ตอนที่2
พิมพ์รัมภาฟื้นแล้ว..ครอบครัวขอบคุณสื่อมวลชนและแฟนๆที่คอยให้กำลังใจเสมอ...
นายพุฒิ ฐิติวรดา เจ้าของโรงแรมลักชัวร์รี่ โรงแรมหรูใจกลางกรุง เปิดห้องโรงแรจัดการแถลงข่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนพิมพ์รัมภา และขอบคุณแฟนๆที่คอยส่งกำลังใจตลอกเวลารักษาตัว และแถลงข่าวเรื่องอาการของพิมพ์รัมภา
เมื่อวานนี้เวลา13.00นาฬิกา ณ ห้อง มิลเลี่ยนแนร์ โรงแรมลักชัวร์รี่ ถนนสุขุมวิท นายพุฒิ ฐิติวรดา บิดาของดาราสาว พิมพ์รัมภา ฐิติวรดา ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน และแฟนๆผลงานของพิมพ์รัมภา ที่คอยส่งกำลังใจมาให้โดยตลอด เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงอาการของพิมพ์รัมภา และอยากทราบว่าเมื่อไหร่พิมพ์รัมภาจะออกมาพบสื่อมวลชนและแฟนๆได้ นายพุฒิก็ให้คำตอบว่าขณะนี้อาการของพิมพ์รัมภาดีขึ้นมาก จนเกือบหายเป็นปกติ ซึ่งตอนนี้อยากให้พิมพ์รัมภาพักฟื้นให้เต็มที่ก่อน...ส่วนเรื่องกลับเข้าวงการนายพุฒิกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ ขอให้เจ้าตัวพร้อมและตัดสินใจเอง...
*****************************************
“เจ้จู” หรือ”จุฑารส” วางหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งลง หลังจากอ่านข่าวของอดีต"นายจ้าง" ซึ่งหลังจากข่าวอาการของพิมพ์รัมภาเผยแพร่ออกไป เธอก็รับโทรศัพท์แทบไม่หวาดไม่ไหว เพราะบรรดาเอเจนซี่โฆษณาและผู้จัดละคร ก็โทรมาถามไถ่ถึงคิวงานที่จะให้พิมพ์รัมภาจะรับเมื่อพิมพ์รัมภาหายดี
เจ้จูแม้จะรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่ตั้งแต่พิมพ์รัมภาประสบอุบัติเหตุ เธอก็ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมพิมพ์รัมภาบ่อยสักเท่าไหร่ ผิดวิสัยคนที่ทำงานด้วยกัน แวบแรกที่จุฑาสคิดเมื่อทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุ เธอกลับคิดอยากจะให้พิมพ์รัมภาตายๆไปเสียมากกว่า อาจจะดูเหมือนเจ้จูใจร้าย แต่เจ้จูคิดว่าก็เป็นสิ่งที่พิมพ์รัมภาสมควรได้รับ เพราะคงไม่เคยมีใครรู้ว่าดาราที่เบื้องหน้าดูสวยงาม สดใสน่ารัก และแสนดีนั้น แท้ที่จริงพิมพ์รัมภาก็เป็นนางฟ้าอสูร ที่เอาแต่ใจตัวเอง เจ้าอารมณ์ ดูถูกคนอื่นๆ และไม่เคยเคารพใคร อีกทั้งยังปากร้าย พูดจาควานผ่าซากไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่พิมพ์รัมภาก็เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมาก ๆ ทำให้บรรดาเอเจนซี่โฆษณาทั้งหลายต่างอยากได้เธอไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของตน อาจจะเป็นเพราะบุคลิกรูปร่างหน้าตาของพิมพ์รัมภาที่ดูดีมีเสน่ห์ราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ฝีมือการแสดงก็ดี ตีบทได้แตกกระจาย โดยเฉพาะบทของนางเอกผู้อาภัพที่น่าสงสาร อีกทั้งเธอก็ไม่มีข่าวคราวเสียหายทางชู้สาวกับดาราชายคนไหน
"ก็จะไปมีได้อย่างไร ในเมื่อเธอแสดงท่าทางรังเกียจเขาไปเสียหมด" ช่างทำผมในกองถ่ายคนหนึ่งเคยเปรยๆให้เจ้จูได้ยิน!
