รีวิวนี้อาจจะเขียนในแบบเสียงคุยกับตัวเองในหัวแบบอัศนัยนิดนึงนะครับ บอกไว้ก่อนนะ 55
ฟรีแลนซ์ > > > ฉันทำงาน.. ฉันรักงาน.. ฉันรักหมอ
.
[9/10]
.
กำกับโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
(36 / Marry is Happyๆ / The Master)
#คิดว่าไม่สปอยแต่ก็อาจจะสปอยนะ
#เตือนไว้ก่อน
.
.
เหย นี่มันไม่ใช่อัตราส่วนเต๋อ:GTH แบบ 60:40 / 70:30 ที่คาดไว้ละว่ะครับ
นี่มัน 80:20 หรือมากกว่านั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้...
GTH "กล้า"ปล่อยให้แนวทางเฉพาะอย่างเต๋อนวพลมาเป็นหลักไปเลยขนาดนี้
ก่อนอื่นขอชมเลยที่กล้าปล่อยแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นสากลที่ชัดเจนครับในเรื่องตลก เพราะตลกมากทั้งโรงจริงๆ
แต่แน่นอน ในความแตกต่าง ย่อมเป็นจุดท้าทายสำคัญสำหรับผู้ชม
คือจะมีจุดนึงที่ชอบก็ชอบไปเลย หรือไม่ก็เฉยหรือไม่ชอบไปเลย ถ้าเลือกมาทางนี้แล้ว
แต่เราชอบว่ะ แม้มันจะผิดคาดที่ได้เห็นหนังดำดิ่งในทิศทางนี้ มันมาลึกและไกลกว่าที่คิดไว้มาก
เหย แต่มันดีว่ะ มันคือลูปการเกิด.ตาย.วนเวียน ของวงจรฟรีแลนซ์ วงจรชีวิตคนทำงาน
วงจรชีวิตเล็กๆของคนนึงที่มีสิ่งสำคัญในชีวิตอยู่ไม่กี่อย่าง
กับงานก็เหมือนกัน มันทั้งสำคัญมากๆ มันคือชีวิต แต่อยู่ดีๆก็ไม่มีความหมายเลย แล้วมันก็สำคัญอีก
เห้ย ชีวิตมันเท่านี้จริงๆเหรอวะ มันจึ้กจริงๆ
ส่วนมุข มันใช่ มันโดน มันเข้ากะเรื่องมาก อันนี้เชื่อว่าแทบทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันฮา
มุขหน้าตาย ฮาเดธ แต่ฮาครืนได้แบบจริงจังโดยพร้อมเพรียงทั้งโรง เสียงในหัวของอัศนัยนี่แม่มใช่จริงๆ 5555
นี่คืออีกหนึ่งจุดพีค จุดขายของเรื่อง ได้ทุกมุขจริงๆ มุขทำได้สนุกมากแบบเห็นพ้องต้องกัน
ความกวนตีนอยู่รอบตัวเรา มีอยู่แทบทุกตัวละครในเรื่อง
ส่วนมุขชนะเลิศขอยกให้มุข 'ก็กุใช้แม็ค' 55555
ด้านฮาเอาจริงๆมันมีโมเม้นเงิบๆที่ชอบอยู่อีกนะ หลายดอกเลย
อย่างหมอโต้งนี่มายังไง มุขเนตคาเฟ่นี่ได้มากๆครับ 555+ ฉากแชทนี่ดีจริงๆ นี่ก็ความสุขของยุคสมัยนี้อีกนั่นล่ะ โมเม้นนั่งยิ้มให้จอมือถือ
อีกมุขเล็กๆที่ชอบมากก็คือ มอไซวิน พี่สุชาติ ยืนเท่ ใส่หมวกเดินตามเป็น Daft Punk เลย
เออเตรียมพร้อมกับงานจริงๆถึงกับมีพี่วินประจำตัว เชื่อแล้วครับว่างานด่วนและยุ่งมาก พอได้ทีละโผล่มาขยี้ใหญ่เลย 555
ช่วงเวลาเจอหมอแต่ละทีนี่ทำดีจริง มันเขินเมื่อครั้งแรกเจอ มันยิ้ม ในทุกครั้งที่เจอหมออิม เรารู้สึกจริงๆว่านี่คือสิ่งสำคัญ
ช่วงเวลาสำคัญของไอ้ยุ่น กับความสัมพันธ์แบบเจอกันเดือนละครั้ง
ค่อยๆรู้จัก ค่อยๆสนิท รักแบบไม่ชัดเจนแต่ก็รู้สึกได้ว่ารัก โรแมนติกไปอีกแบบดี
และคงไม่มีใครจะเหมาะเท่าซันนี่อีกแล้ว
บทแบบรักเขิน รักเก็บเงียบ รักอายๆเนี่ย ต้องซันนี่จริงๆ
