มีครอบครัวนี่มันดียังไง ผู้หญิงได้แต่งงานนี่คือชีวิตsuccessหรอคะ? ทำไมผู้หญิงอยากมีผัวกันจัง

การแต่งงานเหมือนการลงทุกทุกชนิดบนโลก
ที่ต้องมีการวางแผนในการลงทุน
มีความเสี่ยงสูงยิ่งกว่าการซื้อหุ้นหรือล๊อตตารี่เสียอีก
เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นตัวแปรควบคุมไม่ได้

ผู้หญิง1คน
เกิดมาครอบครัวต้องลงทุนให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ในระดับสูงขึ้นไปเป็นต้นว่าเลยจากป.ตรี
เธอเหล่านั้นอาจจะต้องลงทุนด้วยตัวเอง
ในส่วนของการศึกษาเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคง
ในอาชีพการงานทำเพื่ิอเพิ่มศักยภาพในการทำงาน
ใครเรียนสายอาชีพที่มีการแข่งขันในวงการสูง
ก็ยิ่งต้องพยายามมาก กว่าที่ผู้หญิง1คน
จะเรียนจบขั้นพื้นฐานที่สังคมต้องการ
ใช้เวลาเกินกว่า10ปี ปีละเป็นแสนบาท
รวมเป็นเงินกว่าล้านบาท

ยัง...ยังไม่พอให้ใช้ชีวิต
หน้าตาทางสังคมก็เป็นเรื่องต้องลงทุนอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางงานบางสายอาชีพ
ต้องแต่งหน้าแต่งตัวทุกวัน

แต่ทุกอาชีพต้องมีค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานทางด้านปัจจัย4เป็นอย่างน้อย
อาจจะคิดเป็น40%ของรายได้
หรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่ดับความสามารถในการจัดสรรค์ค่าใช้จ่ายของรายได้แต่ละบุคคล
แปลว่านี่ยังไม่นับค่าใช้จ่ายเพื่อความสวยงามเลยนะ
คิดดูซิว่าแต่ละเดือนนอกจากปัจจัย4
แล้วยังต้องมีค่าความสวยความงามเป็นปัจจัยที่5อีก
เราต้องลงทุนเพื่อชีวิตที่ดีกว่าขนาดไหน
คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด?

แล้วสิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาสักคนหนึ่งต้องเจอมีอะไรบ้าง
อย่างที่บอก เราลงทุนไปในชีวิตมาเท่าไหร่
เพื่อมาเผชิญกับภาวะความเสี่ยง
ในการมีสิ่งที่เรียกว่าผัวเป็นตัวเป็นตน

การแต่งงานคือการใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลอีกคนหนึ่ง
ซึ่งเราไม่สามารถคาดคะเนความเสี่ยงในอนาคตได้
จากรายได้หรือความสามารถในปัจจุบัน
การแต่งงานโดยเฉพาะการจดทะเบียน
ทรัพย์สินที่หามาได้ร่วมกันหลังการแต่งงาน
กฎหมายถือเป็นสินสมรส
คิดในทางการลงทุนเหมือนมีผู้หุ้นร่วม
รายได้จึงถือเป็นการหาร2โดยชอบธรรมตามกฎหมาย
แต่ในความเป็นจริงเป็นอย่างนั้นมั้ย?
เมื่อมีลูกค่าใช้จ่ายใหม่จะเกิดขึ้นมาอีก
ตั้งแต่อนุบาลจนเข้ามหาลัย
ในการร่วมกันหาทรัพย์สินหลังแต่งงาน
มีความมั่นคงหรือไม่ช่างเป็นความเสี่ยงที่ยากจะคาดคะเน!!!

