียวเลยค่ะ)
(Pic 1 Hot seat ของแอร์เอเชีย ช่องว่างระหว่างขาไม่กว้างมาก แต่สบายกว่าที่นั่งปกติ)
เมเลือกเวลาออกเดินทางจากประเทศไทยช่วง 6 โมงเช้า (เที่ยวแรกเลยค่ะ) เพื่อจะไปถึงสิงคโปร์ช่วง 9 โมงเช้า พอไปถึงก็ตรงดิ่งขึ้นรถไฟไปสวนสนุกทันทีเลยค่ะ หิ้วเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยเลย เครื่องแอร์เอเชียจะจอดส่งเราที่ Terminal 1 แต่รถไฟเข้าเมืองจะอยู่ที่ Terminal 2 ดังนั้น พอเราลงเครื่องเสร็จ ต้องนั่งรถไฟของสนามบินไป Terminal 2 ด้วยนะคะ (ถ้าใครมีกระเป๋า ต้องไปรับกระเป๋าก่อนนะคะ) แล้วผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ Terminal 2 ได้เลยค่ะ
(Pic 2 ลง Terminal 1 เดินตามลูกศรไปขึ้นรถไฟไป Terminal 2)
พอมาถึง Terminal2 ก็เดินตามป้าย Train to City ไปขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ
(Pic 3 อยู่ที่ Terminal 2 ก็เดินตามลูกศรไปหารถไฟเข้าเมือง)
ระหว่างทางจะมีบูธขายตั๋วเข้าสวนสนุก ถ้าใครไม่อยากไปต่อแถว ก็แวะซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ แต่เมซื้อมาจากประเทศไทยแล้ว เพราะไม่อยากเสียเวลาสักวินาทีเดียวในสิงคโปร์เพื่อเล่นสวนสนุก แหะๆ ราคาตั๋วที่เมซื้อมา 1,650 บาท ตั๋วจะมาพร้อมกับบัตรส่วนลดค่าอาหารในสวนสนุก 5 SGD ซึ่งราคานี้ซื้อน้ำได้หนึ่งแก้ว และยังมีส่วนลดร้านของที่ระลึก (ต้องซื้อครบ 35 SGD ถึงจะได้รับส่วนลด 5 SGD)
(Pic 4 ตั๋วทั้ง 3 ส่วน สำหรับ เข้าสวนสนุก ลดค่าของที่ระลึก และ ลดค่าอาหาร)
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ ก็เดินไปซื้อตั๋ว กดลงสถานี HarbourFront จากสนามบินไปสวนสนุกต้องเปลี่ยนขบวนด้วยนะคะ ตามแผนที่เลยค่ะ
(Pic 5 แผนที่สถานีต่างๆ)
(Pic 6 เปลี่ยนขบวนที่สถานีนี้)
(Pic 7 เปลี่ยนไปสถานี HabourFront)
เมื่อถึง HabourFront (เป็นศูนย์การค้า) ให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 เพื่อซื้อตั๋วรถเข้าเกาะ Sentosa (สวนสนุกอยู่บนเกาะหรรษานี้) ถ้ามีแรงและไม่รีบจะเดินเข้าไปก็ได้ หรือ นั่งรถบัสก้ได้เช่นกันค่ะ (เสียค่าเข้าเหมือนกันแต่ถูกกว่า แต่ถ้าเดินเข้าเกาะเฉพาะช่วงฉลองวันเกิด 50 ปี ฟรี ค่ะ)
(Pic 8 ตั๋วรถเข้าเกาะ Sentosa)
(Pic 9 ลงสถานี Waterfront)
ในที่สุดก็มาถึงสวนสนุกสักที ขอบอกว่าอากาศร้อนมากกกกกกกกกกกกกก (รู้สึกไม่ค่อยสนุกตรงอากาศที่แหละค่ะ) ครั้งนึงตอนที่เมไปเล่นที่ Universal Studio Japan ก็หนาวมากกกกกกกกกกกกก (ชีวิตไม่เคยสมบูรณ์แบบ ฮือๆ แต่เย็นแล้วอารมณ์ดีนะคะ ร้อนแล้วอึดอัดมาก) มีเพียงแค่บริเวณทางเข้าสวนสนุกที่เค้าเปิดพัดลมยักษ์ ติดหลังคาสะท้อนแดด จนรู้สึกว่าอากาศโอเค แต่พอพ้นบริเวณนั้นไป ก็ร้อนเหมือนเดิมค่ะ แต่เอาเถอะ เริ่มเล่นเครื่องเล่น Indoor ก่อนแล้วกัน พอเย็นๆค่อยเล่นเครื่องเล่น Outdoor (เมไม่เน้นดูโชว์กลางแจ้งนะคะ เพราะร้อนมาก และเคยดูที่ญี่ปุ่นมาแล้ว)