ด้านการแสดง นับว่านี่เป็นบทที่ดีที่สุดอีกบทของซันนี่ได้เลยนะ
เล่นได้ทุกอณูจริงๆ ตีแตกกระจายได้ภายในสีหน้านิ่งๆ และเสียงในหัว ไม่ธรรมดาเจง ซันนี่
หมออิม ได้ใหม่ ดาวิกามาเล่น ต้องบอกว่าสวยในแบบหมอมากๆ หน้าจืดแบบดูยังไงก็น่ารัก
คือเล่นให้คนรู้สึกเชื่อได้ว่าเธอคือคนที่ทำให้คนอย่างไอ้ยุ่นยอมเปลี่ยนตัวเอง ดูแลตัวเองเพื่อหมอได้
แค่นี้ก็โรแมนติกแล้ว ความรักที่บันดาลใจให้รู้จักรักตัวเอง เล็กจ้อยแต่สวยงาม
ตัวละครอีกคนที่ต้องพูดถึงเลยคือเจ๋ วีเล่นดีจริงครับ
เกิดเต็มๆ ถึงมาก ธรรมชาติมาก ฉากเถียงกะอัศนัยทุกฉากคือบทพิสูจน์ว่าเล่นดีและมีของ เป็นความผูกพันของเพื่อนร่วมงานหนึ่งเดียวที่ดีจริง
ในขณะเดียวกันมันก็กระแทกจึ้กมาตรงกลางใจสำหรับยุคสมัยนี้ ยิ่งถ้าคนทำฟรีแลนซ์เจอหนังของตัวเองเข้าไปต้องมีจึ้กกันไปหลายจึ้กล่ะ
มันเป็นหนังที่เล่ายุคสมัยที่คนทำอะไรคนเดียวได้ฮามาก แต่ฮาได้ไม่นานก็วนกลับมาจึ้กมากในเวลาต่อมา
มันเป็นอยู่อย่างนี้ หนังพาเรามาถึงจุดๆหนึ่งที่เห็นได้ว่า มนุษย์ยุคนี้แม่มมีความสุขด้วยตัวคนเดียวแล้วใช่มะวะ?
บอกตรงๆว่ามันช่างโหวง เหงาและเศร้าเลย คนที่ทำงานจนไม่มีเวลา จนไม่มีเพื่อน
เพื่อนที่มีก็มีแค่เพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่งานศพ เพื่อนที่เซเว่น สุดท้ายคือมีตัวเองเป็นเพื่อน
หมดแล้วจริงๆ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนในชีวิตมีเท่านี้
ความสุขทุกอย่างแทบจะเป็นแบบ DIY ทำเอง หาเอาในเนต ทำเองคนเดียว เที่ยวก็เที่ยวคนเดียว
เห้อโคตรเหงาเลย มันสนุกมากกับมุขแต่พอถึงจุดนึงก็มานั่งเอนหลังติดเบาะทำตาลอยๆครุ่นคิดถึงชีวิตที่แม่มสำคัญแค่การทำงานให้ทัน
ทำงานให้ถึงจุดที่ตัวเองตั้งไว้ โดยที่ต่อมาก็ไม่ได้มีความสำคัญห่าอะไรเลย เห้ยโคตรถึงครับ โมเม้นนี้
มันมาจริงๆ แล้วยิ่งเอามาก้าวผ่านช่วงวันสำคัญอย่างปีใหม่ในแบบฟรีแลนซ์นี่มันยิ่งเหงานะ
เป็นมนุษย์ที่แทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับโลกใดๆเลย เหงาอ่ะ
คิดว่าเฮียเต๋อเป็นคนทำหนังที่เข้าใจยุคสมัยมากๆ จริงๆก็ตั้งแต่ในแมรี่แล้ว
สามารถสะท้อนออกมาบนหนังได้แบบตลกมากแต่ก็เรียลมาก เพราะมันจริงมาก
เขาสามารถตลกพร้อมกับเสียดสีและสะท้อนหลายๆอย่างของยุคสมัยได้ในเวลาเดียวกัน ร้ายครับร้าย
กับฟรีแลนซ์นี่อย่าไปคิดครับว่าหนังจะให้คติ คำคมสอนใจชวนฝัน ประโยคชวนจำ
หรือทางออก การเรียนรู้ที่เติบโตไปอีกขั้นแบบมีนัยสำคัญแบบหนังเรื่องอื่น
ไม่มีวันซะหรอก ตัวละครอย่างยุ่นน่ะเหรอ ฟรีแลนซ์ที่ไม่มีวันหยุด คิดว่าหลายๆสิ่งคือเสียเวลางาน
มีเพื่อนพนักงานเซเว่นอย่างไอ่ไก่เป็นที่ปรึกษา การกระทำก็ออกมาได้เท่านี้ล่ะ
อยากพยายามปลอบใจ.. อยากพยายามเคลียร์ความรู้สึก.. เคลียร์ปมคาใจ..