ไม่มีอะไรค่ะเรารำคราญ
กลับบ้านญาติชอบถามจู้จี้
พี่น้องมีลูกผัวกันหมดแล้วเรายังโสด
ถูกมองว่าไม่มีใครเอาไปอีก
ทั้งที่ความจริงคือเราไม่เอาใคร
แต่ถูกสังคมพิพากษาแบบไม่ยอมให้ยื่นอุทรสักนิด...
เพื่อนฝูงรุ่นเดียวกันก็ถยอยแต่งงานมีครอบครัว
แต่ถยอยหย่าร้างแบ่งสงบัติก็มากมี
ญาติพี่น้องก็เช่นกันมีลูกผัวกันหมด
บางคนลูกหลายคนผัวก็หลายคนเปลี่ยนปีเว้นปี
ทั้งที่หลายคนก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตแต่งงาน
ทำไมยังเหยียดคนไม่แต่งงานว่าไม่มีคู่คือไม่มีใครเอาไปอีก

ไม่มีไร แค่อยากถามและอยากระบายลอยๆเอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
อมยิ้ม04..คนเรานะคุณน้อง ..ถ้าคิดจะมีความเชื่อมั่นในความคิด เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง ..ก็จงมีให้ตลอดรอดฝั่งค่ะ
เช่น ไหนๆ ก็สามารถทำมาหากิน เลี้ยงตัวเองได้ ..ยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้
ไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมต้องมีสามี มาเป็นคู่คิด
ทำไมจะต้องมีลูก มีทายาท มีผู้สืบสันดาน
..ก็จงอย่าได้หวั่นไหวไปกับคำถามจากคนอื่น ..แม้ว่าคนอื่นที่ว่านี้ จะหมายถึงพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของคุณก็ตาม

รู้จักคำว่า ..เรื่องของกรู ..เรื่องของเมิง ..เรื่องของมัน..บ้างก็ดีค่ะ

ใครถาม ..ทำไมยังไม่มีผัว ..ตอบไปเลย ..เรื่องของกรู
ใครพูด ..ที่ถามนี่เพราะกรูเป็นห่วงนะ ..ตอบไปเลย ..เรื่องของเมิง
ใครบอก ..คนโน้น เค้าจัดงานแต่งงานใหญ่โต คนนี้เค้ามีลูกคนที่ 2 แล้ว คนนั้นเค้าเลิกกับผัวแล้วนะ รู้หรือยัง
..ก็ตอบไปเลยว่า ..เรื่องของมัน !!

เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ค่ะ

..ไม่จำเป็นต้องค้นหาเหตุผล ของคนอื่น ที่มีพฤติกรรมที่ต่างจากเรา
..ไม่จำเป็นต้องรู้สึกขุ่นเคืองคนอื่น ที่ถามคำถาม ที่เราไม่อยากตอบ
..ไม่จำเป็นต้องว่ากราด เหมารวมไปหมด ด้วยคำพูดที่อาจสร้างความ "ระคาย" ให้คนหมู่มาก ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่คุณประสบ

ในฐานะที่พี่ก็แต่งงาน มีครอบครัวแล้ว ..มีสามีที่ดี น่ารัก เสมอต้นเสมอปลาย ..อยู่กินกันมา ปีนี้ปีที่ 15
เค้าก็ยังทำตัวน่ารักเหมือนตอนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อ 20 ปีก่อน
..มีลูกๆ ที่น่ารัก เป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไปไหนใครก็ชม เป็นที่รักของคนที่พบเห็น
..หน้าที่การงาน ความมั่นคงทางการเงิน ทรัพย์สิน-หนี้สิน-ทุนของครอบครัว ..ก็อยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีปัญหาหนี้สินรุมเร้า ..ถึงมีหนี้ ก็มีปัญญาจ่าย