เหตุที่ทำให้เจ้จูผู้คร่ำหวอดกับวงการบันเทิงมากว่า 25 ปี และเป็นผู้จัดการส่วนตัวดารามาไม่ต่ำกว่า 10 คน และได้เป็นที่ยอมรับว่าจากคนในวงการบันเทิงว่าเธอเป็นมือหนึ่ง รู้สึกเกลียดชังดาราสาวผู้นี้คงเป็นเพราะ เจ้จูก็ไม่เคยได้รับการเคารพจากพิมพ์รัมภาเลยแม้สักครั้งเดียว พิมพ์รัมภาเห็นเจ้จูเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่งและดูถูกดูแคลนสารพัด นี่ถ้าหากทางบริษัทที่เคยมีบุญมีคุณกันกับเจ้จูไม่มาขอร้องให้เธอมาเป็นผู้จัดการให้ดาราคนนี้แล้วละก็ ถึงจ้างด้วยเงินสักแสน เธอก็ไม่อยากทำ แม้ศักดิ์ศรีจะกินไม่ได้แต่มันก็สำคัญกับเจ้จูพอสมควร ด้วยเหตุนี้เจ้จูจึงรู้สึกขุ่นเคืองหากจะต้องมาร่วมงานกับพิมพ์รัมภาอีก
คุณชูวิทย์โทรมาหาเจ้จูเมื่อสองวันที่แล้ว ก่อนที่พ่อของพิมพ์รัมภาจะออกมาแถลงข่าวเรื่องอาการของพิมพ์รัมภา ขอร้องให้เจ้จูรับเป็นผู้จัดการให้กับพิมพ์รัมภาต่อ แม้เจ้จูจะกระอักกระอ่วนกับคำขอของคุณชูวิทย์ แต่ก็ยากจะปฏิเสธ เพราะนึกถึงบุญคุณที่คุณชูวิทย์ช่วยเหลือไว้เมื่อครั้งที่ลูกชายเกือบจะต้องเข้าคุกคดียาเสพติด หากไม่มีคุณชูวิทย์ช่วยเดินเรื่องไกล่เกลี่ยให้เมื่อครั้งนั้น ลูกชายของเธอคงเข้าไปอยู่ในคุก ไม่ใช่ไปอยู่ที่อเมริกาเหมือนอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นเมื่อทางบริษัทแจ้งออกไปว่าผู้จัดการพิมพ์รัมภายังเป็นเจ้จูคนเดิม เธอจึงต้องมารับโทรศัพท์จ้าละหวั่นอย่างวันนี้
เจ้จูออกจากบ้านในตอนสาย เพราะจำเป็นต้องไปที่บ้านของพิมพ์รัมภา ก็คงจะต้องไปเยี่ยมพิมพ์รัมภาสักหน่อยตามมารยาท ไหนๆก็จะต้องกลับมาร่วมงานกันอีก แต่เมื่อนึกถึงวันที่ไปบ้านหลังนั้นครั้งสุดท้าย เจ้จูก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที ครั้งนั้นเจ้จูไปหาพิมพ์รัมภาที่บ้านเนื่องจากงานโฆษณาของเธอต้องมีการถ่ายซ่อม แต่เมื่อเจ้จูจะโทรไปแจ้งข่าว พิมพ์รัมภาก็ไม่รับโทรศัพท์เอาดื้อๆ แล้วให้คนรับใช้โทรมาบอกว่าตัวเองป่วย แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้จูไปถึง ก็เห็นพิมพ์รัมภา กำลังนั่งเล่นแท็ปเล็ตอยู่ที่สวนหลังบ้าน ไม่มีอาการของคนป่วยเลยสักนิด เจ้จูจึงต่อว่าพิมพ์รัมภาไปว่าน่าจะรับผิดชอบงานให้มากกว่านี้ แต่...