ก็ได้แต่พูดได้เท่านี้ แต่ต่อให้จะดูพยายาม ดูไปไม่เป็นยังไงนะ
ก็คนมันตั้งใจทำเพื่อคนอื่นอ่ะ มันดูน่ารัก ดูแล้วยิ้มได้ทั้งนั้นล่ะ
สำหรับคนทำงานที่เพิ่งจะรู้จักที่จะรักร่างกายตัวเองเอาเมื่อวัย30อย่างไอ้ยุ่น
สำหรับวิธีจบ 10 นาทีท้ายเรื่องนี้ความเห็นหลากหลายและกว้างมาก ส่วนตัวชอบนะ
รู้สึกสิ่งที่ทำมันเข้ากับความเป็นไอ้ยุ่นดี สำหรับคนที่เพิ่งผ่านจุดที่พังที่สุดในชีวิตมา
ฉากพระอาทิตย์ถือเป็นโมเม้นสั้นๆที่งดงามชอบมาก คือช่วงเวลาที่สวยงาม ชวนทบทวนสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต
ฟรีแลนซ์ ถือเป็นมิติ มุมมองที่แตกต่างอย่างจริงจังของ GTH อีกเรื่องในรอบหลายปี
ใครอยากดูอยากแนะนำเลยว่า ลืมไปให้หมดกับความคาดหวังในอารมณ์อมยิ้มฟรุ้งฟริ้ง ฟีลกู้ดเป็นหลักแบบ GTH หลายๆเรื่องยุคหลัง
นี่เป็นหนังที่สนุกมากที่ได้เห็นชีวิตของคน จุดเล็กๆจุดหนึ่งที่พยายามดิ้นรน ต่อสู้กับสิ่งที่ตัวเองคิดว่า
สำคัญนักหนาในวงจรลูบเดิมๆ
เป็นความหมกมุ่นที่ออกมาได้ฮามากและสะเทือนใจได้พร้อมกัน เรื่องนี้พอถึงจุดที่รู้สึกว่า
เขาเป็นจุดที่เล็กจ้อยและไม่สำคัญบนโลกนี้แค่ไหนแล้วมันยิ่งอินครับ
ไอ่ยุ่นคือตัวแทนของมนุษย์ทำงานจนแทบจะไม่มีตัวตนบนโลกนี้ที่เพิ่งรู้จักกับความรัก
มันทั้งโรแมนติก ทั้งเหงา ทั้งจึ้ก ในเวลาพร้อมๆกัน
นี่กุอินไปปะวะ... น่ะ เริ่มคุยกะตัวเองละ... เออ... ก็คงอินละว่ะ...