(Pic 10 บรรยากาศบริเวณทางเดิน)
(Pic 11 บรรยากาศบริเวณทางเดินร้อนๆ)
(Pic 12 เจอมินเนี่ยนหน้าร้านขายของที่ระลึก)
เครื่องแรกที่เริ่มเล่นคือ มาดากัสก้า เป็นเครื่องเล่นที่น่ารัก เหมาะกับพาลูกเด็กๆนั่งเรือดูเรื่องราวบนเกาะมาดากัสการ์ นั่งเล่น พักเหนื่อย ตากแอร์เย็นๆ
(Pic 13 มาดากัสก้า ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จากนั้นเดินมาเจอปราสาท Shrek เป็นการผจญภัยแบบ 4 มิติไปกับ Shrek และผองเพื่อน ภายในเย็นสบายมากค่ะ เหมาะกับคนที่เล่นมาจนเหนื่อยแล้วมานั่งพักดูการ์ตูนเพลินๆ แอร์เย็นๆ ถ้าเล่นเครื่องอื่นมาเหนื่อยมากๆ ก็อาจจะเผลอหลับไปค่ะ (ไม่ได้น่าเบื่อนะคะ แต่ห้องมืดๆ แอร์เย็นๆบรรยากาศมันไปอ่ะค่ะ แหะๆ)
(Pic 14 ปราสาท Shrek ช่างงดงาม)
(Pic 15 ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จบจาก Shrek ก็มาถึงเครื่องเล่นที่เมรอคอยที่สุด นั่นคือออออ “Transformers the ride” นั่นเองค่ะ เครื่องเล่นนี้อยู่ในโซน Sci-Fi City คนรอค่อนข้างยาวกว่าเครื่องเล่นอื่นๆที่ผ่านมา แต่ก็ไหวค่ะ (เคยรอนานสุดเพื่อเล่น Spiderman ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว 4ชั่วโมงครึ่ง) อันนี้ประมาณ 45 นาที ไม่หวั่นหรอกค่ะ เครื่องเล่นนี้เป็นการจำลองเหตุการณ์ว่าเราอยู่ท่ามกลางการต่อสู้กับพวก Decepticons เราเป็นกลุ่มนึงที่ต้องช่วยรักษาดาวโลกของเราให้ปลอดภัย ความตื่นเต้นคือ เรานั่งยานลอดมุโมงค์ ลงใต้ดิน ทะยานขึ้นฟ้า ไปกับฉาก 3 มิติ (คือมันมากๆๆๆๆๆ แต่ไม่น่ากลัวจนเกินไป ไม่มีตีลังกาค่ะ) เมให้เป็น A MUST เลยนะคะ เครื่องเล่นประเภทนี้คือจุดเด่นของ Universal Studio เลยนะคะ
(Pic 16 Transformers the ride ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จบจาก Transformer ด้วยความที่ยังอารมณ์มันค้างอยู่มากๆ อยากสนุกแบบนี้ต่อ เลยเดินไปที่ มัมมี่ เลยค่า อยู่โซน Ancient Egypt ไปตื่นเต้นกับการล้างแค้นของมัมมี่ (ตอนแรกคิดว่าจะเหมือนกับ Transformer แต่เล่นเสร็จแล้ว........ อุบไว้ก่อน) จะเล่นมัมมี่ต้องฝากของในตู้ Locker ข้างๆนะคะ ถ้าไม่เกิน 20 – 45 นาที (จำเวลาแน่นอนไม่ได้) ไม่ต้องเสียค่าฝาก ต้องฝากของแบบนี้..... ไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่ก็ลุยค่ะ คนรอแถวยาวกว่า Transformer รอไปประมาณ 1 ชั่วโมง พอแถวใกล้ๆถึงเห็นป้ายเตือนว่า “เครื่องเล่นนี้เป็น high speed roller coaster ที่มีการการวิ่งกลับหลัง ดิ่งลง.....” โอเค ยืนรอมาตั้งนาน ป้ายจะเตือนอะไร ก็ไม่สนแล้ว พอได้ขึ้นเท่านั้นแหละ บอกตรงๆนะคะ มองไม่เห็นมัมมี่สักตัว เพราะ หลับตาตั้งแต่เห็นรางรถไฟอ่ะค่ะ นั่งหลับตาไปแปปเดียวเท่านั้น ลงมา มึนหัวเลย (อันนี้ไม่ตรงคอนเซปของเมค่ะ เพราะ ตื่นเต้น แต่ไม่แฟนตาซี หลับตาตลอดอ่ะจิ)