“เจ้จูคะ......เจ้ก็เป็นแค่ลูกจ้าง...ไม่ใช่เจ้าชีวิตหนู เพราะฉะนั้นเจ้ไม่มีสิทธิมาว่าหนู...ลูกชายของเจ้ เจ้ก็ยังควบคุมให้เป็นคนดีไม่ได้ เจ้อย่ามาคิดจะควบคุมคนอื่นเลยนะคะ” พิมพ์รัมภาเสียงแข็งเถียงเจ้จูฉอดๆ วันนั้นเจ้จูจึงหันหลังให้กับบ้านหลังนี้และไม่คิดจะกลับมาเหยียบอีกเลย
เมื่อ เจ้จูให้คนรับใช้บ้านฐิติวรดานำรถไปจอดให้ เธอก็เดินเข้าไปที่ห้องรับแขกโดยมีคนรับใช้นำทางไปให้ บ้านช่องหรูหรา เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่แปลกใจที่พิมพ์รัมภาจะเอาแต่ใจ เพราะชีวิตเธอไม่เคยขาดอะไรเลย ทุกคนในบ้านนี้คงดูแลเธอราวกับว่าพิมพ์รัมภาเป็นเจ้าหญิง เจ้จูนั่งรอที่ห้องรับแขก และทำใจแล้วหากจะโดนพายุอารมณ์ของพิมพ์รัมภาอีกในวันนี้ จึงนั่งสงบรอเจ้าของบ้าน
ผู้ที่มาพบกับเจ้จูไม่ใช่พิมพ์รัมภา แต่กลับเป็นสลัลชนา แม่เลี้ยงขอเธอ เจ้จูเคยพบแม่เลี้ยงของพิมพ์รัมภามาบ้าง สลัลชนา เป็นผู้ดีทั้งกายและใจ ดูแล้วเป็นคนดี ไม่เหมือนพวกแม่เลี้ยงในละคร แต่พิมพ์รัมภากลับรังเกียจแม่เลี้ยงของตัวเอง เจ้จูคิดว่าคงเพราะพิมพ์รัมภากลัวว่าพ่อของเธอจะไม่รักเธอ แต่จริงๆแล้วทุกคนในบ้านนี้รักและตามใจเธอทุกคนแม้แต่สลัลชนา ก็รักและดูแลพิมพ์รัมภายิ่งกว่าลูกของตัวเอง แต่พิมพ์รัมภากลับพูดจาทำร้ายให้เสียน้ำใจอยู่บ่อยๆ
“ตอนนี้หนูพิมคงยังไม่พร้อมจะพบใครค่ะคุณจุฑารส เธอยังไม่หายดีเท่าไหร่ ดิฉันเรียนตามตรงว่า ดิฉันไม่แน่ใจว่าแกจะกลับไปรับงานได้อีกหรือเปล่า “ สลัลชนาพูดเมื่อขึ้นเมื่อทราบจุดประสงค์ในการมาของเจ้จูแล้ว
“เออ...ทำไมหรือคะ...คุณพิมพ์รัมภาเธอเป็นอะไรหรือคะ ไหนว่าหายดีแล้ว....”
“เออ.... เอาเป็นว่า...ให้เวลาแกอีกหน่อยเถอะค่ะ...แกยังสับสนอะไรอยู่นิดหน่อย...” เจ้จูฟังเข้าก็งง เอาอีกแล้ว แม่นางฟ้า เอาอีกแล้ว จริงเจ้จูก็คาดไว้แล้วว่าคงได้รับการปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้จูก็ยังอยากจะเห็นกับตาตัวเองอยู่ดี ว่าตกลงแล้วพิมพ์รัมภาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่านังเล่นแท็ปเล็ตสบายใจอยู่บนเตียงนอน แล้วมาปฏิเสธงานเอาดื้อๆ
“ดิฉันขอขึ้นไปพบคุณพิมพ์รัมภาได้ไหมคะ...คืออยากดูอาการเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“......เอ่อ.........ฉันไม่คิดว่า.....”
“ขอร้องนะคะดิฉันอยากเห็นจริงๆว่าคุณพิมพ์รัมภา เป็นอย่างไรนะคะ....”
“คือคุณจุฑารสคะ ....เรียนตามตรงเลยนะคะ...คือ...หนูพิม...แกความจำเสื่อมค่ะ ตอนนี้แกจำใครไม่ได้เลย แม้แต่คนที่บ้าน...” สลัลชนาตัดสินใจพูดตามความจริง เพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังแล้วก็เล่าอาการทั้งหมดตั้งแต่พิมพ์รัมภาฟื้นให้เธอฟัง
“อะไรนะคะ...ความจำเสื่อม....”เจ้จูใจหาย แม้จะเกลียดนักหนา แต่ก็อดใจหายไม่ได้
“แกจำใครไม่ได้เลยค่ะ....ตั้งแต่แกฟื้นมา แกก็แปลกๆไป...”สลัลชนาหน้าเศร้า นึกถึงอาการของลูกเลี้ยง
“ลอง ให้ดิฉันเข้าไปคุยได้ไหมคะ ไปพูดเรื่องงานที่ผ่านๆมา เผื่อเธออาจจะจำอะไรได้บ้าง” สลัลชนามองหน้าเจ้จู ไม่รู้จะเห็นด้วยกับความคิดของเจ้จูดีหรือไม่...