ปล. เห็นหลายคนบอกว่ามันเบิร์ดแมน ถามว่ามันเบิร์ดแมนไหม ก็เบิร์ดแมนพอสมควรนะ เสียงกลองนี่ลอยมาเลย คล้ายไปหน่อย
แต่ก็โอเคถือเป็นอินสไปร์ไป ไม่เอามาซีเรียส เพราะเสียงเป่าๆแบบแมรี่ยังตามมาหลอนอยู่เลย 55
ก็ผสมปนเปกันไป พอคิดว่ามันก็เข้าดีกับธีมหมกมุ่น คุยกะตัวเอง แต่ก็มีการเล่าเรื่องยุ่น เล่ามุมมองของตัวเองต่อยอดไปอีกมาก
ปล.2 ฉากเจอหมออิม ม่านในห้องตรวจมันเข้ากับม่านในสกาลาได้เป๊ะเลยครับ
สวยดี มันได้อ่ะ ดูประสานดี สวยแบบเป็นการร่วมงานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
[CR] [เครื่องกรองหนัง] ฟรีแลนซ์ > > > ฉันทำงาน.. ฉันรักงาน.. ฉันรักหมอ
.
[9/10]
.
กำกับโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
(36 / Marry is Happyๆ / The Master)
#คิดว่าไม่สปอยแต่ก็อาจจะสปอยนะ
#เตือนไว้ก่อน
.
.
เหย นี่มันไม่ใช่อัตราส่วนเต๋อ:GTH แบบ 60:40 / 70:30 ที่คาดไว้ละว่ะครับ
นี่มัน 80:20 หรือมากกว่านั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้...
GTH "กล้า"ปล่อยให้แนวทางเฉพาะอย่างเต๋อนวพลมาเป็นหลักไปเลยขนาดนี้
ก่อนอื่นขอชมเลยที่กล้าปล่อยแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นสากลที่ชัดเจนครับในเรื่องตลก เพราะตลกมากทั้งโรงจริงๆ
แต่แน่นอน ในความแตกต่าง ย่อมเป็นจุดท้าทายสำคัญสำหรับผู้ชม
คือจะมีจุดนึงที่ชอบก็ชอบไปเลย หรือไม่ก็เฉยหรือไม่ชอบไปเลย ถ้าเลือกมาทางนี้แล้ว
แต่เราชอบว่ะ แม้มันจะผิดคาดที่ได้เห็นหนังดำดิ่งในทิศทางนี้ มันมาลึกและไกลกว่าที่คิดไว้มาก
เหย แต่มันดีว่ะ มันคือลูปการเกิด.ตาย.วนเวียน ของวงจรฟรีแลนซ์ วงจรชีวิตคนทำงาน
วงจรชีวิตเล็กๆของคนนึงที่มีสิ่งสำคัญในชีวิตอยู่ไม่กี่อย่าง
กับงานก็เหมือนกัน มันทั้งสำคัญมากๆ มันคือชีวิต แต่อยู่ดีๆก็ไม่มีความหมายเลย แล้วมันก็สำคัญอีก
เห้ย ชีวิตมันเท่านี้จริงๆเหรอวะ มันจึ้กจริงๆ
ส่วนมุข มันใช่ มันโดน มันเข้ากะเรื่องมาก อันนี้เชื่อว่าแทบทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันฮา
มุขหน้าตาย ฮาเดธ แต่ฮาครืนได้แบบจริงจังโดยพร้อมเพรียงทั้งโรง เสียงในหัวของอัศนัยนี่แม่มใช่จริงๆ 5555
นี่คืออีกหนึ่งจุดพีค จุดขายของเรื่อง ได้ทุกมุขจริงๆ มุขทำได้สนุกมากแบบเห็นพ้องต้องกัน
ความกวนตีนอยู่รอบตัวเรา มีอยู่แทบทุกตัวละครในเรื่อง
ส่วนมุขชนะเลิศขอยกให้มุข 'ก็กุใช้แม็ค' 55555
ด้านฮาเอาจริงๆมันมีโมเม้นเงิบๆที่ชอบอยู่อีกนะ หลายดอกเลย
อย่างหมอโต้งนี่มายังไง มุขเนตคาเฟ่นี่ได้มากๆครับ 555+ ฉากแชทนี่ดีจริงๆ นี่ก็ความสุขของยุคสมัยนี้อีกนั่นล่ะ โมเม้นนั่งยิ้มให้จอมือถือ
อีกมุขเล็กๆที่ชอบมากก็คือ มอไซวิน พี่สุชาติ ยืนเท่ ใส่หมวกเดินตามเป็น Daft Punk เลย
เออเตรียมพร้อมกับงานจริงๆถึงกับมีพี่วินประจำตัว เชื่อแล้วครับว่างานด่วนและยุ่งมาก พอได้ทีละโผล่มาขยี้ใหญ่เลย 555