(Pic 17 ทางเดินมุ่งหน้าสู่การแก้แค้นของมัมมี่)
(Pic 18 ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จากนั้นก็จะเดินไป The Lost World เพื่อเล่น Jurassic Park Rapids Adventure อันนี้ต้องฝากของเช่นกันค่ะ เพราะ เดี๋ยวอาจจะเปียกได้ เป็นเครื่องเล่นแบบ outdoor ให้อารมณ์เหมือนพวกล่องแก่ง แต่เรือที่นั่งเป็นทรงกลม จำลองเหตุการณ์ว่าเรากำลังจะกลายเป็นอาหารของไดโนเสาร์ แล้วเรานั่งเรือหนี เอาตัวรอดจาการเป็นอาหารของมันค่ะ
(Pic 19 ด้านหน้า Jurassic Park)
(Pic 20 Jurassic Park ข้อมูลและรูปภาพมากจาก www.rwsentosa.com)
จากนั้นเดินมาถึงไฮไลท์ของสวนสนุกที่เมไม่ได้เล่น นั่นคือ รถไฟเหาะสายฟ้าและแดง (ไม่เล่นเพราะผิดคอนเซปเม เพราะ ตื่นเต้นแต่ไม่แฟนตาซี จริงๆแล้วกลัวอ่ะค่า) ทั้งสองสายให้ความตื่นเต้นคนละแบบ สายฟ้านั่งห้อยขา สายแดงไม่ห้อย (น่ากลัวพอๆกันอ่าค่า)
(Pic 21 รถไฟเหาะสายน้ำเงินและแดง Battlestar Galactica)
นอกจากนี้วันที่เมไป มีเครื่องเล่นเพิ่งเปิดได้ไม่นาน นั่นคือ Puss in Boots’ Giant Journey เป็นประเภท Roller Coaster สำหรับเด็กๆและครอบครัวค่ะ นั่งบนกระเช้า แล่นไปเรื่อยๆ เป็นเครื่องเล่น Outdoor เล่นตอนเที่ยงอาจจะร้อนแดดหน่อย แนะนำว่าเล่นเย็นๆ แดดร่มแล้วจะสบายกว่าค่ะ
(Pic 22 Puss in Boots)
จริงๆยังมีเครื่องเล่นอื่นๆอีกมากนะคะ แต่เมไม่ได้เลือกเล่นทั้งหมด บางอันก็เหมาะกับครอบครัวที่พาเด็กๆมา เช่น
(Pic 22 คล้ายๆรถปั้ม แต่ดูล้ำกว่า ข้อมูลและรูปภาพจาก www.rwsentosa.com)
สรุปการมาเที่ยวสวนสนุก Universal Studio
1. เครื่องเล่น Outdoor เล่นตอนแดดร่มๆหน่อยค่ะ
2. ถ้าอยากดูโชว์ ต้องดูเวลาโชว์ให้ดี รีบไปจองที่นั่งดีดี
3. ถ้าไม่อยากเสียเวลารอคิวเครื่องเล่นให้ upgrade เป็นบัตร Express (ราคาไม่ได้ถูก เหมาะมากกับคนมาเล่นวันหยุด ถ้าวันธรรมดามีเวลาเล่นทั้งวันก็ไม่ค่อยจำเป็น)
4. Universal Studio Singapore ปิดเร็วกว่าสาขาอื่นๆในโลก 1ทุ่มก็ปิดแล้ว ไม่มีพลุ ไม่มีโชว์ตอนปิดสวนสนุกเหมือนที่ญี่ปุ่น
5. ถ้าต้องการแค่เข้าไปถ่ายรูป ไม่เล่นเครื่องเล่นเลย ก็ต้องจ่ายราคาเดียวกับคนเล่นอยู่ดี
จบจากเครื่องเล่นในสวนสนุกแล้ว เดี๋ยวพาไปหาของกินต่อนะคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น