*****************************************
พิมพ์-รัมภา ตอนที่ 2
พิมพ์รัมภาฟื้นแล้ว..ครอบครัวขอบคุณสื่อมวลชนและแฟนๆที่คอยให้กำลังใจเสมอ...
นายพุฒิ ฐิติวรดา เจ้าของโรงแรมลักชัวร์รี่ โรงแรมหรูใจกลางกรุง เปิดห้องโรงแรจัดการแถลงข่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนพิมพ์รัมภา และขอบคุณแฟนๆที่คอยส่งกำลังใจตลอกเวลารักษาตัว และแถลงข่าวเรื่องอาการของพิมพ์รัมภา
เมื่อวานนี้เวลา13.00นาฬิกา ณ ห้อง มิลเลี่ยนแนร์ โรงแรมลักชัวร์รี่ ถนนสุขุมวิท นายพุฒิ ฐิติวรดา บิดาของดาราสาว พิมพ์รัมภา ฐิติวรดา ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน และแฟนๆผลงานของพิมพ์รัมภา ที่คอยส่งกำลังใจมาให้โดยตลอด เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงอาการของพิมพ์รัมภา และอยากทราบว่าเมื่อไหร่พิมพ์รัมภาจะออกมาพบสื่อมวลชนและแฟนๆได้ นายพุฒิก็ให้คำตอบว่าขณะนี้อาการของพิมพ์รัมภาดีขึ้นมาก จนเกือบหายเป็นปกติ ซึ่งตอนนี้อยากให้พิมพ์รัมภาพักฟื้นให้เต็มที่ก่อน...ส่วนเรื่องกลับเข้าวงการนายพุฒิกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ ขอให้เจ้าตัวพร้อมและตัดสินใจเอง...
*****************************************
“เจ้จู” หรือ”จุฑารส” วางหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งลง หลังจากอ่านข่าวของอดีต"นายจ้าง" ซึ่งหลังจากข่าวอาการของพิมพ์รัมภาเผยแพร่ออกไป เธอก็รับโทรศัพท์แทบไม่หวาดไม่ไหว เพราะบรรดาเอเจนซี่โฆษณาและผู้จัดละคร ก็โทรมาถามไถ่ถึงคิวงานที่จะให้พิมพ์รัมภาจะรับเมื่อพิมพ์รัมภาหายดี
เจ้จูแม้จะรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่ตั้งแต่พิมพ์รัมภาประสบอุบัติเหตุ เธอก็ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมพิมพ์รัมภาบ่อยสักเท่าไหร่ ผิดวิสัยคนที่ทำงานด้วยกัน แวบแรกที่จุฑาสคิดเมื่อทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุ เธอกลับคิดอยากจะให้พิมพ์รัมภาตายๆไปเสียมากกว่า อาจจะดูเหมือนเจ้จูใจร้าย แต่เจ้จูคิดว่าก็เป็นสิ่งที่พิมพ์รัมภาสมควรได้รับ เพราะคงไม่เคยมีใครรู้ว่าดาราที่เบื้องหน้าดูสวยงาม สดใสน่ารัก และแสนดีนั้น แท้ที่จริงพิมพ์รัมภาก็เป็นนางฟ้าอสูร ที่เอาแต่ใจตัวเอง เจ้าอารมณ์ ดูถูกคนอื่นๆ และไม่เคยเคารพใคร อีกทั้งยังปากร้าย พูดจาควานผ่าซากไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่พิมพ์รัมภาก็เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมาก ๆ ทำให้บรรดาเอเจนซี่โฆษณาทั้งหลายต่างอยากได้เธอไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของตน อาจจะเป็นเพราะบุคลิกรูปร่างหน้าตาของพิมพ์รัมภาที่ดูดีมีเสน่ห์ราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ฝีมือการแสดงก็ดี ตีบทได้แตกกระจาย โดยเฉพาะบทของนางเอกผู้อาภัพที่น่าสงสาร อีกทั้งเธอก็ไม่มีข่าวคราวเสียหายทางชู้สาวกับดาราชายคนไหน
"ก็จะไปมีได้อย่างไร ในเมื่อเธอแสดงท่าทางรังเกียจเขาไปเสียหมด" ช่างทำผมในกองถ่ายคนหนึ่งเคยเปรยๆให้เจ้จูได้ยิน!