ถ้าให้พี่ประเมินตัวเองว่าประสบความสำเร็จในชีวิตมั้ย ..พี่ก็คิดว่าพี่ success นะ
..แต่เพราะพี่ไม่รีบ พี่ก็เป็น working woman ที่ยืนด้วยลำแข้งตัวเอง หายใจด้วยจมูกตัวเองได้ ..ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องนั่งงอมืองอเท้า รอขอเงินผัวใช้
ดูใจแฟน ก็ดูกันนานพอ ..ไม่ใช่รีบร้อนลนลาน ตัวซีดตัวสั่น ..พี่แต่งงานตอน 30 ขวบเข้าไปแล้ว กว่าจะมีลูก อีกเป็นปีๆ ..ตอนนี้ลูกคนโตถึงเพิ่งจะอยู่ ม.1
ในขณะที่ญาติโยม เพื่อนฝูงที่มีลูกไวๆ นี่ ..อาย 40 กลางๆ เท่าพี่เนี่ย ..มันได้เป็นย่า เป็นยายคนแล้วนะ ..แล้วมาลากเราให้ "แก่" ตามไปด้วย ..พี่งี้ โคตรเคือง !

..ก็พยายามทำใจให้ผ่อนคลายเข้าไว้ค่ะ อย่าเอาคำพูดของคนอื่นมาเป็นอารมณ์
ถ้าคุณพอใจใน "ความโสด" ของคุณ ..ก็อย่าได้หวั่นไหวค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีค่ะ ^^
ความคิดเห็นที่ 11
คนที่มีแนวคิดแบบ จขกท. ส่วนใหญ่ทั้งชายและหญิง ไม่พร้อมที่จะแบ่งปันความสุข เสียสละเวลา มีความเมตตา

เสียสละชีวิตส่วนตัวทั้งชีวิต อดทน และเห็นอกเห็นใจ อีกทั้งต้องยอมสละทรัพย์ในส่วนที่ตัวเอง

อยากเอาไปซื้อของที่อยากได้ เที่ยวต่างประเทศ เครื่องสำอางค์ ทำตัวหรู ๆ และอื่น ๆ

ซึ่งคุณยังสละความเห็นแก่ตัวไม่ได้ ถ้าใจยังไม่พร้อมรับตรงนี้ จงมีแฟนก็เพียงพอแล้ว

อย่าได้ริอาจแต่งงาน และมีลูกเด็ดขาด  จนกว่าสติ จิตใจ พร้อมที่จะมีเมตตา และยอมสละความเห็นแก่ตัว

เพราะเมื่อคุณจะสร้างครอบครัว คุณต้องมีสิ่งดังกล่าวที่ผมบอกไป ชีวิตคืออะไร คุณต้องไปค้นหาความหมายด้วยตัวเอง

และความสงบของชีวิตคืออะไร คุณก็ต้องกระทำ และค้นหาด้วยตัวเอง

"วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" (กถมฺภูตสฺส เม รตฺตินฺทิวา วีติปตนฺตีติ)-พระพุทธเจ้า
ความคิดเห็นที่ 39
Success เพราะแต่งงาน มีแต่พวกบ้าละครหลังข่าวเท่านั้นล่ะครับ ที่จะอินกับเรื่องแบบนี้ Facepalm

เพราะหนังหลังข่าว ไม่ว่าพระเอกจะรวยล้นฟ้าและโง่ลึกล้ำแค่ไหน
สุดท้ายก็จบที่ "แต่งงาน แต่งงาน ๆๆๆๆๆ"

ผมล่ะแปลกใจกับคนที่ดูหนังพวกนี้จริงๆ ดูได้ไง
แค่เปลี่ยนบทของอาชีพตัวเอก, เปลี่ยนตัวดารา, เปลี่ยนชื่อเรื่อง
แต่เนื้อหาก็ยังกลวงเหมือนเดิม แถมมีฉากตบๆๆๆๆ และกรี๊ดๆๆๆๆ เป็นมาตรฐาน
ชีวิตจริงคงโดนกระทืบหรือโดนลูกปืนตายไปแล้ว