ช่วงเวลาสำคัญของไอ้ยุ่น กับความสัมพันธ์แบบเจอกันเดือนละครั้ง
ค่อยๆรู้จัก ค่อยๆสนิท รักแบบไม่ชัดเจนแต่ก็รู้สึกได้ว่ารัก โรแมนติกไปอีกแบบดี
บทแบบรักเขิน รักเก็บเงียบ รักอายๆเนี่ย ต้องซันนี่จริงๆ
ด้านการแสดง นับว่านี่เป็นบทที่ดีที่สุดอีกบทของซันนี่ได้เลยนะ
เล่นได้ทุกอณูจริงๆ ตีแตกกระจายได้ภายในสีหน้านิ่งๆ และเสียงในหัว ไม่ธรรมดาเจง ซันนี่
หมออิม ได้ใหม่ ดาวิกามาเล่น ต้องบอกว่าสวยในแบบหมอมากๆ หน้าจืดแบบดูยังไงก็น่ารัก
คือเล่นให้คนรู้สึกเชื่อได้ว่าเธอคือคนที่ทำให้คนอย่างไอ้ยุ่นยอมเปลี่ยนตัวเอง ดูแลตัวเองเพื่อหมอได้
แค่นี้ก็โรแมนติกแล้ว ความรักที่บันดาลใจให้รู้จักรักตัวเอง เล็กจ้อยแต่สวยงาม
ตัวละครอีกคนที่ต้องพูดถึงเลยคือเจ๋ วีเล่นดีจริงครับ
เกิดเต็มๆ ถึงมาก ธรรมชาติมาก ฉากเถียงกะอัศนัยทุกฉากคือบทพิสูจน์ว่าเล่นดีและมีของ เป็นความผูกพันของเพื่อนร่วมงานหนึ่งเดียวที่ดีจริง
ในขณะเดียวกันมันก็กระแทกจึ้กมาตรงกลางใจสำหรับยุคสมัยนี้ ยิ่งถ้าคนทำฟรีแลนซ์เจอหนังของตัวเองเข้าไปต้องมีจึ้กกันไปหลายจึ้กล่ะ
มันเป็นหนังที่เล่ายุคสมัยที่คนทำอะไรคนเดียวได้ฮามาก แต่ฮาได้ไม่นานก็วนกลับมาจึ้กมากในเวลาต่อมา
มันเป็นอยู่อย่างนี้ หนังพาเรามาถึงจุดๆหนึ่งที่เห็นได้ว่า มนุษย์ยุคนี้แม่มมีความสุขด้วยตัวคนเดียวแล้วใช่มะวะ?
บอกตรงๆว่ามันช่างโหวง เหงาและเศร้าเลย คนที่ทำงานจนไม่มีเวลา จนไม่มีเพื่อน
เพื่อนที่มีก็มีแค่เพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่งานศพ เพื่อนที่เซเว่น สุดท้ายคือมีตัวเองเป็นเพื่อน
หมดแล้วจริงๆ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนในชีวิตมีเท่านี้
ความสุขทุกอย่างแทบจะเป็นแบบ DIY ทำเอง หาเอาในเนต ทำเองคนเดียว เที่ยวก็เที่ยวคนเดียว
เห้อโคตรเหงาเลย มันสนุกมากกับมุขแต่พอถึงจุดนึงก็มานั่งเอนหลังติดเบาะทำตาลอยๆครุ่นคิดถึงชีวิตที่แม่มสำคัญแค่การทำงานให้ทัน
ทำงานให้ถึงจุดที่ตัวเองตั้งไว้ โดยที่ต่อมาก็ไม่ได้มีความสำคัญห่าอะไรเลย เห้ยโคตรถึงครับ โมเม้นนี้
มันมาจริงๆ แล้วยิ่งเอามาก้าวผ่านช่วงวันสำคัญอย่างปีใหม่ในแบบฟรีแลนซ์นี่มันยิ่งเหงานะ
เป็นมนุษย์ที่แทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับโลกใดๆเลย เหงาอ่ะ
คิดว่าเฮียเต๋อเป็นคนทำหนังที่เข้าใจยุคสมัยมากๆ จริงๆก็ตั้งแต่ในแมรี่แล้ว
สามารถสะท้อนออกมาบนหนังได้แบบตลกมากแต่ก็เรียลมาก เพราะมันจริงมาก
เขาสามารถตลกพร้อมกับเสียดสีและสะท้อนหลายๆอย่างของยุคสมัยได้ในเวลาเดียวกัน ร้ายครับร้าย
หรือทางออก การเรียนรู้ที่เติบโตไปอีกขั้นแบบมีนัยสำคัญแบบหนังเรื่องอื่น
ไม่มีวันซะหรอก ตัวละครอย่างยุ่นน่ะเหรอ ฟรีแลนซ์ที่ไม่มีวันหยุด คิดว่าหลายๆสิ่งคือเสียเวลางาน
มีเพื่อนพนักงานเซเว่นอย่างไอ่ไก่เป็นที่ปรึกษา การกระทำก็ออกมาได้เท่านี้ล่ะ
อยากพยายามปลอบใจ.. อยากพยายามเคลียร์ความรู้สึก.. เคลียร์ปมคาใจ..