เหตุที่ทำให้เจ้จูผู้คร่ำหวอดกับวงการบันเทิงมากว่า 25 ปี และเป็นผู้จัดการส่วนตัวดารามาไม่ต่ำกว่า 10 คน และได้เป็นที่ยอมรับว่าจากคนในวงการบันเทิงว่าเธอเป็นมือหนึ่ง รู้สึกเกลียดชังดาราสาวผู้นี้คงเป็นเพราะ เจ้จูก็ไม่เคยได้รับการเคารพจากพิมพ์รัมภาเลยแม้สักครั้งเดียว พิมพ์รัมภาเห็นเจ้จูเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่งและดูถูกดูแคลนสารพัด นี่ถ้าหากทางบริษัทที่เคยมีบุญมีคุณกันกับเจ้จูไม่มาขอร้องให้เธอมาเป็นผู้จัดการให้ดาราคนนี้แล้วละก็ ถึงจ้างด้วยเงินสักแสน เธอก็ไม่อยากทำ แม้ศักดิ์ศรีจะกินไม่ได้แต่มันก็สำคัญกับเจ้จูพอสมควร ด้วยเหตุนี้เจ้จูจึงรู้สึกขุ่นเคืองหากจะต้องมาร่วมงานกับพิมพ์รัมภาอีก
คุณชูวิทย์โทรมาหาเจ้จูเมื่อสองวันที่แล้ว ก่อนที่พ่อของพิมพ์รัมภาจะออกมาแถลงข่าวเรื่องอาการของพิมพ์รัมภา ขอร้องให้เจ้จูรับเป็นผู้จัดการให้กับพิมพ์รัมภาต่อ แม้เจ้จูจะกระอักกระอ่วนกับคำขอของคุณชูวิทย์ แต่ก็ยากจะปฏิเสธ เพราะนึกถึงบุญคุณที่คุณชูวิทย์ช่วยเหลือไว้เมื่อครั้งที่ลูกชายเกือบจะต้องเข้าคุกคดียาเสพติด หากไม่มีคุณชูวิทย์ช่วยเดินเรื่องไกล่เกลี่ยให้เมื่อครั้งนั้น ลูกชายของเธอคงเข้าไปอยู่ในคุก ไม่ใช่ไปอยู่ที่อเมริกาเหมือนอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นเมื่อทางบริษัทแจ้งออกไปว่าผู้จัดการพิมพ์รัมภายังเป็นเจ้จูคนเดิม เธอจึงต้องมารับโทรศัพท์จ้าละหวั่นอย่างวันนี้
เจ้จูออกจากบ้านในตอนสาย เพราะจำเป็นต้องไปที่บ้านของพิมพ์รัมภา ก็คงจะต้องไปเยี่ยมพิมพ์รัมภาสักหน่อยตามมารยาท ไหนๆก็จะต้องกลับมาร่วมงานกันอีก แต่เมื่อนึกถึงวันที่ไปบ้านหลังนั้นครั้งสุดท้าย เจ้จูก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที ครั้งนั้นเจ้จูไปหาพิมพ์รัมภาที่บ้านเนื่องจากงานโฆษณาของเธอต้องมีการถ่ายซ่อม แต่เมื่อเจ้จูจะโทรไปแจ้งข่าว พิมพ์รัมภาก็ไม่รับโทรศัพท์เอาดื้อๆ แล้วให้คนรับใช้โทรมาบอกว่าตัวเองป่วย แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้จูไปถึง ก็เห็นพิมพ์รัมภา กำลังนั่งเล่นแท็ปเล็ตอยู่ที่สวนหลังบ้าน ไม่มีอาการของคนป่วยเลยสักนิด เจ้จูจึงต่อว่าพิมพ์รัมภาไปว่าน่าจะรับผิดชอบงานให้มากกว่านี้ แต่...