อ้อ ใครที่กรี๊ดได้ใกล้คนบ้าที่สุด เขาว่าตีบทแตก คือชื่นชมซะงั้น
และแน่นอน จะจบบริบูรณ์ได้คือต้อง "แต่งงาน" เต่าเอือม

----------------------

ผมมีตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของคนร่วมงานที่ชีวิตรักล้มเหลว

1. เด็กฝึกงาน : ผัวเป็นแว๊น งานการไม่ทำ เรียน ปวส.มาด้วยกัน เชื่อมั่นในรักแท้
พ่อแม่เลยจับแต่งกันตั้งแต่ยังไม่ 20 เพื่อหวัง "สินสอด" จากฝ่ายชาย
และมีการสัญญาปากกันด้วยว่า หากเลิกกันเมื่อไหร่ฝ่ายหญิงต้องคืนสินสอดเป็น 2 เท่า !!

ผลคือเด็กคนนี้โดนซ้อมตลอด ผัวหึง พักหลังมาทำงานสลับไม่มา เงินเดือนถูกตรึงที่ 9,000
แต่เธอเองก็ใช่ย่อย บ้าละคร บ้าหวย บ้าแฟชั่นมือถือ
และไม่ศึกษาเรื่องทางโลกแห่งความเป็นจริงเกี่ยวกับธุกิจ การสื่อสารกับลูกค้าติดขัด ขี้วีนขี้เหวี่ยง

บทสรุป : ผัวก็ไปมีหญิงใหม่ ทำไงได้ ชีวิตยังอีกยาวไกล แถมเธอเองก็โดนไล่ออกซะด้วย

----------------------

2. สาวผู้เหมารวมว่า "ผู้ชายเลวทั้งโลก"

ตำแหน่งเสมียน เคยมีแฟนแล้วประมาณ 5 ราย (จากที่ได้ยินเธอนั่งเมาท์ในห้องทำงาน ไม่อยากฟังก็ต้องฟัง)
รายสุดท้ายห่วยเหมือนเดิม และคิดว่าคงจะดีขึ้นถ้าได้ "จัดงานแต่ง"

ประมาณว่าคงรู้สึกมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะได้ผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ แท่งทองไปแล้ว

ผลสรุป : เสียเงินฟรี ค่าจัดงานต้องกู้มาเป็นแสน และสุดท้ายก็เลิกกันเพราะผู้ชายติดหนี้พนัน ทุกวันนี้ทำงานใช้ดอกเบี้ย

ปล.เธอคนนี้บ้าดูดวง บ้าหวย อยู่แต่ในโลกเพ้อฝัน ถ้าถูกหวยจะ $%^&*(
และพูดมาคำนึงว่า "ผู้ชายทั้งโลก มันก็ไม่ต่างกันหรอก"

----------------------

3. สาวผู้สูงศักดิ์ มีคุณค่าราว Platinum จากดาวอังคาร (มั๊ง) :

เธอคนนี้เข้าวัยกลางคนแล้ว แต่ความสวยยังไม่จางหาย
คาดว่าเมื่อสมัยยังหุ่นเซี๊ยะ ความงามคงมากกว่านี้หลายเท่า
และยังมีกลิ่นไอของความหยิ่งทะนง ตามสไตล์คนงามให้เห็นบ่อยๆ เช่นเอาแต่ใจแปลกๆ ฉันจะเอาให้ได้ !!
ทำให้รับประกันได้ว่า เมื่อก่อนเธอคงฮอตจริง ประมาณสวยเลือกได้ ด่าได้

แต่เมื่อได้ยินกิตติศัพท์แล้วก็ต้องอุทานในใจเบาๆ ว่า "แต่งงาน อีกแล้วเหรอวะ !"