ก็ได้แต่พูดได้เท่านี้ แต่ต่อให้จะดูพยายาม ดูไปไม่เป็นยังไงนะ
ก็คนมันตั้งใจทำเพื่อคนอื่นอ่ะ มันดูน่ารัก ดูแล้วยิ้มได้ทั้งนั้นล่ะ
สำหรับคนทำงานที่เพิ่งจะรู้จักที่จะรักร่างกายตัวเองเอาเมื่อวัย30อย่างไอ้ยุ่น
รู้สึกสิ่งที่ทำมันเข้ากับความเป็นไอ้ยุ่นดี สำหรับคนที่เพิ่งผ่านจุดที่พังที่สุดในชีวิตมา
ฉากพระอาทิตย์ถือเป็นโมเม้นสั้นๆที่งดงามชอบมาก คือช่วงเวลาที่สวยงาม ชวนทบทวนสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต
ใครอยากดูอยากแนะนำเลยว่า ลืมไปให้หมดกับความคาดหวังในอารมณ์อมยิ้มฟรุ้งฟริ้ง ฟีลกู้ดเป็นหลักแบบ GTH หลายๆเรื่องยุคหลัง
เป็นความหมกมุ่นที่ออกมาได้ฮามากและสะเทือนใจได้พร้อมกัน เรื่องนี้พอถึงจุดที่รู้สึกว่า
เขาเป็นจุดที่เล็กจ้อยและไม่สำคัญบนโลกนี้แค่ไหนแล้วมันยิ่งอินครับ
ไอ่ยุ่นคือตัวแทนของมนุษย์ทำงานจนแทบจะไม่มีตัวตนบนโลกนี้ที่เพิ่งรู้จักกับความรัก
มันทั้งโรแมนติก ทั้งเหงา ทั้งจึ้ก ในเวลาพร้อมๆกัน
ปล. เห็นหลายคนบอกว่ามันเบิร์ดแมน ถามว่ามันเบิร์ดแมนไหม ก็เบิร์ดแมนพอสมควรนะ เสียงกลองนี่ลอยมาเลย คล้ายไปหน่อย
แต่ก็โอเคถือเป็นอินสไปร์ไป ไม่เอามาซีเรียส เพราะเสียงเป่าๆแบบแมรี่ยังตามมาหลอนอยู่เลย 55
ก็ผสมปนเปกันไป พอคิดว่ามันก็เข้าดีกับธีมหมกมุ่น คุยกะตัวเอง แต่ก็มีการเล่าเรื่องยุ่น เล่ามุมมองของตัวเองต่อยอดไปอีกมาก
ปล.2 ฉากเจอหมออิม ม่านในห้องตรวจมันเข้ากับม่านในสกาลาได้เป๊ะเลยครับ
สวยดี มันได้อ่ะ ดูประสานดี สวยแบบเป็นการร่วมงานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
หากอ่านแล้วถูกใจ ฝากติดตามเพจด้วยครับผม
จะทยอยเขียนหนังตามความรู้สึกที่ได้ในแต่ละเรื่องเรื่อยๆนะครับ โย่