“เจ้จูคะ......เจ้ก็เป็นแค่ลูกจ้าง...ไม่ใช่เจ้าชีวิตหนู เพราะฉะนั้นเจ้ไม่มีสิทธิมาว่าหนู...ลูกชายของเจ้ เจ้ก็ยังควบคุมให้เป็นคนดีไม่ได้ เจ้อย่ามาคิดจะควบคุมคนอื่นเลยนะคะ” พิมพ์รัมภาเสียงแข็งเถียงเจ้จูฉอดๆ วันนั้นเจ้จูจึงหันหลังให้กับบ้านหลังนี้และไม่คิดจะกลับมาเหยียบอีกเลย
เมื่อ เจ้จูให้คนรับใช้บ้านฐิติวรดานำรถไปจอดให้ เธอก็เดินเข้าไปที่ห้องรับแขกโดยมีคนรับใช้นำทางไปให้ บ้านช่องหรูหรา เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่แปลกใจที่พิมพ์รัมภาจะเอาแต่ใจ เพราะชีวิตเธอไม่เคยขาดอะไรเลย ทุกคนในบ้านนี้คงดูแลเธอราวกับว่าพิมพ์รัมภาเป็นเจ้าหญิง เจ้จูนั่งรอที่ห้องรับแขก และทำใจแล้วหากจะโดนพายุอารมณ์ของพิมพ์รัมภาอีกในวันนี้ จึงนั่งสงบรอเจ้าของบ้าน
ผู้ที่มาพบกับเจ้จูไม่ใช่พิมพ์รัมภา แต่กลับเป็นสลัลชนา แม่เลี้ยงขอเธอ เจ้จูเคยพบแม่เลี้ยงของพิมพ์รัมภามาบ้าง สลัลชนา เป็นผู้ดีทั้งกายและใจ ดูแล้วเป็นคนดี ไม่เหมือนพวกแม่เลี้ยงในละคร แต่พิมพ์รัมภากลับรังเกียจแม่เลี้ยงของตัวเอง เจ้จูคิดว่าคงเพราะพิมพ์รัมภากลัวว่าพ่อของเธอจะไม่รักเธอ แต่จริงๆแล้วทุกคนในบ้านนี้รักและตามใจเธอทุกคนแม้แต่สลัลชนา ก็รักและดูแลพิมพ์รัมภายิ่งกว่าลูกของตัวเอง แต่พิมพ์รัมภากลับพูดจาทำร้ายให้เสียน้ำใจอยู่บ่อยๆ
“ตอนนี้หนูพิมคงยังไม่พร้อมจะพบใครค่ะคุณจุฑารส เธอยังไม่หายดีเท่าไหร่ ดิฉันเรียนตามตรงว่า ดิฉันไม่แน่ใจว่าแกจะกลับไปรับงานได้อีกหรือเปล่า “ สลัลชนาพูดเมื่อขึ้นเมื่อทราบจุดประสงค์ในการมาของเจ้จูแล้ว
“เออ...ทำไมหรือคะ...คุณพิมพ์รัมภาเธอเป็นอะไรหรือคะ ไหนว่าหายดีแล้ว....”
“เออ.... เอาเป็นว่า...ให้เวลาแกอีกหน่อยเถอะค่ะ...แกยังสับสนอะไรอยู่นิดหน่อย...” เจ้จูฟังเข้าก็งง เอาอีกแล้ว แม่นางฟ้า เอาอีกแล้ว จริงเจ้จูก็คาดไว้แล้วว่าคงได้รับการปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้จูก็ยังอยากจะเห็นกับตาตัวเองอยู่ดี ว่าตกลงแล้วพิมพ์รัมภาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่านังเล่นแท็ปเล็ตสบายใจอยู่บนเตียงนอน แล้วมาปฏิเสธงานเอาดื้อๆ
“ดิฉันขอขึ้นไปพบคุณพิมพ์รัมภาได้ไหมคะ...คืออยากดูอาการเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“......เอ่อ.........ฉันไม่คิดว่า.....”
“ขอร้องนะคะดิฉันอยากเห็นจริงๆว่าคุณพิมพ์รัมภา เป็นอย่างไรนะคะ....”
“คือคุณจุฑารสคะ ....เรียนตามตรงเลยนะคะ...คือ...หนูพิม...แกความจำเสื่อมค่ะ ตอนนี้แกจำใครไม่ได้เลย แม้แต่คนที่บ้าน...” สลัลชนาตัดสินใจพูดตามความจริง เพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังแล้วก็เล่าอาการทั้งหมดตั้งแต่พิมพ์รัมภาฟื้นให้เธอฟัง
“อะไรนะคะ...ความจำเสื่อม....”เจ้จูใจหาย แม้จะเกลียดนักหนา แต่ก็อดใจหายไม่ได้
“แกจำใครไม่ได้เลยค่ะ....ตั้งแต่แกฟื้นมา แกก็แปลกๆไป...”สลัลชนาหน้าเศร้า นึกถึงอาการของลูกเลี้ยง
“ลอง ให้ดิฉันเข้าไปคุยได้ไหมคะ ไปพูดเรื่องงานที่ผ่านๆมา เผื่อเธออาจจะจำอะไรได้บ้าง” สลัลชนามองหน้าเจ้จู ไม่รู้จะเห็นด้วยกับความคิดของเจ้จูดีหรือไม่...
*****************************************