เมื่อครั้งยังสาว เธอเคยปล่อยเนื้อตัวไปตามธรรมชาติและฮอร์โมน
เพื่อเลือกสรรผู้ที่เหมาะสมที่สุดมาเป็นหัวหน้าครอบครัว
บุคคลที่ว่าเนี่ยไม่ต้องมีอะไรมาก "แค่รวย" ก็พอจ้า
ศึกชิงนางที่ฝ่ายชายเอาฐานะมาทับถมกัน......ในขณะที่ฝ่ายหญิงก็ไปกับเขาทั่ว โดยไม่รู้สึกเขินอายแต่อย่างใด

สุดท้ายเธอคือผู้ที่มีคุณค่าที่สุด.....ในวันสำคัญเพียงวันเดียว.....เท่านั้นเอง ?

(เรื่องราวทั้งหมด ได้ยินจากเธอเมื่อบริษัทพาไปเลี้ยงข้าวในงานสัมมนา คือพูดเชิงภูมิใจมาก.....ตรงไหนวะ ?)

เคยทำตัวเสเพลมายังไง สุดท้ายได้เข้าพิธีราคาแพงๆ ก็สามารถลบล้างความเสื่อมได้ยังงั้นเหรอ ??
คืออันนี้แอบไม่เข้าใจ...ทำตัวเหลวแหลกขนาดไหน ก็ยังมีคุณค่า ??

----------------------

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จบครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ผู้หญิงจำนวนมากก็ไม่ได้อยากมีผัวกันจังแบบหัวกระทู้จั่วไว้หรอกค่ะ หลายๆคนจังหวะชีวิตมันลงตัวแบบนั้น เจอคนที่อยากอยู่ด้วย คุยกันได้ก็แต่งกันไป ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็อยู่คนเดียวได้ไม่เดือดร้อน ไม่ร้อนรนจะมีผัวนะคะ

และชีวิตคู่ก็ไม่ได้แย่ขนาดที่คุณคิดหรอกค่ะ ไม่งั้นมนุษย์เราคงไม่สืบเผ่าพันธุ์มาจนบัดนี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นกับการเลือกคนที่จะมาเป็นคู่ด้วย ถ้าคุณหงุดหงิดกับคำถามของญาติๆ ก็ตอบเค้าตรงๆเลยค่ะว่าคุณไม่ต้องการมีคู่ มีความสุขกับชีวิตแบบนี้ดี หรือถ้าพูดลับหลังก็ควรหาโอกาสถามเค้าตรงๆ แต่อย่าโทษว่าการมีชีวิตคู่เป็นเรื่องเลวร้าย เค้าจะว่าได้ว่าคุณเป็นพวกองุ่นเปรี้ยว

เหรียญมีสองด้านเสมอ ชีวิตโสดหรือชีวิตคู่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน
ความคิดเห็นที่ 14
มีครอบครัวมันดียังไง?????
มีคนเคยบอกว่ามีผัวดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่1 ซึ่งเราคิดว่าเป็น 1ในนั้นที่โชคดี

จะมีสักกี่คนที่บอกรัก และคิดถึงเราทุกวัน วันนึงหลายๆรอบ
จะมีสักกี่คนแม้ภรรยาตัวเองไม่อยากกินอะไรก็ยังหมั่นหาของดีๆ มายัดใส่ปากให้ตลอด  ตัวเองกินหน่อย นะ คำนึง
จะมีสักกี่คนที่บ่นเวลาใช้หยิบของ แต่แปลกกลับชอบให้เราใชั
จะมีสักกี่คนเวลานั่งกินข้าวด้วยกัน มักจะตักแต่ของดีๆ ให้เราก่อน
จะมีสักกี่คนที่จูงมือเราตลอดเวลาเดินริมถนน เพราะซุ่มซ่าม
จะมีสักกี่คนที่ยอมถอนขนรักแร้ ให้เราไปตลอดแม้กระทั่งในวันเกิดตัวเอง
จะมีสักกี่คนที่คอยถอดแว่นให้เรา เวลาเราเผลอหลับ      

โอ้ยยย อีกเยอะขัอดีของการมีครอบครัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่